ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 44

ซู่เป่าเม้มริมฝีปากมองเสวี่ยเอ๋อร์

ถึงแม้ว่าเสวี่ยเอ๋อร์จะหน้าไม่เหมือนแม่เลี้ยง แต่สีหน้าของเขาตอนนี้ ซู่เป่าคุ้นเคยดีเป็นที่สุด...

แม่เลี้ยงของซู่เป่าชอบทำแบบนี้ทุกครั้ง จากนั้นคุณพ่อก็จะหับกลับมาด่าซู่เป่า

ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย

ซู่เป่าพูดออกมาตรง ๆ ว่า “หนูไม่ได้ผลักพี่ พี่ล้มของพี่เอง”

เสวี่ยเอ๋อร์ขบริมฝีปาก เช็ดน้ำตาอย่างเศร้าสร้อย เช็ดจนขอบตาแดงไปหมด แล้วบอกว่า “ใช่ค่ะ ซู่เป่าไม่ได้ตั้งใจหรอก เป็นความผิดของพี่เอง...”

ซู่เป่าเม้มปาก

ถ้าเป็นเด็กคนอื่น ก็คงจะงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แต่ซู่เป่าคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ดี...

เธอบอกกับนายหญิงซูว่า “คุณยายคะ ซู่เป่าไม่ได้ผลักเขานะ ซู่เป่ากินปิ้งย่างเสร็จกำลังลุกขึ้น แล้วอยู่ดี ๆ พี่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ล้มลงไปเอง”

นายหญิงซูอุ้มซู่เป่าขึ้นมา ก่อนตอบเธอด้วยความเชื่อใจ “ไม่เป็นไรลูก คุณยายเชื่อว่าซู่เป่าไม่ได้ผลักใคร บางทีคนอื่นเขาอาจจะแยกแยะไม่ออกระหว่างจงใจกับไม่ระวังก็ได้”

ท่านมองไปที่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างมีนัยยะ

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร “ก็แค่เด็กมันหยอกล้อกัน ฉันก็ไม่ทันได้สังเกต...”

เธอคิดจะอ้างว่าเป็นการที่เด็ก ๆ หยอกล้อกันทั่วไปเพื่อให้พ้นตัว

แต่คนตระกูลซูไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ แบบนั้น

นายหญิงซูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วไง? เธอคิดจะสื่ออะไร? จะให้ซู่เป่าของเราขอโทษพวกเธองั้นเหรอ?”

“หรือว่าอยากให้เราเข้าใจผิดซู่เป่า คิดว่าซู่เป่าเป็นเด็กไม่ดี แล้วก็คิดว่าเสวี่ยเอ๋อร์เป็นเด็กดีงั้นหรือ? คนเราต้องโง่ขนาดไหนถึงจะคิดเองเออเองแบบนี้ได้!”

ให้ปล่อยปละละเลยลูกหลานตัวเองไปปกป้องเด็กคนอื่น แล้วหันมาโทษซู่เป่าเนี่ยนะ?

น้ำเสียงของนายหญิงซูแสดงออกชัดเจนว่าไม่เกรงใจอีกต่อไป!

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์หน้าซีดเผือด... แต่แค่นี้ยังไม่หมด คนอื่นในบ้านซูก็ต่างออกมาช่วยกันพูด

ซูอีเฉินพูดเสียงเย็นว่า “คนที่ทำร้ายซู่เป่าคราวก่อน ตอนนี้ยังถูกขังอยู่ในคุกอยู่เลย”

นายท่านซูทำหน้าบึ้ง “ลูกไม่กตัญญูเป็นความผิดของพ่อแม่ ตอนนี้ไม่สั่งสอนให้ดี คอยดูตอนโตเถอะแล้วจะรู้สึก”

ซูอี้เซินพูดเสียงเรียบเฉย “พวกเธอคิดจะทำอะไร? มาเล่นละครตบตาแบบนี้... ไม่อายคนบ้างหรือไง?”

ตระกูลซูมากคนก็มากปาก ลำพังละอองน้ำลายที่พ่นออกมาก็ทำให้คนจมลงไปตายได้

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์เก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป โคนหูแดงเรื่อ

คนตระกูลซูจะบีบคั้นกันมากเกินไปแล้วนะ?!

เธอยอมรับว่าเสวี่ยเอ๋อร์อยากทำตัวเด่นเพื่อให้คนอื่นชอบเธอ แต่สุดท้ายทำพังโดยไม่ทันระวัง

แต่ว่ายังไงเสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังเด็ก เจตนาเธอไม่ได้ผิดสักหน่อย แต่การที่พวกเขากัดไม่ปล่อยแบบนี้มันไม่ถูก!

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ปั้นหน้ายิ้ม “ขอโทษนะคะนายหญิงซู ขอโทษประธานซูด้วย... ทุกคนใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ อย่าโมโหเลยค่ะ...”

เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็น้ำตาไหลพราก ร้องไห้ไปพูดไป “ฮือ ๆ ๆ หนูผิดไปแล้วค่ะ... ไม่ว่ายังไงก็เป็นความผิดของเสวี่ยเอ๋อร์ทั้งนั้น คุณย่าซูอย่าโกรธเลยนะคะ”

เธอสะอื้นไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง แล้วยังขอโทษอย่างรู้ประสา

ดูแล้วน่าสงสารมากทีเดียว ทำให้คนทำใจว่าไม่ลง

แต่ในใจของคนตระกูลซูกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร

ไม่ว่ายังไงนี่หมายความว่าไง?

ขอโทษแล้วยังจะลากซู่เป่าไปเกี่ยวด้วยอีกสินะ?!

และในตอนนี้เองจู่ ๆ ซู่เป่าก็ไปถือเช็งโป้วเลี้ยงมาถ้วยหนึ่ง เดินมาหาเสวี่ยเอ๋อร์อย่างระมัดระวัง

คนตระกูลซูหน้าตาสับสน คิดว่าซู่เป่าใจดีอยากคืนดีกับเสวี่ยเอ๋อร์

คุณนายหลานรู้สึกว่าเธอหาบันใดลงได้แล้ว จึงรีบพูดว่า “โถ ไม่เป็นไรจริง ๆ จ๊ะ ซู่เป่า...”

เสวี่ยเอ๋อร์ก็เช็ดน้ำตา พูดอย่างใจกว้างว่า “ไม่เป็นไรหรอกน้องซู่เป่า...”

พอสิ้นเสียง

เช็งโป้วเลี้ยงชามที่ซู่เป่าถือมาก็ไปคว่ำอยู่บนตัวเสวี่ยเอ๋อร์เสียแล้ว

เชือกแดงที่ข้อมือมีแสงวาบขึ้นมาแวบหนึ่งไม่ทันให้สังเกตุได้ เช็งโป้วเลี้ยงสาดกระเซ็นออกไป สาดเข้าหน้าเสวี่ยเอ๋อร์...

คำพูดของเสวี่ยเอ๋อร์ขาดห้วงไปกลางอากาศ!

ซู่เป่าเริ่มพูดขึ้นมาอย่างมีเหตุผล “นี่ แบบนี้เขาถึงเรียกว่าจงใจ! แบบเมื่อกี้น่ะเขาเรียกว่าไม่ระวัง”

“นี่คือความแตกต่างระหว่าง จงใจ กับ ไม่ระวัง ตอนนี้พี่แยกแยะได้หรือยัง?”

ที่แท้ซู่เป่าก็เก็บคำพูดของนายหญิงซูไปคิด

ดังนั้นจึงคิดว่าจำเป็นต้องอธิบายด้วยตัวเองสักหน่อย

ท่านอาจารย์มักบอกว่า การสอนด้วยการปฏิบัติทำให้คนจำอะไรได้ง่ายกว่าสอนแค่ทฤษฎี!”

เสวี่ยเอ๋อร์งงงวย

เมื่อกี้ตอนที่เธอสาดใส่ตัวเอง เธอสาดโดนแค่ชายกระโปรง ไม่ได้รู้สึกอะไร

แต่ตอนนี้เสื้อผ้าตรงบริเวณหน้าอกเปียกชุ่มไปหมด ยังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอมาก่อน

เสวี่ยเอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้ว “เธอทำแบบนี้ได้ยังไง?”

ซู่เป่าถือถ้วยกลอกตาไปมาอย่างไร้เดียงสา “หนูก็กำลังสอนพี่อยู่ไง”

คนตระกูลซูต่างก็พากันอึ้ง

เจ้าแก้มก้อนทำหน้าจริงจัง ตาใสคู่โตสะท้อนให้เห็นเงาของคนที่อยู่รอบ ๆ เธอกำลังตั้งใจอธิบายความต่างระหว่างคำว่า จงใจ กับ ไม่ระวัง ให้เสวี่ยเอ๋อร์ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ

พวกเขาถึงกับตกตะลึง ถึงแม้ว่า... แต่ก็...

ต้องบอกว่าทำได้สวยมาก

บนใบหน้าของนายหญิงซูมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา เป็นเด็กนี่ดีจริง ๆ เลย อยากทำอะไรก็ทำได้

ไม่มีอะไรรั้งไว้

หลานสาวตระกูลซูต้องให้ได้แบบนี้สิ

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์รีบเช็ดหน้าเช็ดตา เช็ดเสื้อผ้าที่เลอะให้เสวี่ยเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ร้องไห้เสียใจเสียงดัง

เธอร้องไห้ไปต่อว่าซู่เป่าไป “เธอทำแบบนี้ได้ไง ถึงจะสอนฉัน เธอก็จะทำแบบนี้ไม่ได้... ฮือ ๆ ๆ ๆ”

ซู่เป่าเห็นว่าคราวนี้เธอร้องจริง ๆ แล้ว ร้องไห้เสียใจแบบน่าสงสาร

ซู่เป่าเลยบอกว่า “หนูขอโทษ”

แต่เธอก็คิดว่าเธอไม่ได้ผิดอยู่ดี

เธอเชื่อว่าจากนี้ไปพี่เสวี่ยเอ๋อร์จะต้องแยกได้ว่าอันไหนคือ จงใจ อันไหนคือ ไม่ระวัง แล้วล่ะ

ซู่เป่าเองก็ขอโทษแล้ว แม่เสวี่ยเอ๋อร์อยากจะตำหนิก็ไม่รู้จะพูดยังไง

ในใจเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่ก็ยังปั้นหน้ายิ้มพูดพลางลูบหลังเสวี่ยเอ๋อร์ “ไม่เป็นไร ๆ เด็ก ๆ ก็งี้แหละ ธรรมดา วันนี้ตีกันเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม?

ซู่เป่าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนบอกว่า “ไม่ พรุ่งนี้หนูก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาอยู่ดี”

แม่เสวี่ยเอ๋อร์ “...”

เธอยิ้มกระด้างมองไปทางนายหญิงซู “ขอโทษด้วยค่ะ ขอโทษจริง ๆ งั้นฉันขอตัวพาเสวี่ยเอ๋อร์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”

แม่เสวี่ยเอ๋อร์รีบพาตัวเสวี่ยเอ๋อร์ออกไปทันที

ตอนขามามาอย่างสง่างามขนาดไหน ขากลับก็ดูไม่ได้ขนาดนั้น

เสวี่ยเอ๋อร์กำหมัดแน่น เธอไม่เคยเสียเปรียบใครแต่ต้องมาเสียหน้าเพราะซู่เป่า มันยิ่งทำให้เธอเกลียดซู่เป่ามากขึ้นกว่าเดิมอีก

ซู่เป่ามองเงาหลังแม่เสวี่ยเอ๋อร์อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่นายหญิงซู...

เธอพูดเสียงค่อยว่า “คุณยายคะ หนูไม่อยากเป็นเพื่อนกับพี่เสวี่ยเอ๋อร์จริง ๆ ค่ะ

เจ้าแก้มก้อนรู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดี จะต้องสร้างปัญหาให้คุณยายแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ?”

นายหญิงซูจับมือซู่เป่าก่อนแสดงความเห็นด้วย “ไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาก็ไม่ต้องเป็นสิจ๊ะ เราไม่จำเป็นต้องฝืนใจตัวเองเพื่อรักษาน้ำใจคนอื่นขนาดนั้นก็ได้ วันนี้ซู่เป่าทำดีมากจ๊ะ”

ซู่เป่าตาเป็นประกายสีรุ้งขึ้นมาชั่วครู่ เธอชอบใจมาก เธอกอดนายหญิงซูแล้วจุ๊บท่านดังจ๊วบ

เจ้าแก้มก้อนพูดเสียงใส “ขอบคุณค่ะคุณยาย”

นายหญิงซูใจฟูขึ้นมา เธอมองเจ้าแก้มก้อนรู้สึกว่าจะรักเท่าไหรก็ยังไม่พอ

“ไป เดี๋ยวยายจะพาไปเก็บราสเบอรร์รี” คนแก่ก็ดีใจไม่แพ้เด็ก ๆ

คนตระกูลซูเห็นแบบนี้ก็สบายใจ

ตั้งแต่ซูจิ่นอวี้หายตัวไป นายหญิงซูก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตรอมใจจนร่างกายทรุดโทรม

ตั้งแต่ซู่เป่ามาได้ไม่นาน หน้าท่านก็กลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง

มองดูทั้งคนแก่ทั้งเด็กมีความสุขร่าเริง ไม่มีใครกล้ารบกวน

ซู่เป่าเดินไปทางพุ่มไม่กับนายหญิงซู ถามด้วยความสงสัยว่า “คุณยายราสเบอรร์รีคืออะไรคะ?”

นายหญิงซูหัวเราะแหะ ๆ “มันเป็นผลไม้ป่าน่ะ ตอนเด็ก ๆ ยายอยู่ที่บ้านนอกก็ชอบเก็บมากิน หวานมากเลยนะ”

ซู่เป่าพอได้ยินว่า “หวานมากเลยนะ” ก็ตาวาวขึ้นมาทันที

“เร็ว ๆ สิค่ะคุณยาย”

เจ้าแก้มก้อนดึงมือคุณยาย แต่อาจจะรู้สึกว่าดึงมือคุณยายแบบนี้ไม่ถูก ก็เลยวิ่งตึก ๆ ๆ กลับมาอยู่ข้างหลังท่านแล้วเข็นรถเข็นให้ท่านแทน

นายหญิงซูอดหัวเราะไม่ได้

เสียดายที่ขาของท่านยืนไม่ไหวแล้ว ไม่งั้นก็คงได้พาซู่เป่าวิ่งเล่นบนสนามหญ้าไปแล้ว...

ซู่เป่าเข็นรถให้นายหญิงซู ไม่นานสองคนก็มาถึงพุ่มไม้

“คุณยายคะราสเบอรร์รีอยู่ไหนล่ะคะ?” ซู่เป่ามองไปทั่ว

นายหญิงซูชี้ไปที่พุ่มราสเบอรร์รี “ปกติผลราสเบอรร์รีก็จะซ่อนอยู่ในพุ่มไม้นั่นแหละ เราลองหาดูนะ”

จู่ ๆ เสี่ยวอู่ที่บินอยู่ข้างหน้าก็บินโฉบพุ่งเข้ามาในอ้อมอกของซู่เป่า

“ผีหลอก ๆ”

นกแก้วส่งเสียงร้องหวีด ๆ กระพือปีกพึ่บพั่บ

พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงมาตรงยอดเขาแล้ว ผืนหญ้ารอบทะเลสาปก็เริ่มเย็นลงแล้ว ทำให้บรรยากาศเย็นพิลึก...

นายหญิงซูไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็เครียดขึ้นมาไม่รู้ตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน