ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 444

นายหญิงซูโพกผ้ากันเปื้อน เดินออกมาจากในห้องครัว ขมวดคิ้วพร้อมถาม “ทำไมต้องอุ้มลูกหนีด้วย?”

นายหญิงจ้องไปทางซูอีเฉิน “ให้ซู่เป่าดูเรื่องไร้สาระอะไรอีกแล้ว”

ซูอีเฉิน “……”

เขาเหล่มองไปทางซูเหอเวิ่นทีหนึ่ง “ผมไม่ได้เป็นคนพูดนะครับ”

ซูเหอเวิ่นชะงัก

ดีเลย นี่พ่อเขาจะให้เขารับความผิดงั้นเหรอ

แม้เขาจะเป็นคนพูดก็จริง แต่ว่า เขาไม่ได้เป็นคนเล่าเรื่องน้ำเน่าพวกนั้นให้ซู่เป่าฟังนี่นา

สายตาอันตรายของคุณยายมองมา ซูเหอเวิ่นยกมือขึ้นในทันที “คุณยาย ผมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น! อะ-อาเนี่ยต่างหากที่เปิดฟังนิยายบนรถ ผมก็แค่ฟังชื่อนิยายไป!”

อาเนี่ย “……?”

ซูเหอเวิ่นมองมาทางเขาด้วยสีหน้าขอความช่วยเหลือ

ข่วยไม่ได้ หากเขาบอกว่าพ่อเขาเป็นคนเปิดฟังนิยายล่ะก็ คุณยายไม่เชื่อแน่!

จึงทำได้เพียงต้องลำบากอาเนี่ยแล้ว

มุมปากอาเนี่ยกระตุก จากนั้นพูดขึ้นนิ่งๆ “นายหญิง ผมเป็นคนฟังเองครับ หลังจากนี้ผมจะใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้นครับ”

นายหญิงกล่าวบ่น “แกก็อายุสี่สิบจะห้าสิบแล้ว ผู้ชายวัยกลาง กลับยังอ่านนิยายมุมมองผู้หญิงอีก”

นิยายรักพวกนี้ นายหญิงย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

นิยายทุกเล่มที่อวี้เอ๋อร์เคยอ่านเมื่อตอนที่เธอไม่สบาย นายหญิงต่างเคยแอบอ่านมาก่อน……

อาเนี่ยหัวเราะซื่อๆ พร้อมกล่าว “เมื่อก่อนฟังจนเป็นนิสัย ตอนนี้เลยรู้สึกว่ามันก็สนุกดีน่ะครับ”

แววตาของนายหญิงมืดหม่นลง จริงด้วย ช่วงที่อวี้เอ๋อร์ป่วยหนักที่สุดแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านนิยายที่เธอชอบที่สุดะเธอยังทำไม่ได้

แต่เธอจะเปิดฟังเอา

พวกเราทุกคนต่างก็เริ่มรู้สึกชิน

นายหญิงซูไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่เรียกทุกคนมากินข้าว

“ซู่เป่าเด็กดี รีบไปล้างมือแล้วมากินข้าว วันนี้อากาศเริ่มเย็นแล้ว พวกเรากินหม้อไฟกัน”

“ซูจื่อซีนอนในโรงพยาบาลนานขนาดนั้น ก็คงเบื่ออาหารจืดๆ…ยายทำขาหมูตุ๋นซอสไว้ให้”

ซูจื่อซีอื้มทีหนึ่ง จากนั้นวิ่งไปล้างมืออย่างเชื่อฟัง

เขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าความรู้สึกเวลากลับบ้านมันดีขนาดนี้

ซูจื่อซีกินข้าวไปด้วย พร้อมคิดเรื่องที่ตนเคยไปวังยมบาลมาด้วย

ช่วงเวลาที่เขานอนโรงพยาบาล เขาเองก็ไม่ได้นอนว่างๆ

เขาสืบหาเอกสารไปหลายอย่าง หนำซ้ำยังออกแบบแผนที่เวอร์ชั่นพัฒนาให้น้องสาวอีกด้วย

ในฐานะที่เป็นราชาแห่งผี…เขาจะต้องเหมาะสมกับชื่อเสียงที่ได้รับ เริ่มฝึกฝนตั้งแต่เล็กๆ!

ซูจื่อซีตั้งใจคิดมากเกินไป จึงไม่ได้ยินที่นายหญิงพูดกับเขา

นายหญิงซูมองซูจื่อซีด้วยสีหน้ากังวล

เธอพูดกับเขาไปนานขนาดนี้ เขากลับยังคงเหมือนเมื่อก่อน ไร้ซึ่งสีหน้าและเอาแต่กินข้าว

เด็กคนนี้ ขนาดทำการผ่าตัดแล้วนะ

ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลหรือโรงพยาบาลเอกชน ต่างก็บอกว่าเขาฟื้นฟูได้ดีมาก ในสมองไม่มีเลือดคั่งกดทับแล้ว

แต่ทำไมยังตอบสนองช้าเหมือนเดิมเลย

เวลานี้เองซูจื่อซีเงยหน้า “ขาหมูตุ๋นได้เปื่อยมากเลย!”

นี่เป็นคำถามที่นายหญิงซูถามเขาเมื่อห้านาทีที่แล้ว

นายหญิงซู “……”

จบเห่แล้ว ยังไม่หายดีจริงด้วย!

เวลาการตอบสนองยังคงยาวเช่นเคย!

ซูเหอเวิ่นอุทาน “การตอบสนองแบบนี้ พี่รองยังอยู่นอกอวกาศไม่ได้กลับมาใช่ไหม!”

เหมือนว่า…เวลาการตอบสนองของเขาก่อนหน้านี่อยู่ที่ดาวอังคาร แต่ตอนนี้ในที่สุดก็อยู่ที่ชั้นบรรยากาศแล้ว

เวลาการตอบสนองเมื่อก่อนต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้านาที…

ซูเหอเวิ่นส่ายหน้า “ช่วยไม่ได้แล้ว เป็นตั้งแต่เกิดน่ะ”

ซูจื่อซียังคงคิดเรื่องตัวตนของซู่เป่าต่อ เขาไม่แน่ใจ ว่าน้องสาวของเขาเป็นยมบาลจริงหรือเปล่า

ในตำนานพื้นบ้านที่เกี่ยวกับเทพ ยมบาลส่วนมากจะเป็นผู้ชาย

ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้หญิงเลย แต่เขาลองตั้งใจไปหาข้อมูลแล้ว ก่อนหน้านี้สังคมศักดินาดูถูกผู้หญิง ดังนั้นเวลาที่พวกเขาแต่งนิทานหรือเรื่องเล่า หากพบว่ามียมบาลผู้หญิง พวกเขาคิดผู้หญิงจะเป็นราชาได้อย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงแก้ยมบาลจากเพศหญิงเป็นเพศชาย

ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ…น้องสาวเขาก็เป็นยมบาลตัวจริงงั้นเหรอ?

หลังกินข้าวครึ่งถ้วยที่เหลือหมด ซูเหอเวิ่นก็ยังไม่ได้ข้อสรุป จึงทำได้เพียงตอบคำถามเมื่อครู่ของซูเหอเวิ่น “ไม่ใช่สักหน่อย”

ทุกคน “……”

ยังจะบอกว่าไม่ใช่อีก

เขากินข้าวอีกครึ่งถ้วยที่เหลือจนหมดจึงขึ้นไปทำงาน

ข้าวสารในปากของเสี่ยวอู่หล่นลงมา “ช่วยไม่ได้แล้ว! ช่วยไม่ได้แล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน