ซูจื่อซีเขียนมาถึงคำที่สาม เขาเขียนอักษร ซ ลงไปอย่างยากลำบาก แต่ทำยังไงก็เขียนต่อไม่ได้
เขาไม่สามารถควบคุมมือของตัวเอง ได้ พอออกแรงเขียนก็ลื่นไถลไปข้างๆ
ชายคนนั้นขมวดคิ้วและหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น “เขียนใหม่”
ซูจื่อซีเริ่มเขียนใหม่อีกครั้ง : ซูจื่อ...
ไม่รู้ว่าทำไมคำว่า ซี เขียนยังไงก็ไม่ได้สักที
ซูจื่อซีร้อนใจ ถ้าเขาเขียนไม่ได้เขาก็จะออกไปจากที่นี่ไม่ได้
แปลว่าเขาจะต้องตายใช่ไหม?
แล้วซูจื่อซีก็เขียนชื่อของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืด แต่คำสุดท้ายเขียนอย่างไรก็ไม่สำเร็จสักที
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาเห็นคน ๆ นั้นและกระดาษแผ่นนั้นได้อย่างไร รู้เพียงว่าเขาเขียนชื่อตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า สติสัมปชัญญะของเขาค่อยเลือนหายไปแล้วเขียนชื่อราวกับหุ่นยนต์
ทันใดนั้นเกิดเสียงดังโครม แล้วความมืดมิดที่อยู่ตรงหน้าเขาก็แตกออกและคน ๆ นั้นก็หายตัวไป ซูจื่อซีมองความว่างเปล่าตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
มีลำแสงลำหนึ่งอยู่ไกล ๆ เขาวิ่งตามหาแสงไปตลอดทางวิ่งไป ๆ เขาก็วิ่งผ่านที่ที่เหมือนกับหมู่บ้านในชนบท แล้วก็วิ่งผ่านที่ที่เหมือนกับตลาดนัด
สิ่งปลูกสร้างในสถานที่เหล่านี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากสิ่งปลูกสร้างในโลกมนุษย์แต่อย่างใด แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือไม่มีใครอยู่เลยสักคน
ในที่สุดเขาก็วิ่งมาถึงประตูบานใหญ่บานหนึ่ง ประตูบานนั้นจะสูงจนน่าจะทะลุเมฆไปแล้ว
เขาออกแรงผลักประตูให้เปิด เปิดเข้ามาด้านในเป็นห้องโถงวังที่ว่างเปล่า ซูจื่อซีก้าวเข้าไปโดยไม่รู้ตัว...
ทั้งสองด้านของห้องโถงมียมทูตทั้งสิบอยู่ ——
นำโดยยมทูตหัววัว ยมทูตหัวม้า ยมทูตดำและยมทูตขาว ใบหน้าของพวกเขาน่ากลัว ดวงตาของพวกเขาดูราวกับมีชีวิต ล้วนจ้องเขาตาเขม็ง
ซูจื่อซีกลัวเลยรีบเดินเข้าไปข้างใน รูปปั้นตัวถัดไปที่ยืนอยู่คือขุนพลราชาผี ผมแดงเขี้ยวยาวราวกับมารในมือถือระฆังปีศาจ
ซูจื่อซีไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้จักยมทูตเหล่านี้ได้ เขารีบวิ่งเข้าไปข้างในอีกครั้งราวกับว่าเมื่อผ่านเข้าประตูมาแล้วเขาไม่สามารถถอยกลับได้อีก เขาไม่มีความคิดที่จะถอยกลับออกไปแม้แต่น้อย
หลังจากพ้นขุนพลราชาผีมา ก็เป็นรูปปั้นของเทพเจ้าท่องกลางวันและเทพเจ้าท่องกลางคืน ตามตำนานเทพสององค์นี้จะพเนจรไปทั่วโลกมนุษย์โดยเฉพาะ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของทุกคนว่าใครทำความดีความชั่วร้ายอย่างไร
พวกชาวบ้านคิดว่าพวกท่านเป็นเทพเจ้าที่ดุร้ายหากมีใครกล้าวิ่งเข้าไปชนพวกเขาจะถูกบันทึกไว้ในรายชื่อ...
ถัดไปเป็นยมทูตหางเสือดาว ยมทูตปากนก ยมทูตเหงือกปลา และผมทูตตัวต่อ ในตำนานพื้นบ้านพวกเขาทั้งหมดเป็นยมทูตรับตัววิญญาณเช่นเดียวกับยมทูตดำยมทูตขาว และยมทูตหัววัวยมทูตหัวม้า
ต่างกันตรงที่ยมทูตดำยมทูตขาวและยมทูตหัววัวยมทูตหัวม้าจะรับตัววิญญาณของมนุษย์ ในขณะที่ยมทูตหางเสือดาวจะรับตัววิญญาณของสัตว์ร้าย ยมทูตปากนกจะคอยรับตัววิญญาณของนกที่บินอยู่บนท้องฟ้ายมทูตเหงือกปลาจะรับตัววิญญาณสัตว์น้ำในแม่น้ำและทะเล และยมทูตตัวต่อจะรับตัววิญญาณพวกหนอนแมลง...
ตลอดทางซูจื่อซีวิ่งไปสิ่งที่เขาเห็นคือรูปปั้นที่เคลื่อนไหวไม่ได้ มีเพียงดวงตาหลายคู่ที่จ้องมาที่เขาราวกับว่ามันมีชีวิต
ในที่สุดเขาก็วิ่งไปถึงด้านหน้าสุด และเห็นแผ่นป้ายแขวนอยู่บนสูงอย่างชัดเจน - วังยมบาล
ซูจื่อซีตกตะลึง วังยมบาล!?
บ้าสิ นี่เขาตายแล้วเหรอ??
บัลลังก์ของเหยียนหลัวหวังใหญ่โตมาก มีขนาดใหญ่สูงเท่ากับอาคารชั้นเดียวทั่วไป มันงามสง่ามากแต่กลับไม่มีใครอยู่เลย
ซูจื่อซีมึนงง และในขณะนี้เองเขาก็เห็นคนนั่งอยู่บนบัลลังก์ขนาดใหญ่นั้น คนคนนั้นเงยหน้าขึ้นสบตาเขาพอดี
ซูจื่อซีเบิกตากว้าง “ซู่เป่า?!”
เขารีบวิ่งไปเข้าไปพลางตะโกนว่า “ซู่เป่า!”
“น้อง ๆ!”
แต่ซู่เป่ากลับยกมือขึ้นทำให้เขาไม่สามารถวิ่งไปข้างหน้าได้อีก แล้วพูดว่า “รีบกลับไปเสีย! เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
นางยกมือขึ้นแล้วซูจื่อซีก็รู้สึกว่าตัวเองบินได้
ซู่เป่าที่อยู่ด้านล่างจู่ ๆ ก็หยิบบางอย่างขึ้นมาและโยนมันใส่หน้าของเขาอย่างแรง
“อ๋อ อย่าลืมเอาสมองของเจ้ากลับไปด้วย!”
ซูจื่อซี “???”
เขาบินแล้วก็บิน...
ทันใดนั้นก็มีคนตบหน้าเขา เพียะ ๆ ๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...
บทที่ 1268 แล้วกระโดดไป 1278 เลย บทที่ 1269 1270 1271 1272 ข้ามไปทั้งหมด 4 ตอนนะคะ...