ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 442

แพทย์หญิงชะงักไปครู่หนึ่ง

ชะงักไปเลยจริงๆ เธอไม่เคยคิดมาก่อน ซูอีเฉินจะมีความสามารถมากขนาดนี้!

กลิ่นไอที่เย็นชา มีความเป็นผู้ใหญ่ มั่นคง ออร่ารุนแรง ไม่เพียงแต่จะหน้าตาหล่อเหลา ทุกๆ การกระทำของเขาต่างบ่งบอกว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถมากๆ

บนโลกนี้มีผู้ชายที่หน้าตาดีมากมาย และมีผู้ชายที่การงานสำเร็จมากมาย

แต่ส่วนมากผู้ชายที่หน้าตาดีนั้นจะมีเพียงเนื้อหนังที่โดดเด่น ส่วนการงานจะไม่ได้ดีหรือเรียกได้ว่าไม่มีการงาน ส่วนผู้ชายที่ประสบความสำเร็จแล้วนั้นส่วนมากจะเจ้าชู้ พุงก็ใหญ่ยิ่งกว่าหญิงท้องห้าเดือนซะอีก

หน้าตาหล่อเหลา ตัวล่ำสูงโปร่ง หนำซ้ำยังความสามารถโดดเด่นอีก บนโลกนี้พบได้ไม่มากเลยจริงๆ!

ผู้ชายแบบนี้ พี่สาวของเธอกลับยอมปล่อยทิ้งงั้นเหรอ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ

โชคดีที่ตอนนี้นาฬิกาเรือนนี้อยู่ในมือของเธอ…

ความคิดเหล่านี้ผ่านหัวของแพทย์สาวไปอย่างไว

จากนั้นเธอจึงแสดงท่าทีเพิ่งได้สติ พยักหน้าแล้วตอบ “ฉันชื่อเหยาซือเยว่ คุณหมอหลี่ไปผ่าตัด ผู้ป่วยที่ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ฉันเป็นคนจัดการแทน”

สีหน้าของเธอ ‘เย็นชา’ ลงอีกครั้ง ราวกับกำลังตั้งใจทำงานจริงๆ

ไม่รอให้ซูอีเฉินพูดอะไรต่อ เธอก็เดินไปข้างซูจื่อซีพร้อมกล่าว “มาเจ้าหนู ตรวจร่างกายอีกครั้ง ก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว”

ซูจื่อซีไม่ยินยอมนัก เขาพูดอุบอิบ “เมื่อกี้ก็ตรวจไปแล้วไม่ใช่หรือไง…”

ไม่เคยเจอวันออกจากโรงพยาบาลแล้วยังต้องตรวจขนาดนี้…

เหยาซือเยว่เผยยิ้ม วางบันทึกลงบนโต๊ะ พร้อมกับใส่เครื่องฟังตรวจ ท่าทีเป็นมิตรมาก “ใครใหัคุณเป็นคุณชายน้อยของตระกูลซูล่ะ ท่านผอ.กำชับเอาไว้หลายครั้งว่าให้ดูแลดีๆ ฉันเองก็ต้องทำให้ดีที่สุดไง”

ประโยคนี้ของเธอ ฟังแล้วเหมือนที่เธอใส่ใจขนาดนี้เพราะการกำชับจากผอ.ล้วนๆ และในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความทะนง…[ดูสิ ฉันก็ไม่ได้อยากตรวจให้พวกแกหลายรอบนะ แต่ผอ.กำชับเอาไว้ฉันจะทำอะไรได้]

ซู่เป่าฟังความหมายแฝงในคำพูดไม่ออก

รู้เพียงแค่หลังได้ยินประโยคนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

เธอจ้องไปที่แพทย์หญิงพักหนึ่ง จากนั้นถามอย่างสงสัย “คุณน้าหมอ มือของคุณน้าไม่สะดวกงั้นเหรอ ทำไมต้องยกมือขวาสูงขนาดนั้นล่ะ บางครั้งก็ตั้งใจสะบัดด้วย หรือตรวจแบบนี้มันจะดูมืออาชีพกว่า”

ซู่เป่าไม่เข้าใจ รู้สึกเพียงคุณน้าคนนี้จะตรวจก็ตรวจสิ ทำไมต้องยกมือขึ้นเป็นระยะ ราวกับคุณหมอที่ต้องยกมือไว้ตอนผ่าตัดแบบในละครน่ะ

คุณลุงใหญ่บอกว่าที่คุณหมอเหล่านั้นต้องยกมือค้างไว้ เพราะพวกเขาฆ่าเชื้อมา การยกมือจะช่วยให้มือคงสภาพปลอดเชื้อโรคไว้ได้ดีกว่า…ประมาณนี้น่ะ!

แต่คุณน้าหมอคนนี้ไม่ได้ผ่าตัดสักหน่อย…

เพราะคำพูดของซู่เป่า ซูจื่อหลินจึงหันหน้าเหล่ไปทางเหยาซือเยว่ทีหนึ่ง

ไม่พูดถึงเขายังไม่สังเกต แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าท่านี้ของเธอมันเกินความจำเป็นจริงๆ

เหยาซือเยว่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เพียงแต่เธอก็ยังพูดต่อ “อืม…ชินแล้วน่ะ บางครั้งก็ต้องไปผ่าตัด…”

ซู่เป่าส่ายหน้า “แต่คุณลุงใหญ่หนูบอกว่า คุณหมอที่ทำการผ่าตัดจะไม่ใส่เครื่องประดับ ถ้าคุณน้าหมอชินแล้วทำไมถึงใส่นาฬิกาล่ะ”

ที่เหยาซือเยว่ยกมือไว้ตลอดเพราะอยากให้ซูอีเฉินเห็นนาฬิกาของเธอ เมื่อกี้ตอนที่เธอเดินเข้ามาเธอเผลอสติหลุด จึงไม่แน่ใจว่าซูอีเฉินเห็นนาฬิกาบนข้อมือของเธอหรือยัง

หลังเข้ามา ซูอีเฉินก็ก้มหน้าลงไม่ได้มองเธออีก เธอจึงจำเป็นต้องยกขึ้นแกว่ง มิฉะนั้นหากออกจากโรงพยาบาลนี้ไป เธอจะไปเจอซูอีเฉินได้ที่ไหนอีก

ตอนนี้ซู่เป่าพูดถึงเรื่องนาฬิกา กลับทำให้เธอรู้สึกโล่งอก เธอสะบัดสองทีจากนั้นกล่าว “ขอโทษที…นาฬิกานี้ฉันได้มาจากคนที่สำคัญต่อฉันมากน่ะ เพราะเป็นนาฬิกาผู้ชาย มันหลวมไปสำหรับฉัน…ฉันเลยยกจนเป็นความเคยชินน่ะ”

ซูจื่อซี ซูเหอเวิ่น “……”

เหมือนเธอจะตอบไม่ตรงคำถาม แต่คำตอบก็ไม่มีปัญหาอะไร

ความคิดของซู่เป่ากลับชัดเจนมาก ดวงตาของเธอประกาย “คุณน้าหมอ เมื่อกี้คุณน้าไม่ได้พูดแบบนี้นะ คุณน้าบอกเพราะคุณน้าทำการผ่าตัดมาเยอะเลยเคยชินกับการยกมือน่ะ ตอนนี้คุณน้ากลับบอกว่าเป็นเพราะนาฬิกาหลวม…เพราะอะไรกันแน่นะ”

เหยาซือเยว่ “……”

เธออยากให้เด็กคนนี้พูดถึงเรื่องนาฬิกามาก แต่ไม่ได้ให้มาพูดให้เธอหน้าแตก

ซู่เป่าถามต่อ “คุณน้าเหยา คุณน้าเป็นคุณหมอจริงๆ งั้นเหรอ”

เหยาซือเยว่กวาดตาต่ำมองไปที่ซู่เป่าทีหนึ่ง “หือ? แน่นอนสิ ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ”

ซู่เป่าส่ายหัว “หนูรู้สึกว่าคุณน้าไม่ใช่คุณหมอ”

จี้ฉางที่อยู่อีกด้านกำลังสอนซู่เป่าพอดี “น่าจะไม่ใช่หมอที่สอบเข้าด้วยวิธีทางการ โรงพยาบาลเอกชนไม่ได้เข้มงวดเท่าโรงพยาบาลรัฐบาลอยู่แล้ว กระทั่งบางโรงพยาบาลก็เจอผู้เชี่ยวชาญปลอมเปลือก”

“แต่บนตัวของผู้หญิงคนนี้ไม่สะอาด ตำแหน่งใจกลางคิ้วทั้งสองข้างของเธอเป็นสีดำ”

ซู่เป่าพยักหน้า “ใจดำ”

ภายใต้การสั่งสอนของคุณพ่อมู่ ซู่เป่าไม่ได้ยึดมั่นในประโยค [เกิดเป็นคนต้องมีมารยาท] อีกต่อไป เมื่อก่อนไม่ว่าจะคนดีหรือคนเลวซู่เป่าก็มีมารยาทต่อพวกเขา แต่ตอนนี้…หากอีกฝ่ายเป็นคนดีเธอก็จะมีมารยาท หากอีกฝ่ายเป็นคนไม่ดีเธอก็จะไม่มีมารยาท

เพราะงั้นสำหรับเหยาซือเยว่แล้ว ซู่เป่าไม่มีมารยาทมากจริงๆ ซู่เป่าถามอีกฝ่ายว่าใช่คุณหมอไหม หนำซ้ำยังว่าเธอใจดำอีก…ทำเธอรู้สึกไม่พอใจมากจริงๆ

เธอจึงเลือกที่จะไม่โต้ตอบ ‘ตรวจร่างกาย’ ให้ซูจื่อซีอย่างมืออาชีพ เรื่องที่คนอื่นทำสำเร็จในห้านาที เธอกลับตรวจสอบไปถึง 15 นาทีเต็มๆ

จากนั้นก็จดบันทึกในบันทึกออกโรงพยาบาล พร้อมเขียนชื่อและเบอร์โทรของเธอลงไปด้วย “หลังออกจากโรงพยาบาลหากผู้ป่วยรู้สึกไม่สบาย สามารถติดต่อฉันมาได้ตลอด ตอนนี้ฉันและคุณหมอหลี่เป็นผู้รับผิดชอบซูจื่อซี…อืม คุณหมอหลี่ต้องทำการผ่าตัดอาจค่อนข้างยุ่ง พวกคุณมีเรื่องอะไรโทรหาฉันก็พอ”

ซูจื่อหลินไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาไม่ทันมองใบบันทึกที่รับมาด้วยซ้ำ ก็ยัดลงไปในซองเอกสารพร้อมกับเอกสารอื่นๆ

“ไปกันเถอะ” เขากล่าว

เหยาซือเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย คนคนนี้ทำไมไม่รู้จักขอบคุณสักคำ หากพูดเกรงใจสักนิด เธอจะพูดต่อว่าเธอสามารถสำรวจติดตามอาการให้ซูจื่อซีถึงที่บ้านได้ตลอด

ตอนนี้เธอจึงได้แต่พูด “คุณซูคะ เนื่องด้วยตัวตนของคุณชายซู ผอ.โรงพยาบาลกำชับมาเป็นพิเศษว่าให้ดูแลคุณชายน้อยดีๆ หลังออกจากโรงพยาบาล ฉันที่เป็นหนึ่งในคุณหมอรับผิดชอบจะต้องทำหน้าที่สัมภาษณ์อาการถึงที่บ้านพวกคุณ คุณชายซูทำการผ่าตัดที่สมอง แต่ยังจำเป็นต้องรับการติดตามาอาการ เวลาเป็นหนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน และครึ่งปีหลังจากนี้…”

ซูจื่อหลินปฏิเสธ “ไม่เป็นไร”

บ้านพวกเขามีซูอี้เซินที่เป็นหมออยู่ สามารถสัมภาษณ์ได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องรอให้คนนอกมาสัมภาษณ์หนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน และครึ่งปีหลังจากนั้น

แค่เธอเป็นฝ่ายเสนอออกมา ก็รู้สึกราวกับตนเองกำลังประจบพวกเขาแล้ว

หนำซ้ำยังถูกปฏิเสธอีก

เหยาซือเยว่สงบอารมณ์ รักษาคาแรคเตอร์คุณหมอเย็นชาของเธอเอาไว้ เธอพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ งั้นมีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอด”

เธอรู้ว่าเธอรีบร้อนเกินไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงหาสร้างโอกาสเจอกัน

เหยาซือเยว่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าชุดกาวด์ ยิ้มพร้อมกล่าวกับซูจื่อซี “ยินดีด้วยนะ ออกจากโรงพยาบาลแล้ว วันนี้น้องชายและน้องสาวของคุณชายมารับคุณชายออกจากโรงพยาบาลด้วย น้องสาวของคุณน่ารักสุดๆ”

เธอพูดไป ก็อยากจะยื่นมือลูบหัวซู่เป่า เพื่อทำให้ตนดูอ่อนโยนเข้าหาง่าย

ทุกคนในตระกูลซูราวกับตามใจเด็กสาวคนนี้มาก เธอจึงต้องเข้าทางความชอบของพวกเขา

ซู่เป่าเอนหัว

ด้านหลังเธอ เสี่ยวอู่ไม่รู้ว่าเปิดกระเป๋าสัตว์เลี้ยงออกมาตั้งแต่เมื่อไร ปีนขึ้นไปโดยการคาบเสื้อของซู่เป่า และยืนอยู่บนหัวไหล่ของเธอ

เหยาซือเยว่ลูบไม่โดนหัวของซู่เป่า จึงพูดขึ้นอย่างตะลึง “หือ หนูเลี้ยงไว้เหรอ เป็นนกแก้วที่เชื่อฟังมากเลย!”

เสี่ยวอู่ทำท่ากรอกตา (แต่น่าเสียดายที่นกกรอกตาไม่ได้) : “โถ่ๆๆ ปลอมมากเลย! กล้าปลอมกว่านี้อีกไหม”

พูดจบแค่นี้ยังไม่พอ มันยังตั้งใจยื่นกรงเล็บของมันออกมา ส่ายหน้าส่ายหัว “อืมๆ ห้าโมงแล้วๆ ไหนดูนาฬิกาข้อมือทองเส้นใหญ่ของฉัน! ยังอยู่ดี ห้าโมงอีกแล้ว ถึงเวลาจิบชาแล้ว!”

สองประโยคหลังมันพูดด้วยภาษากวางตุ้ง…แสดงท่าทีตั้งใจอวดนาฬิกาออกมาได้สมจริงสุดๆ

สีหน้าของเหยาซือเยว่แข็งทื่อ

ไอ้นกแก้วนี่มัน…น่ารำคาญ และน่าเกลียดชังจริงๆ!

เมื่อกี้เธอชมว่ามันเชื่อฟังงั้นเหรอ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน