ซู่เป่าเม้มริมฝีปากมองเสวี่ยเอ๋อร์
ถึงแม้ว่าเสวี่ยเอ๋อร์จะหน้าไม่เหมือนแม่เลี้ยง แต่สีหน้าของเขาตอนนี้ ซู่เป่าคุ้นเคยดีเป็นที่สุด...
แม่เลี้ยงของซู่เป่าชอบทำแบบนี้ทุกครั้ง จากนั้นคุณพ่อก็จะหับกลับมาด่าซู่เป่า
ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย
ซู่เป่าพูดออกมาตรง ๆ ว่า “หนูไม่ได้ผลักพี่ พี่ล้มของพี่เอง”
เสวี่ยเอ๋อร์ขบริมฝีปาก เช็ดน้ำตาอย่างเศร้าสร้อย เช็ดจนขอบตาแดงไปหมด แล้วบอกว่า “ใช่ค่ะ ซู่เป่าไม่ได้ตั้งใจหรอก เป็นความผิดของพี่เอง...”
ซู่เป่าเม้มปาก
ถ้าเป็นเด็กคนอื่น ก็คงจะงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ซู่เป่าคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ดี...
เธอบอกกับนายหญิงซูว่า “คุณยายคะ ซู่เป่าไม่ได้ผลักเขานะ ซู่เป่ากินปิ้งย่างเสร็จกำลังลุกขึ้น แล้วอยู่ดี ๆ พี่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ล้มลงไปเอง”
นายหญิงซูอุ้มซู่เป่าขึ้นมา ก่อนตอบเธอด้วยความเชื่อใจ “ไม่เป็นไรลูก คุณยายเชื่อว่าซู่เป่าไม่ได้ผลักใคร บางทีคนอื่นเขาอาจจะแยกแยะไม่ออกระหว่างจงใจกับไม่ระวังก็ได้”
ท่านมองไปที่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างมีนัยยะ
แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร “ก็แค่เด็กมันหยอกล้อกัน ฉันก็ไม่ทันได้สังเกต...”
เธอคิดจะอ้างว่าเป็นการที่เด็ก ๆ หยอกล้อกันทั่วไปเพื่อให้พ้นตัว
แต่คนตระกูลซูไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ แบบนั้น
นายหญิงซูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วไง? เธอคิดจะสื่ออะไร? จะให้ซู่เป่าของเราขอโทษพวกเธองั้นเหรอ?”
“หรือว่าอยากให้เราเข้าใจผิดซู่เป่า คิดว่าซู่เป่าเป็นเด็กไม่ดี แล้วก็คิดว่าเสวี่ยเอ๋อร์เป็นเด็กดีงั้นหรือ? คนเราต้องโง่ขนาดไหนถึงจะคิดเองเออเองแบบนี้ได้!”
ให้ปล่อยปละละเลยลูกหลานตัวเองไปปกป้องเด็กคนอื่น แล้วหันมาโทษซู่เป่าเนี่ยนะ?
น้ำเสียงของนายหญิงซูแสดงออกชัดเจนว่าไม่เกรงใจอีกต่อไป!
แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์หน้าซีดเผือด... แต่แค่นี้ยังไม่หมด คนอื่นในบ้านซูก็ต่างออกมาช่วยกันพูด
ซูอีเฉินพูดเสียงเย็นว่า “คนที่ทำร้ายซู่เป่าคราวก่อน ตอนนี้ยังถูกขังอยู่ในคุกอยู่เลย”
นายท่านซูทำหน้าบึ้ง “ลูกไม่กตัญญูเป็นความผิดของพ่อแม่ ตอนนี้ไม่สั่งสอนให้ดี คอยดูตอนโตเถอะแล้วจะรู้สึก”
ซูอี้เซินพูดเสียงเรียบเฉย “พวกเธอคิดจะทำอะไร? มาเล่นละครตบตาแบบนี้... ไม่อายคนบ้างหรือไง?”
ตระกูลซูมากคนก็มากปาก ลำพังละอองน้ำลายที่พ่นออกมาก็ทำให้คนจมลงไปตายได้
แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์เก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป โคนหูแดงเรื่อ
คนตระกูลซูจะบีบคั้นกันมากเกินไปแล้วนะ?!
เธอยอมรับว่าเสวี่ยเอ๋อร์อยากทำตัวเด่นเพื่อให้คนอื่นชอบเธอ แต่สุดท้ายทำพังโดยไม่ทันระวัง
แต่ว่ายังไงเสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังเด็ก เจตนาเธอไม่ได้ผิดสักหน่อย แต่การที่พวกเขากัดไม่ปล่อยแบบนี้มันไม่ถูก!
แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ปั้นหน้ายิ้ม “ขอโทษนะคะนายหญิงซู ขอโทษประธานซูด้วย... ทุกคนใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ อย่าโมโหเลยค่ะ...”
เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็น้ำตาไหลพราก ร้องไห้ไปพูดไป “ฮือ ๆ ๆ หนูผิดไปแล้วค่ะ... ไม่ว่ายังไงก็เป็นความผิดของเสวี่ยเอ๋อร์ทั้งนั้น คุณย่าซูอย่าโกรธเลยนะคะ”
เธอสะอื้นไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง แล้วยังขอโทษอย่างรู้ประสา
ดูแล้วน่าสงสารมากทีเดียว ทำให้คนทำใจว่าไม่ลง
แต่ในใจของคนตระกูลซูกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร
ไม่ว่ายังไงนี่หมายความว่าไง?
ขอโทษแล้วยังจะลากซู่เป่าไปเกี่ยวด้วยอีกสินะ?!
และในตอนนี้เองจู่ ๆ ซู่เป่าก็ไปถือเช็งโป้วเลี้ยงมาถ้วยหนึ่ง เดินมาหาเสวี่ยเอ๋อร์อย่างระมัดระวัง
คนตระกูลซูหน้าตาสับสน คิดว่าซู่เป่าใจดีอยากคืนดีกับเสวี่ยเอ๋อร์
คุณนายหลานรู้สึกว่าเธอหาบันใดลงได้แล้ว จึงรีบพูดว่า “โถ ไม่เป็นไรจริง ๆ จ๊ะ ซู่เป่า...”
เสวี่ยเอ๋อร์ก็เช็ดน้ำตา พูดอย่างใจกว้างว่า “ไม่เป็นไรหรอกน้องซู่เป่า...”
พอสิ้นเสียง
เช็งโป้วเลี้ยงชามที่ซู่เป่าถือมาก็ไปคว่ำอยู่บนตัวเสวี่ยเอ๋อร์เสียแล้ว
เชือกแดงที่ข้อมือมีแสงวาบขึ้นมาแวบหนึ่งไม่ทันให้สังเกตุได้ เช็งโป้วเลี้ยงสาดกระเซ็นออกไป สาดเข้าหน้าเสวี่ยเอ๋อร์...
คำพูดของเสวี่ยเอ๋อร์ขาดห้วงไปกลางอากาศ!
ซู่เป่าเริ่มพูดขึ้นมาอย่างมีเหตุผล “นี่ แบบนี้เขาถึงเรียกว่าจงใจ! แบบเมื่อกี้น่ะเขาเรียกว่าไม่ระวัง”
“นี่คือความแตกต่างระหว่าง จงใจ กับ ไม่ระวัง ตอนนี้พี่แยกแยะได้หรือยัง?”
ที่แท้ซู่เป่าก็เก็บคำพูดของนายหญิงซูไปคิด
ดังนั้นจึงคิดว่าจำเป็นต้องอธิบายด้วยตัวเองสักหน่อย
ท่านอาจารย์มักบอกว่า การสอนด้วยการปฏิบัติทำให้คนจำอะไรได้ง่ายกว่าสอนแค่ทฤษฎี!”
เสวี่ยเอ๋อร์งงงวย
เมื่อกี้ตอนที่เธอสาดใส่ตัวเอง เธอสาดโดนแค่ชายกระโปรง ไม่ได้รู้สึกอะไร
แต่ตอนนี้เสื้อผ้าตรงบริเวณหน้าอกเปียกชุ่มไปหมด ยังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอมาก่อน
เสวี่ยเอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้ว “เธอทำแบบนี้ได้ยังไง?”
ซู่เป่าถือถ้วยกลอกตาไปมาอย่างไร้เดียงสา “หนูก็กำลังสอนพี่อยู่ไง”
คนตระกูลซูต่างก็พากันอึ้ง
เจ้าแก้มก้อนทำหน้าจริงจัง ตาใสคู่โตสะท้อนให้เห็นเงาของคนที่อยู่รอบ ๆ เธอกำลังตั้งใจอธิบายความต่างระหว่างคำว่า จงใจ กับ ไม่ระวัง ให้เสวี่ยเอ๋อร์ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ
พวกเขาถึงกับตกตะลึง ถึงแม้ว่า... แต่ก็...
ต้องบอกว่าทำได้สวยมาก
บนใบหน้าของนายหญิงซูมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา เป็นเด็กนี่ดีจริง ๆ เลย อยากทำอะไรก็ทำได้
ไม่มีอะไรรั้งไว้
หลานสาวตระกูลซูต้องให้ได้แบบนี้สิ
แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์รีบเช็ดหน้าเช็ดตา เช็ดเสื้อผ้าที่เลอะให้เสวี่ยเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ร้องไห้เสียใจเสียงดัง
เธอร้องไห้ไปต่อว่าซู่เป่าไป “เธอทำแบบนี้ได้ไง ถึงจะสอนฉัน เธอก็จะทำแบบนี้ไม่ได้... ฮือ ๆ ๆ ๆ”
ซู่เป่าเห็นว่าคราวนี้เธอร้องจริง ๆ แล้ว ร้องไห้เสียใจแบบน่าสงสาร
ซู่เป่าเลยบอกว่า “หนูขอโทษ”
แต่เธอก็คิดว่าเธอไม่ได้ผิดอยู่ดี
เธอเชื่อว่าจากนี้ไปพี่เสวี่ยเอ๋อร์จะต้องแยกได้ว่าอันไหนคือ จงใจ อันไหนคือ ไม่ระวัง แล้วล่ะ
ซู่เป่าเองก็ขอโทษแล้ว แม่เสวี่ยเอ๋อร์อยากจะตำหนิก็ไม่รู้จะพูดยังไง
ในใจเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่ก็ยังปั้นหน้ายิ้มพูดพลางลูบหลังเสวี่ยเอ๋อร์ “ไม่เป็นไร ๆ เด็ก ๆ ก็งี้แหละ ธรรมดา วันนี้ตีกันเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม?
ซู่เป่าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนบอกว่า “ไม่ พรุ่งนี้หนูก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาอยู่ดี”
แม่เสวี่ยเอ๋อร์ “...”
เธอยิ้มกระด้างมองไปทางนายหญิงซู “ขอโทษด้วยค่ะ ขอโทษจริง ๆ งั้นฉันขอตัวพาเสวี่ยเอ๋อร์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
แม่เสวี่ยเอ๋อร์รีบพาตัวเสวี่ยเอ๋อร์ออกไปทันที
ตอนขามามาอย่างสง่างามขนาดไหน ขากลับก็ดูไม่ได้ขนาดนั้น
เสวี่ยเอ๋อร์กำหมัดแน่น เธอไม่เคยเสียเปรียบใครแต่ต้องมาเสียหน้าเพราะซู่เป่า มันยิ่งทำให้เธอเกลียดซู่เป่ามากขึ้นกว่าเดิมอีก
ซู่เป่ามองเงาหลังแม่เสวี่ยเอ๋อร์อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่นายหญิงซู...
เธอพูดเสียงค่อยว่า “คุณยายคะ หนูไม่อยากเป็นเพื่อนกับพี่เสวี่ยเอ๋อร์จริง ๆ ค่ะ
เจ้าแก้มก้อนรู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดี จะต้องสร้างปัญหาให้คุณยายแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ?”
นายหญิงซูจับมือซู่เป่าก่อนแสดงความเห็นด้วย “ไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาก็ไม่ต้องเป็นสิจ๊ะ เราไม่จำเป็นต้องฝืนใจตัวเองเพื่อรักษาน้ำใจคนอื่นขนาดนั้นก็ได้ วันนี้ซู่เป่าทำดีมากจ๊ะ”
ซู่เป่าตาเป็นประกายสีรุ้งขึ้นมาชั่วครู่ เธอชอบใจมาก เธอกอดนายหญิงซูแล้วจุ๊บท่านดังจ๊วบ
เจ้าแก้มก้อนพูดเสียงใส “ขอบคุณค่ะคุณยาย”
นายหญิงซูใจฟูขึ้นมา เธอมองเจ้าแก้มก้อนรู้สึกว่าจะรักเท่าไหรก็ยังไม่พอ
“ไป เดี๋ยวยายจะพาไปเก็บราสเบอรร์รี” คนแก่ก็ดีใจไม่แพ้เด็ก ๆ
คนตระกูลซูเห็นแบบนี้ก็สบายใจ
ตั้งแต่ซูจิ่นอวี้หายตัวไป นายหญิงซูก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตรอมใจจนร่างกายทรุดโทรม
ตั้งแต่ซู่เป่ามาได้ไม่นาน หน้าท่านก็กลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง
มองดูทั้งคนแก่ทั้งเด็กมีความสุขร่าเริง ไม่มีใครกล้ารบกวน
ซู่เป่าเดินไปทางพุ่มไม่กับนายหญิงซู ถามด้วยความสงสัยว่า “คุณยายราสเบอรร์รีคืออะไรคะ?”
นายหญิงซูหัวเราะแหะ ๆ “มันเป็นผลไม้ป่าน่ะ ตอนเด็ก ๆ ยายอยู่ที่บ้านนอกก็ชอบเก็บมากิน หวานมากเลยนะ”
ซู่เป่าพอได้ยินว่า “หวานมากเลยนะ” ก็ตาวาวขึ้นมาทันที
“เร็ว ๆ สิค่ะคุณยาย”
เจ้าแก้มก้อนดึงมือคุณยาย แต่อาจจะรู้สึกว่าดึงมือคุณยายแบบนี้ไม่ถูก ก็เลยวิ่งตึก ๆ ๆ กลับมาอยู่ข้างหลังท่านแล้วเข็นรถเข็นให้ท่านแทน
นายหญิงซูอดหัวเราะไม่ได้
เสียดายที่ขาของท่านยืนไม่ไหวแล้ว ไม่งั้นก็คงได้พาซู่เป่าวิ่งเล่นบนสนามหญ้าไปแล้ว...
ซู่เป่าเข็นรถให้นายหญิงซู ไม่นานสองคนก็มาถึงพุ่มไม้
“คุณยายคะราสเบอรร์รีอยู่ไหนล่ะคะ?” ซู่เป่ามองไปทั่ว
นายหญิงซูชี้ไปที่พุ่มราสเบอรร์รี “ปกติผลราสเบอรร์รีก็จะซ่อนอยู่ในพุ่มไม้นั่นแหละ เราลองหาดูนะ”
จู่ ๆ เสี่ยวอู่ที่บินอยู่ข้างหน้าก็บินโฉบพุ่งเข้ามาในอ้อมอกของซู่เป่า
“ผีหลอก ๆ”
นกแก้วส่งเสียงร้องหวีด ๆ กระพือปีกพึ่บพั่บ
พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงมาตรงยอดเขาแล้ว ผืนหญ้ารอบทะเลสาปก็เริ่มเย็นลงแล้ว ทำให้บรรยากาศเย็นพิลึก...
นายหญิงซูไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็เครียดขึ้นมาไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...