ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 42

จี้ฉางลอยตัวไปด้านข้าง เหลือบมองเธอแล้วพูดว่า "ไปเถอะ มันก็แค่ตะหลิวอันเล็ก ๆ ถึงพวกเขาไม่หยิบไปมันก็สกปรกแล้ว”

ซู่เป่าเม้มปาก โอเค...

ตะหลิวน้อย ขอโทษนะ...

เธอไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งมัน

เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าสลดของเจ้าแก้มก้อน คนในตระกูลซูจึงคิดว่าเธอกำลังรู้สึกเสียใจ

ท้ายที่สุดแล้ว การจับกุมใครบางคนต่อหน้าเด็กนั้นย่อมส่งผลเสียต่อเด็ก และเมื่อครู่หานหานก็ถูกพาไปด้วย

“ซู่เป่าอา...ไม่เป็นไรใช่ไหม” นายหญิงซูกอดซู่เป่าอย่างเป็นทุกข์

ซู่เปาส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ อืม...เก่าไม่ไป ใหม่ก็ไม่มา”

คนในตระกูลซู “...”

ซูจื่อหลินหัวเราะ

จะไม่มีคนใหม่อีกแล้ว และเขาจะไม่มีวันหาคนที่สองอีกตลอดชีวิต

ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลง และซูจื่อหลินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไป ซู่เป่า ลุงรองจะพาไปกินข้าว”

ทุกคนไม่ได้สังเกตว่าเงาต้นไม้ในป่าเล็กที่อยู่ไม่ไกลสั่นเล็กน้อย เงาดำขยุกขยิกบนพื้นหญ้า และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด...

เขายื่นมือออกไปและคว้ามือไปทางตระกูลซู หลังมือสีดำและสีม่วงนั้นเต็มไปเส้นเลือดยุ่งเหยิงที่เปื้อนเลือดราวกับทารกผี...

**

นี่เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวซูไปตั้งแคมป์ด้วยกัน และคุณท่านซูก็ไม่ต้องการให้เรื่องของเหวยหว่านมาทำลายบรรยากาศ

“ซู่เปาอยากกินอะไร ลุงสามจะทำให้”

ซูเยว่เฟยยกจานมาหนึ่งใบ สวมผ้ากันเปื้อน ลูบศีรษะของซู่เป่าอย่างอ่อนโยน

ซู่เป่าได้กลิ่นหอมของบาร์บีคิวและกลืนน้ำลาย แต่มุมปากของเขากลับเป็นประกาย

“อะไรก็ได้ใช่ไหมคะ เนื้อบาร์บีคิวก็ได้ใช่ไหม” เธอถาม

ซูเยว่เฟยยิ้ม “แน่นอนสิ”

นายหญิงซูที่เพิ่งถามซูจื่อหลินเสร็จ ผลักรถเข็นมาและพูดว่า “กินไม้เดียวก็พอ! บาร์บีคิวกำลังร้อน กินมากไปไม่ได้”

ใบหน้าของซูเป่าพังทลาย “โอเคค่ะ...”

เธอชำเลืองมองเตาอบข้าง ๆ เธออย่างอาลัยอาวรณ์

มีทั้งปีกไก่ย่าง ไส้กรอกย่าง และกุ้งย่างกระเทียม

ไส้กรอกทรงเครื่อง เนื้อวัวย่าง เนื้อแกะย่าง ขาไก่ย่าง...

“ลาก่อน ขาไก่ย่าง” ซู่เป่าบอกลาเหล่าไม้ย่างอย่างอาลัยอาวรณ์

“ลาก่อนกุ้งเผา”

“ลาก่อน เนื้อบาร์บีคิว”

ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นน่าสงสารจริง ๆ ทำให้ผู้คนหัวเราะและไม่รู้จะช่วยยังไง

ซูเยว่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “แม่ ให้เธอกินหน่อยเถอะ ถ้าเป็นร้อนในก็ยังมีพี่แปด”

เสี่ยวอู่เมื่อได้ยินพี่แปดก็ส่ายหัวทันทีและร้องแว้ก ๆ ขึ้นว่า “พี่แปด พี่แปด ก้นบานแล้ว!”

ซูอี้เซินซึ่งกำลังเดินไปที่แม่น้ำเพื่อเก็บเบ็ดตกปลา จู่ ๆ ก็ลื่นล้มบนพื้นหญ้าเสียงดัง

ก้นกำลังจะบานแล้ว!

เขาจ้องที่นกแก้วโดยไม่พูดอะไร

นกแก้วกระพือปีก “วิ่งเร็ว วิ่งเร็ว!”

ซู่เปาหัวเราะคิกคัก และวิ่งไปกับนกแก้วทันที

วันที่มีเมฆครึ้มและแดดจัดของเด็กน้อยนั้นง่ายเหมือนการปิดและเปิดม่าน

บนสนามหญ้าสีเขียวมรกต เจ้าแก้มก้อนกำลังวิ่งอยู่ข้างหน้า และนกแก้วกำลังวิ่งไล่ตาม

ซูเหอเหวินและซูเหอเวิ่นนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือในเต็นท์ ขณะที่ซูจื่อซียังคงนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนที่นอนลมเหมือนกับชายชรา

ปากตะโกนว่า “ขึ้นไป ขึ้นไป เจ้าคนงี่เง่า”

หานหานเงียบ ไม่รู้ว่าเธอร้องไห้มากเกินไปหรือแค่ตกใจ เธอจึงหลับไปบนที่นอนลม

ภาพที่อบอุ่นและสวยงามทำให้ผู้คนลืมความทุกข์ในตอนนี้ไป

แต่ทว่าเสวี่ยเอ๋อร์ก็รีบเดินเข้ามา

“ซู่เป่า พี่ให้เค้กสตอเบอรี่เธอ!” เสวี่ยเอ๋อร์ด้วยใบหน้าน่ารัก “แม่พี่ทำเองนะ! มันอร่อยมากเลย อร่อยกว่าที่ทำข้างนอกอีก!”

เรื่องเมื่อครู่นี้ ครอบครัวพวกเขาที่อยู่ทางด้านนั้นมองเห็นทั้งหมด และแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ก็ให้เสวี่ยเอ๋อร์เอาเค้กมาให้เพื่อจะได้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

เสวี่ยเอ๋อร์ยิ้มหวาน ในโลกนี้ไม่มีใครที่เธอปราบไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอนำเค้กสตรอเบอร์รี่มาด้วย ซึ่งไม่มีเด็กคนไหนสามารถต้านทานได้

แต่ซู่เป่ากลับหันศีรษะ “หนูไม่อยากได้”

ทันใดนั้นเสวี่ยเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าเธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย และรู้สึกว่าซู่เป่าไม่มีมารยาทกับเธอเอามาก ๆ

เธออดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ ด้วยความน้อยใจ “ซู่เป่า เธอไม่ชอบพี่เหรอ”

ซู่เป่ามองเธออย่างจริงจังและพยักหน้าอย่างแรง “ใช่!”

ครั้งก่อนเธอก็เคยพูดไปไม่ใช่เหรอ

ทำไมเธอถึงจำไม่ได้!

เสวี่ยเอ๋อร์ไม่เคยถูกปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้มาก่อน

น้ำตาคลอเต็มหน่วยทันทีราวกับว่าถูกซู่เป่ารังแก

ซู่เป่าเม้มปากแล้ววิ่งหนีไปทันที!

เสวี่ยเอ๋อร์ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถอะไรออกมาเลย เธอร้องไห้จนสำลัก และรู้สึกโกรธมาก!

**

ซู่เป่าวิ่งไปที่ด้านข้างของนายหญิงซู และนอนแผ่ลงบนพื้นหญ้า

นายหญิงซูพูดด้วยรอยยิ้ม “ซู่เป่า อย่านอนบนพื้น หนาว!”

พูดจบเธอก็ขอให้ใครสักคนนำที่นอนลมมาให้ ซู่เป่าคลานไปบนที่นอนเหมือนหนอน และยื่นก้นเล็ก ๆ คลานไปมา

นายหญิงซูพูด “นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับ เดี๋ยวยายจะไปหยิบอะไรมาให้กิน”

มีความหิวชนิดหนึ่งที่ทำให้คุณยายคิดว่าเธอหิว

นายหญิงซูรู้สึกว่าซู่เป่าต้องหิวหลังจากที่วิ่งมาสักพักหนึ่ง ดังนั้นจึงไปหยิบอะไรมาให้เธอกิน

ในที่สุดจี้ฉางก็ได้โอกาส และลอยมา

“เป๋าน้อย เข้าเรียนแล้วนะ!”

เมื่อซู่เป่าได้ยินสิ่งนี้ เธอก็รีบปิดหูอย่างรวดเร็ว!

อาจารย์จู้จี้มาก ๆ ทุกครั้งที่ว่าง ก็จะให้เธอเข้าเรียน

ที่พูดล้วนเป็นสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ อาจารย์เรียกสิ่งนี้ว่า ‘ทฤษฎีพื้นฐาน’

แต่ทว่าเมื่อปิดหูเล็ก ๆ นั่นก็ยังคงได้ยินเสียงพึมพำของจี้ฉางอยู่

“วันนี้อาจารย์จะสอนศาสตร์ทั้งห้าของระบบอภิปรัชญาให้ฟัง”

“ศาสตร์ทั้งห้าของระบบอภิปรัชญา ได้แก่ สุขภาพ การแพทย์ ดวงชะตา การทำนาย และโหงวเฮ้ง”

“ภูเขาหมายถึงการเข้าไปในภูเขาเพื่อฝึกจิต กลั่นยาอายุวัฒนะ คาถา ศาสตร์ลับ...การจัดทัพ...ดินแดนที่เข้าถึงได้ไม่ยาก...”

“การแพทย์เข้าใจง่าย แพทย์แผนจีน วิชาฉือเวยโต่วซู่ แม่มด...ทั้งหมดอยู่ในหมวดหมู่ของการแพทย์”

เสี่ยวซู่เป่าหูผึ่งทันที “แม่มดเหรอ แล้วซู่เป่ายังต้องการเรียนรู้การเต้นถวายเทพเจ้าอยู่ไหม”

จี้ฉาง “...”

“เจ้าเรียนจากใคร เจ้ารู้การเต้นถวายเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้ยังไง”

ซู่เป่าโบกมือไปมา “ซู่เป่าไม่อยากเรียน! เดี๋ยวถูกคนจับไป!”

เมื่อก่อนตอนออกไปเที่ยวกับพ่อ เจอโรคจิต เธอบอกแค่ว่าตัวเองเป็นอาสะใภ้ของพ่อ กำลังเต้นถวายเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เพื่อขอฝน

การเคลื่อนไหวนั้นเหมือนกับเป็นตะคริว และในที่สุดก็ถูกจับไป

จี้ฉางฟังจนพูดไม่ออก และพูดว่า “เป็นความจริงที่เต้นแบบนั้นก็ถูกจับไปง่าย ๆ แต่เทคนิคลับขั้นสูง มักจะต้องใช้การเคลื่อนไหวนิ้วที่ง่ายที่สุดแค่นั้น...”

“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเรียนไปค่อยอธิบายไปแล้วกัน ต่อไป”

ซู่เป่า “?”

มีเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่บนหัวเล็ก ๆ นั่น

จี้ฉางพูดอีกครั้ง “เจ้าแค่ต้องรู้ หลังเรียนจบแล้วเจ้าสามารถรักษาอาการป่วยของคุณยายได้ก็พอแล้ว”

ซู่เป่าลุกขึ้นจากหญ้าทันที นั่งตัวตรง เชื่อฟังเหมือนนักเรียน

ช่วยคุณยาย!

แม่บอกให้ดูแลคุณยายให้ดี

ดังนั้นเธอจึงต้องการเรียนรู้สิ่งนี้และช่วยชีวิตคุณยาย!

เสี่ยวซู่เป่าจึงเริ่มเป็นเด็กดีที่ตั้งใจเรียน

จี้ฉางเม้มริมฝีปาก เสี่ยวย่าง ฉันยังรักษาเธอไม่ได้เหรอ

“ดวงชะตา นั่นคือโหราศาสตร์ การดูดวง ดวงดาว การทำนายดวงชะตา พยากรณ์ศาสตร์ นั่นคือ ลายลักษณ์ทั้งหก ฉีเหมิน การตีความความฝัน...”

ซู่เป่ายกมือขึ้นอีกครั้ง “การทำนายดวงชะตาอธิบายความฝันได้ไหม ซู่เป่ารู้ และเขาก็ถูกจับเหมือนกัน ลุงเทศกิจจับไป”

และครั้งก่อนที่เธอไปเที่ยวกับพ่อ ลุงตาบอดบอกว่าจะทำนายดวงชะตาให้เธอ

สุดท้ายลุงเทศกิจก็มา และลุงตาบอดก็วิ่งเร็วมาก!

ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง “อาจารย์ เรียนวิธีที่จะไม่ถูกจับได้ไหม”

จี้ฉาง “...”

หลินเฟิงพาเธอไปที่ไหนกันแน่ ยุ่งจริง ๆ

“ซู่เป่า เจ้ากับพ่อราคาถูกคนนั้นของเจ้าไปไหนมากันแน่”

ซู่เป่าเอียงศีรษะ “หนูไม่รู้อะ! พ่อบอกว่าจะไปซื้อบุหรี่ และบอกให้หนูรออยู่ตรงนี้”

“ซู่เป่ารอแล้วรอเล่า หลังจากรออยู่นานพ่อก็ไม่กลับมา มืดแล้ว สุดท้ายลุงตำรวจก็พาหนูกลับบ้าน”

จี้ฉาง “...”

ความเฉยเมยบนใบหน้าของเขาก็หดลงไปทันที

โอ้ เข้าใจแล้ว หลินเฟิงไม่ได้พาเธอออกไป

แต่เขาต้องการที่จะทิ้งเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน