ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 41

ตะหลิวอันเล็กกระแทกเข้าที่หัวของเหวยหว่านจนทำให้เธอรู้สึกโซเซ

ทันทีที่เหวยหว่านคลายข้อมือหานหานก็ล้มลงกับพื้น ขณะที่เธอเซไปสองสามก้าวและเกือบจะถูกรถที่แล่นเข้ามาชน

แต่ด้วยเหตุนี้เธอจึงล้มลงกับพื้นและหน้าผากแตก...

คนขับรถโกรธมากจนลงจากรถและต่อว่า “อยากตายเหรอไง!”

ซูจื่อหลินก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและอุ้มหานหานไว้

หานหานรู้สึกหวาดกลัว

ซูอีเฉินมองไปที่ตะหลิวอันเล็กบนพื้น

นี่คือตะหลิวที่ซูอี้เซินตั้งใจเอามาให้ซู่เป่า โดยวางแผนที่จะพาเธอไปทำยำด้วยกัน ซึ่งเป็นของในบ้านเด็กเล่น

ไม่คิดว่าจะทำให้เหวยหว่านหัวแตกเลือดไหล...

ซู่เป่ากุมมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ และรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “ลุงใหญ่ ดูเหมือนว่าซู่เป่าจะใช้กำลังมากเกินไป...”

ลุงใหญ่บอกว่าห้ามแสดงพลังต่อหน้าคนอื่น ไม่ใช่สิ ใช้กำลัง

ฮือ ๆ เธอแหกกฎซะแล้ว

ซูอีเฉินมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไม่สบายใจของซู่เป่า แตะศีรษะของเธอแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร เธอสมควรแล้ว”

ตอนนี้มีคนจากตระกูลซูอยู่รอบ ๆ จึงไม่ต้องกลัว

ในระยะไกล เหวยหว่านนอนอยู่บนพื้นกุมศีรษะของเธออย่างเงอะงะ ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด

สมองของเธอมีเสียงหึ่ง ๆ เลือดไหล และเมื่อเธอยื่นมือไปแตะที่ศีรษะก็เจอรอยบุ๋มอยู่บนศีรษะของเธอ

ตอนที่บินมาชนหน้าผากก็ชนเข้ากับก้อนหิน และหน้าผากก็ปริแตกเป็นรอยขนาดใหญ่

เหวยหว่านหายใจเข้าลึก ๆ และพูดด้วยเสียงร้องไห้ว่า “จื่อหลิน ฉันเจ็บมาก... กอดฉันหน่อย...”

ตระกูลซูที่กำลังคุยกันด้วยเสียงกระซิบ หยุดชั่วคราวและมองไปที่เหวยหว่านโดยไม่พูดอะไร

ซูจื่อหลินมักจะไม่พูดมาก แต่เขาเป็นคนพูดตรงไปตรงมา “คุณไม่ได้ป่วยนี่ กอดคุณเหรอ สู้ผมกอดแม่หมูดีกว่า”

เหวยหว่าน “...”

นายหญิงซูพูดอย่างเย็นชา “เหวยหว่าน การหย่าร้างระหว่างเธอกับจื่อหลินก็เป็นที่แน่นอนแล้ว อย่าบังคับให้ฉันฉีกหน้าเธอเลย มันจะยิ่งทำให้เธออยู่ในเมืองหลวงได้ยากขึ้น”

เหวยหว่านหลุบตาลงต่ำเพื่อซ่อนความคับข้องใจและความขุ่นเคืองในดวงตา!

เธอเป็นแบบนี้ บาดเจ็บสาหัส เลือดอาบหน้า!

พวกเขาไม่เพียงแค่ไม่สนใจ แต่ยังจะทำให้เธออยู่ในเมืองหลวงไม่ได้อีก

ยังมีจิตสำนึกกันอยู่บ้างไหม!

พวกเขาบอกว่าการทำลายชีวิตสมรสของผู้อื่นเป็นบาปมหันต์ยิ่งกว่าการทำลายวัดหนึ่งแห่งเสียอีก แล้วทำไมพวกเขาถึงยังบีบบังคับให้เธอหย่ากับซูจื่อหลิน!

แต่ทุกอย่างมาถึงจุดนี้แล้ว และมันก็กลับไปไม่ได้อีก...

เหวยหว่านเสียใจ ถ้าเธอรู้เร็วกว่านี้ เธอไม่ควรฟังความคิดแย่ ๆ ของแม่เธอเลย!

จะมีคนในตระกูลซูคนไหนที่จะช่วยให้เธอกลับไป จะมีลูกแบบไหนที่ขาดแม่ไม่ได้!

เธอควรคุกเข่าที่หน้าบ้านตระกูลซูในวันที่เธอถูกไล่ออกในวันนั้น และไม่ยอมออกไปถึงจะถูก!

ขณะที่เหวยหว่านกำลังเสียใจและไม่ยินยอม รถตำรวจคันหนึ่งก็บีบแตรมาจากระยะไกล เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนก็ลงจากรถและตรงไปที่เหวยหว่าน

พวกเขาตะโกนเสียงเย็น “อย่าขยับ! เหวยหว่าน คุณถูกจับแล้ว!”

เหวยหว่านรู้สึกตื่นตระหนก

เธอถูกจับงั้นเหรอ เข้าใจผิดหรือเปล่า คนที่โดนปาหัวคือเธอต่างหาก!

“จับฉันทำไม...”

เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เหวยหว่าน คุณตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าหลี่เหมยเมื่อหกปีที่แล้ว หลักฐานปรากฏชัด! ตอนนี้คุณถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว!”

เหวยหว่านรู้สึกตื่นตระหนกสุดขีด

เป็นไปไม่ได้!

ไม่มีหลักฐานว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหกปีที่แล้ว และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาหลักฐานในตอนนี้

พวกเขาโกหกเธอหรือเปล่า!

เหวยหว่านดูตกใจมากและพูดว่า “หลี่เหมยอะไร พวกคุณกำลังพูดถึงอะไร ฉันไม่รู้จักหลี่เหมย...”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเย้ยหยัน “มีมือคนซ่อนอยู่ในรูปปั้นที่จัตุรัสกลางของเขตใหม่เฉิงซี ในมือถือกระดาษเคลือบมันหนึ่งแผ่น หลังจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราพบรอยนิ้วมือของคุณบนกระดาษเคลือบมัน!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจหยิบเอกสารอีกฉบับออกมา “มีเงินห่อด้วยกระดาษเคลือบมัน หลังจากที่เราตรวจสอบหมายเลขประจำเครื่องบนธนบัตรแล้ว เราพบว่าคุณนำเงินสองหมื่นหยวนออกมาจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารเอ็กซ์ในหลินเซียนเมื่อหกปีที่แล้ว! หลักฐานปรากฏชัดเจน! เอาตัวไป!”

เหวยหว่านรู้สึกใจหาย เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!

ผ่านมานานขนาดนี้ จะหาเจอได้ยังไง!

นอกจากนี้ ของในรูปปั้นยังปกปิดมิดชิดขนาดนี้ แล้วจะหามันเจอได้ยังไง?

เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะสวมกุญแจมือให้กับเธอ เหวยหว่านก็กระวนกระวายและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แล้วความคิดหนึ่ก็งแวบเข้ามาในหัวของเธอ!

เหวยหว่านตกตะลึงและมึนงง เธอค่อย ๆ ถอยห่างออกไปทีละก้าว ร้องไห้และพูดว่า “พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน!”

“จื่อหลิน นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉัน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่”

“ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย อูย...จื่อหลิน จื่อหลิน ฉันเจ็บมาก! กอดฉันที...”

ทุกคนในตระกูลซู “...”

ความจำเสื่อมงั้นเหรอ

ดูไม่เหมือนเลย!

ซู่เป่าเอียงศีรษะด้วยความสงสัย และถามอย่างไร้เดียงสา “ลุงใหญ่คะ ป้าสะใภ้รองเป็นอะไรไป เธอกำลังแกล้งโง่หรือเปล่าคะ”

“ทำไมต้องแกล้งโง่ด้วย เป็นเพราะคุณยังโง่ไม่พอหรือเปล่า”

เหวยหว่าน “...”

เธอระงับความโกรธไว้ในใจ กุมศีรษะและตัวสั่น และร้องไห้เสียงดัง

“อา... หัวของฉัน ฉันคิดอะไรไม่ออก ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ พวกคุณจับฉันทำไม...”

“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจ “...”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดอย่างเย็นชา “แสร้งทำเป็นความจำเสื่อมตอนถูกจับได้ เราเห็นมาเยอะแล้ว! อย่าคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบทางกฎหมายถ้าคุณสูญเสียความทรงจำ เอาตัวไป!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนเดินไปใส่กุญแจมือเหวยหว่าน

เหวยหว่านร้องไห้และตะโกนว่า “จื่อหลิน จื่อหลินช่วยฉันด้วย! เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงต้องจับฉันด้วย!”

“ฉันไม่ได้แสดงอยู่นะ ฉันไม่รู้จริง ๆ!”

เธอร้องไห้อย่างหมดหนทางและหวาดกลัว คนที่ไม่รู้จักทักษะการแสดงของเธอคงคิดว่าเธอสูญเสียความทรงจำไปจริง ๆ

น่าเสียดายที่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ไม่ว่าจะความจำเสื่อมหรือไม่ความจำเสื่อม เราทุกคนก็ต้องรับผิดตามกฎหมายต่ออาชญากรรมที่ก่อ!

ในที่สุดเหวยหว่านก็ทนไม่ไหวจนกระทั่งเธอถูกพาเข้าไปในรถตำรวจ

เธอตะโกนเสียงดัง “จื่อหลิน จื่อหลิน ฉันผิดไปแล้ว! บอกตำรวจให้ปล่อยฉันไปเถอะ...”

“แม่ แม่! ได้โปรด หานหานยังเด็ก เธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่แบบฉัน!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดประตูรถทันที และเหวยหว่านยังคงแนบกับกระจกและตะโกนร้องเสียงดัง

น่าเสียดายที่มันสายเกินไป

การจ้างคนเพื่อวางยาซูจื่อหลิน ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

อย่างน้อยก็ได้เริ่มต้นสิบปี!

นอกจากนี้ซูจื่อหลิน ได้ยื่นฟ้องหย่าแล้วซึ่งหมายความว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลซู และหลังจากเธอเข้าไปก็จะไม่มีใครมาช่วยเธอได้!

สำหรับแม่เธองั้นเหรอ

ถ้าแม่ของเธอไม่สร้างปัญหามันก็ดีไป แต่จะวางใจได้อย่างไร...

เหวยหว่านร้องไห้น้ำตาไหลอย่างหมดหวัง!

เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็ดีมาตลอด แล้วทำไมจู่ ๆ เธอถึงถูกพบได้ล่ะ!

ด้านนอกรถ

เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจดบันทึกและแสดงเอกสารให้ซูจื่อหลินเซ็น

ขณะที่ถามว่า “เหวยหว่านได้รับบาดเจ็บที่หลังศีรษะได้ยังไงครับ”

ซูอีเฉินพูดอย่างราบเรียบ “เมื่อกี้มีเรื่องกัน เหวยหว่านจะพาเด็กไปฆ่าตัวตาย พี่รองก็เลยปาอย่างหมดหนทาง”

เจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้าขณะบันทึก “ใช้อะไรปาครับ พวกคุณไม่ต้องกังวลไป นักโทษได้รับบาดเจ็บตอนที่เขาถูกจับ พวกเราต้องบันทึกทั้งหมดนี้ครับ”

ซูอีเฉินพยักหน้าอย่างเข้าใจและพูดว่า “มันถูกปาด้วยตะหลิว”

เจ้าหน้าที่ตำรวจ “ตะหลิวอันไหนครับ”

ซูจื่อหลินหยิบตะหลิวบนพื้นขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นก็ตกตะลึง “คุณแน่ใจเหรอ!”

ตะหลิวอันเล็กขนาดนี้ ของเล่นในบ้านเด็กเล่นเนี่ยนะ

อันแค่นี้ปาคนเข้าได้เหรอ

ซูจื่อหลินพูดอย่างหนักแน่น “ผมแน่ใจ”

เจ้าหน้าที่ตำรวจ “...”

ในที่สุด หลังจากจดบันทึกเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจก็หยิบตะหลิวอันเล็กไปด้วย

ซู่เป่าเม้มริมฝีปาก จ้องมองรถตำรวจที่แล่นออกไปอย่างว่างเปล่าและไม่พูดอะไรอยู่นาน

แง ๆ ตะหลิวน้อยของเธอ...โดนจับเข้าคุกไปแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน