ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 39

ในวันหยุดสุดสัปดาห์ อุทยานพื้นที่ชุ่มน้ำน่าวาน

อุทยานพื้นที่ชุ่มน้ำน่าวานออกมาจากเมืองหลวงแล้ว และต้องใช้เวลาในการขับรถสี่ถึงห้าชั่วโมง แต่ตระกูลซูบินตรงไปที่นั่นด้วยเฮลิคอปเตอร์ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

ที่นี่เป็นแนวป่าธรรมชาติ จุดสำหรับกางเต็นท์จะอยู่ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าทะเลสาบ และเมื่อมองไปจะเห็นทะเลสาบธรรมชาติสีเขียวใสราวกับหยก

“ว้าว~ สวยจัง!” ซู่เป่าอุทาน

เสี่ยวอู่ที่เกาะอยู่บนไหล่ของเธอและร้องตามเธอออกมา “ว้าวว้าว มันจ๋วยมาก!”

คุณท่านซู ซูอีเฉิน และคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

นายหญิงซูมองไปรอบ ๆ และพบว่าลูกชายทั้งแปดคนของเธออยู่ที่นั่น คนที่กางเต็นท์ก็กางเต็นท์ไป คนตักน้ำก็ตักน้ำไป ดูช่างอบอุ่นและมีความสุขมาก

เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบา ๆ หากไม่ใช่เพราะการกลับมาของซู่เป่า ตระกูลซูคงไม่สามารถกลับมารวมตัวกันได้แบบนี้

นายหญิงนั่งอยู่บนรถเข็น มองซู่เป่าด้วยรอยยิ้ม

เจ้าแก้มก้อนวิ่งตามผีเสื้อ ส่วนนกแก้วก็วิ่งตามหลังเธอ วิ่งขากางโหวกเหวกโวยวายขณะที่วิ่งตามไปด้วย

หานหานไม่เต็มใจที่จะวิ่งตามในตอนแรก แต่เธอก็ค่อย ๆ รู้สึกมีความสุขมากขึ้นหลังจากวิ่งไล่ตามอยู่ข้างหลัง บนสนามหญ้าเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสอง

ทันใดนั้นซู่เป่าก็วิ่งมา ในมือถือดอกโคลเวอร์สีม่วงดอกเล็ก ๆ ไว้ในมือ

“คุณยายให้เธอ! นี่คือดอกไม้อธิษฐาน!”

ซูเหอเหวินและซูเหอเวิ่นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ทั้งสองยังคงไม่เข้าใกล้ซู่เป่าและหานหาน ซูจื่อซีนอนไขว่ห้างบนที่นอนลมและเยาะเย้ย “เด็ก”

ในอีกด้านหนึ่ง ซูอิ๋งเอ่อร์และซูจื่อหลินกำลังดึงเสาเต็นท์ หลังจากกดเสาเต็นท์เข้าไปในดินซักพักมันก็ยากที่จะกดลงไปได้อีก

ซูอิ๋งเอ่อร์ “ค้อนของฉันล่ะ”

ซูจื่อหลินพูดไม่ออก “นายเป็นคนแรกเลยนะที่เอากล่องค้อนมาตั้งแคมป์ด้วย”

แต่กลับเห็นซู่เป่าวิ่งมาพร้อมกับกล่องเครื่องมือในมือ “มาแล้ว ๆ ค้อนมาแล้ว!”

กล่องเครื่องมือของซูอิ๋งเอ่อร์ใหญ่มาก สูงเกือบครึ่งหนึ่งของซู่เป่า

เจ้าแก้มก้อนยกกล่องเครื่องมือขึ้นอย่างสุดชีวิตเพื่อไม่ให้มันลากพื้น

เหมือนจะกินแรงแต่กลับวิ่งเร็วมาก

ซูอิ๋งเอ่อร์พูดอย่างรวดเร็ว “เอาไปให้ลุงห้านะ ลุงห้าจะเอา”

ซู่เป่าโบกมือ “ไม่ต้องค่ะ ซู่เป่าเอง!”

เธอเปิดกล่องเครื่องมือ และดวงตาของเธอก็สว่างขึ้นเมื่อเห็นค้อนหนึ่งแถว

ซูอิ๋งเอ่อร์ย่อตัวลงและพูดอย่างตื่นเต้น “เป็นไง ค้อนของลุงห้าเจ๋งสุด ๆ ไปเลยใช่ไหม!”

ซู่เป่าพยักหน้าอย่างรุนแรง “อือฮึ! เจ๋งฉุด ๆ เลยค่ะ!”

ซูอิ๋งเอ่อร์ยิ่งมีความสุข “ซู่เป่าชอบไหม”

ซู่เป่าพยักหน้าอีกครั้ง “อือฮึ ชอบฉุด ๆ เลยค่ะ!”

ห่างออกไปไม่ไกลซูอี้เซินกระตุกมุมปาก รู้สึกว่าหลานสาวตัวน้อยที่น่ารักของเขากำลังถูกชักนำ!

ตุ๊กตาเด็กหญิง ชอบค้อน

ซูจื่อหลินเตะซูอิ๋งเอ่อร์ไปหนึ่งที

ซู่เป่าหยิบค้อนขึ้นมาแล้วถามว่า “จะตอกที่ไหนคะลุงสอง เดี๋ยวหนูช่วย!”

ซูจื่อหลินผู้ซื่อตรงและพูดน้อยพูดโดยไม่รู้ตัวว่า “ตรงนี้ ต้องเอาเสาตอกลงตรงนี้”

ซู่เป่า “โอเคค่ะ!”

เจ้าแก้มก้อนกำลังถือค้อนที่หนากว่าแขนของตัวเอง เสียงทุบหนึ่งครั้ง เสาหลักก็ไม่ได้ลงถึงครึ่ง

“แปดสิบ~แปดสิบ~”

ซู่เป่าตะโกนขณะทุบ

เช่นเดียวกับช่างไม้ตัวน้อยที่มีความสุข หลังจากตอกเสาเต็นท์แล้ว เธอก็วิ่งไปอีกด้านหนึ่งทันที

และตามด้วยเสียง “แปดสิบ” หลักที่มุมทั้งสี่ของเต็นท์ก็ถูกตอกอย่างแน่นหนา

คนในตระกูลซูแต่ละคนยกมุมปากขึ้น

ขณะที่ซู่เป่าหันค้อนกลับ รถคันหนึ่งที่ขับมาจากไกล ๆ ก็หยุดอยู่หน้าแคมป์ที่ตระกูลซูเลือก!

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ลงจากรถและพูดด้วยความประหลาดใจ “อา ประธานซู พวกคุณก็อยู่ที่นี่ด้วย!”

เสวี่ยเอ๋อร์ชะโงกหน้าและเห็นซูเหอเหวินกำลังอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ ริมทะเลสาบ ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย

เธอยกกระโปรงขึ้น ลงจากรถอย่างสุภาพเรียบร้อย เงยหน้าด้วยความไร้เดียงสา “แม่คะ เราตั้งแคมป์ที่นี่ได้ไหม เสวี่ยเอ๋อร์อยากเล่นกับซู่เป่า!”

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์กำลังจะพูด

ซูอีเฉินก็พูดอย่างเย็นชา “เรามีคนเยอะแล้ว”

ความหมายก็คือห้ามพวกเธอมา

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกอายเล็กน้อย เธอมองไปที่พื้นที่เปิดโล่งอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกล และพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเราจะไปอยู่ตรงนั้น”

ยังไงซะก็อยู่ใกล้ ๆ กันทั้งนั้น จะมาหาก็สะดวก

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์หัวเราะชอบใจ “งั้นผมไปกางเต็นท์ก่อนนะ”

เสวี่ยเอ๋อร์แสร้งทำเป็นไม่เห็นการแสดงออกของผู้ใหญ่ กระโดดขึ้นไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าซู่เป่า เอียงศีรษะแล้วพูดว่า “ซู่เป่า เธอกำลังเล่นอะไรอยู่เหรอ!”

แม้ว่าเธอจะอายุห้าหกขวบ แต่การทำตัวน่ารักของเธอก็ทำให้ผู้คนรู้สึกอดไม่ไหว

ซู่เป่าไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เธอรู้สึกว่าเสวี่ยเอ๋อร์เหมือนมู่ชิ่นซินแม่เลี้ยงของเธอมากกว่า

เธอเก็บค้อนและปิดกล่องเครื่องมือดังคลิกโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เสวี่ยเอ๋อร์แอบมองซูเหอเหวินริมทะเลสาบและพูดว่า “เราไปเล่นกันที่นั่นไหม ป่ะ พี่จะพาเธอไปเล่น”

ซู่เป่าถอยหลังไปหนึ่งก้าว เบะปากแล้วพูดว่า “หนูไม่อยากเล่นกับพี่”

หลังจากนั้นก็วิ่งหนีไปทันที

ใบหน้าของเสวี่ยเอ๋อร์แข็งขึ้น และเธอก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา!

เธอใจกว้างมาก เธอไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยเรื่องที่ถูกแย่งโควต้าเลย!

ซู่เป่าทำแบบนี้ได้ยังไง!

เสวี่ยเอ๋อร์ได้แต่มองไปที่หานหาน และยิ้มอย่างเขินอาย “งั้นพี่จะเล่นกับเธอแล้วกัน! ตรงนั้นมีต้นสนอยู่ บางทีอาจจะมีกระรอกน้อยนะ!”

ความประทับใจของเธอเกี่ยวกับหานหานยังคงอยู่ในคืนนั้น ฉากที่หานหานและซู่เป่าแย่งกระโปรง

เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าหานหานไม่ชอบซู่เป่า เธอจึงดึงหานหานมาและแยกซู่เป่าออกจากกัน

ฮึ่ม มาดูกันว่าเธอจะทำยังไง!

และโดยไม่คาดคิดที่หานหานก็ดูถูกเธอเช่นกัน “ใครอยากเล่นกับเธอ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร!”

หลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งหนีตามซู่เป่าไป

ดวงตาของเสวี่ยเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดง

เธอขยี้ตา เดินไปที่ริมทะเลสาบและนั่งข้าง ๆ ซูเหอเหวิน

“พี่เหอเหวิน...” เธอพูดอย่างน้อยใจ “เสวี่ยเอ๋อร์ทำอะไรผิด ซู่เป่าและหานหานถึงไม่เล่นกับเสวี่ยเอ๋อร์”

ซูเหอเหวินไม่ได้เงยหน้าขึ้น และพูดออกมา “ไปให้พ้น อย่ามากวนฉัน”

เสวี่ยเอ๋อร์ “...”

เพราะเธอเป็นเด็กอายุห้าหกขวบ เธอจึงข่มอารมณ์ไว้ไม่ได้

เธอจึงโพล่งถามออกมาว่า “ซู่เป่าพูดไม่ดีเกี่ยวกับเสวี่ยเอ๋อร์ให้พี่ฟังใช่ไหม เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้...”

ขณะที่พูด น้ำตาก็ไหลลงมาตามใบหน้า

นี่คือสิ่งที่แม่สอนเธอไว้ เป็นเด็กผู้หญิงต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นใจ

ซูเหอเหวินวางหนังสือลง ขมวดคิ้วและพูดว่า “อยากจะร้องก็กลับไปร้องคนเดียวไป”

เขารู้สึกรำคาญมาก หมดความสนใจในตัวเธอทันที และหยิบหนังสือเดินจากไป

ทางที่เดินไปเป็นทางที่ซู่เป่าอยู่พอดี

เสวี่ยเอ๋อร์กัดริมฝีปาก รู้สึกน้อยใจและไม่เป็นธรรมมากขึ้น

ทำไมพวกเขาถึงไปเล่นกับซู่เป่าแทนที่จะเป็นเธอ!

เสวี่ยเอ๋อร์จึงกลับไปอย่างช่วยไม่ได้

ทันทีที่เธอก้าวออกจากสนามหญ้า จู่ ๆ เสวี่ยเอ๋อร์ก็พบคน ๆ หนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังป่า และเธอก็กรีดร้องด้วยความตกใจ!

เหวยหว่านรีบทำท่าทางให้เธอเงียบ และพูดว่า “เสวี่ยเอ๋อร์ หนูมานี่แปบนึงได้ไหม”

เสวี่ยเอ๋อร์มองไปรอบ ๆ อย่างลังเลและเดินไป

เธอรู้จักเหวยหว่าน แม่ของเธอเคยบอกเธอในงานวันเกิดของซู่เป่า ว่าให้เธอรู้จักคุณป้าเหวยหว่านไว้และประจบเอาใจเธอ

เหวยหว่านยิ้มอย่างอบอุ่นและพูดว่า “เสวี่ยเอ๋อร์ ป้าและคุณย่าซูทะเลาะกัน หนูช่วยป้าเรียกหานหานมานี่หน่อยได้ไหม แบบเงียบ ๆ ด้วยนะ”

เสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้า “ได้ค่ะ!”

หลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งไปหาหานหาน

หานหานนั่งอยู่ไม่ไกลจากซู่เป่า และถือกิ่งไม้เพื่อ 'ต่อสู้' กับลุงห้า

เสวี่ยเอ๋อร์วิ่งเข้ามาและกระซิบสองสามคำกับเธอ หานหานดูงงงวย และแน่นอนว่าเธอเห็นแม่ของเธอโบกมือให้เธออยู่ด้านหลังป่า

หานหานทิ้งกิ่งไม้และวิ่งไปหา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน