ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 370

ซูจื่อซีเขียนมาถึงคำที่สาม เขาเขียนอักษร ซ ลงไปอย่างยากลำบาก แต่ทำยังไงก็เขียนต่อไม่ได้

เขาไม่สามารถควบคุมมือของตัวเอง ได้ พอออกแรงเขียนก็ลื่นไถลไปข้างๆ

ชายคนนั้นขมวดคิ้วและหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น “เขียนใหม่”

ซูจื่อซีเริ่มเขียนใหม่อีกครั้ง : ซูจื่อ...

ไม่รู้ว่าทำไมคำว่า ซี เขียนยังไงก็ไม่ได้สักที

ซูจื่อซีร้อนใจ ถ้าเขาเขียนไม่ได้เขาก็จะออกไปจากที่นี่ไม่ได้

แปลว่าเขาจะต้องตายใช่ไหม?

แล้วซูจื่อซีก็เขียนชื่อของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืด แต่คำสุดท้ายเขียนอย่างไรก็ไม่สำเร็จสักที

เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาเห็นคน ๆ นั้นและกระดาษแผ่นนั้นได้อย่างไร รู้เพียงว่าเขาเขียนชื่อตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า สติสัมปชัญญะของเขาค่อยเลือนหายไปแล้วเขียนชื่อราวกับหุ่นยนต์

ทันใดนั้นเกิดเสียงดังโครม แล้วความมืดมิดที่อยู่ตรงหน้าเขาก็แตกออกและคน ๆ นั้นก็หายตัวไป ซูจื่อซีมองความว่างเปล่าตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

มีลำแสงลำหนึ่งอยู่ไกล ๆ เขาวิ่งตามหาแสงไปตลอดทางวิ่งไป ๆ เขาก็วิ่งผ่านที่ที่เหมือนกับหมู่บ้านในชนบท แล้วก็วิ่งผ่านที่ที่เหมือนกับตลาดนัด

สิ่งปลูกสร้างในสถานที่เหล่านี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากสิ่งปลูกสร้างในโลกมนุษย์แต่อย่างใด แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือไม่มีใครอยู่เลยสักคน

ในที่สุดเขาก็วิ่งมาถึงประตูบานใหญ่บานหนึ่ง ประตูบานนั้นจะสูงจนน่าจะทะลุเมฆไปแล้ว

เขาออกแรงผลักประตูให้เปิด เปิดเข้ามาด้านในเป็นห้องโถงวังที่ว่างเปล่า ซูจื่อซีก้าวเข้าไปโดยไม่รู้ตัว...

ทั้งสองด้านของห้องโถงมียมทูตทั้งสิบอยู่ ——

นำโดยยมทูตหัววัว ยมทูตหัวม้า ยมทูตดำและยมทูตขาว ใบหน้าของพวกเขาน่ากลัว ดวงตาของพวกเขาดูราวกับมีชีวิต ล้วนจ้องเขาตาเขม็ง

ซูจื่อซีกลัวเลยรีบเดินเข้าไปข้างใน รูปปั้นตัวถัดไปที่ยืนอยู่คือขุนพลราชาผี ผมแดงเขี้ยวยาวราวกับมารในมือถือระฆังปีศาจ

ซูจื่อซีไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้จักยมทูตเหล่านี้ได้ เขารีบวิ่งเข้าไปข้างในอีกครั้งราวกับว่าเมื่อผ่านเข้าประตูมาแล้วเขาไม่สามารถถอยกลับได้อีก เขาไม่มีความคิดที่จะถอยกลับออกไปแม้แต่น้อย

หลังจากพ้นขุนพลราชาผีมา ก็เป็นรูปปั้นของเทพเจ้าท่องกลางวันและเทพเจ้าท่องกลางคืน ตามตำนานเทพสององค์นี้จะพเนจรไปทั่วโลกมนุษย์โดยเฉพาะ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของทุกคนว่าใครทำความดีความชั่วร้ายอย่างไร

พวกชาวบ้านคิดว่าพวกท่านเป็นเทพเจ้าที่ดุร้ายหากมีใครกล้าวิ่งเข้าไปชนพวกเขาจะถูกบันทึกไว้ในรายชื่อ...

ถัดไปเป็นยมทูตหางเสือดาว ยมทูตปากนก ยมทูตเหงือกปลา และผมทูตตัวต่อ ในตำนานพื้นบ้านพวกเขาทั้งหมดเป็นยมทูตรับตัววิญญาณเช่นเดียวกับยมทูตดำยมทูตขาว และยมทูตหัววัวยมทูตหัวม้า

ต่างกันตรงที่ยมทูตดำยมทูตขาวและยมทูตหัววัวยมทูตหัวม้าจะรับตัววิญญาณของมนุษย์ ในขณะที่ยมทูตหางเสือดาวจะรับตัววิญญาณของสัตว์ร้าย ยมทูตปากนกจะคอยรับตัววิญญาณของนกที่บินอยู่บนท้องฟ้ายมทูตเหงือกปลาจะรับตัววิญญาณสัตว์น้ำในแม่น้ำและทะเล และยมทูตตัวต่อจะรับตัววิญญาณพวกหนอนแมลง...

ตลอดทางซูจื่อซีวิ่งไปสิ่งที่เขาเห็นคือรูปปั้นที่เคลื่อนไหวไม่ได้ มีเพียงดวงตาหลายคู่ที่จ้องมาที่เขาราวกับว่ามันมีชีวิต

ในที่สุดเขาก็วิ่งไปถึงด้านหน้าสุด และเห็นแผ่นป้ายแขวนอยู่บนสูงอย่างชัดเจน - วังยมบาล

ซูจื่อซีตกตะลึง วังยมบาล!?

บ้าสิ นี่เขาตายแล้วเหรอ??

บัลลังก์ของเหยียนหลัวหวังใหญ่โตมาก มีขนาดใหญ่สูงเท่ากับอาคารชั้นเดียวทั่วไป มันงามสง่ามากแต่กลับไม่มีใครอยู่เลย

ซูจื่อซีมึนงง และในขณะนี้เองเขาก็เห็นคนนั่งอยู่บนบัลลังก์ขนาดใหญ่นั้น คนคนนั้นเงยหน้าขึ้นสบตาเขาพอดี

ซูจื่อซีเบิกตากว้าง “ซู่เป่า?!”

เขารีบวิ่งไปเข้าไปพลางตะโกนว่า “ซู่เป่า!”

“น้อง ๆ!”

แต่ซู่เป่ากลับยกมือขึ้นทำให้เขาไม่สามารถวิ่งไปข้างหน้าได้อีก แล้วพูดว่า “รีบกลับไปเสีย! เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

นางยกมือขึ้นแล้วซูจื่อซีก็รู้สึกว่าตัวเองบินได้

ซู่เป่าที่อยู่ด้านล่างจู่ ๆ ก็หยิบบางอย่างขึ้นมาและโยนมันใส่หน้าของเขาอย่างแรง

“อ๋อ อย่าลืมเอาสมองของเจ้ากลับไปด้วย!”

ซูจื่อซี “???”

เขาบินแล้วก็บิน...

ทันใดนั้นก็มีคนตบหน้าเขา เพียะ ๆ ๆ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน