ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 46

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์รีบบอกว่า “เราติดต่อตระกูลซือไปตอนนี้เลย บอกว่าเราพบตัวคุณชายน้อยแล้ว”

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์บอกว่า “คุณโง่หรือไง! ไปแย่งความดีความชอบกับคนตระกูลซูเนี่ยนะ?”

คนตระกูลซูเป็นคนเจอ ถ้าพวกเขาไปเอาหน้าแทนแบบนั้น เท่ากับหาว่าทั้งตระกูลซูกับตระกูลซือเป็นไอ้โง่กันหมดหรือไง

แม่เสวี่ยเอ๋อร์ร้อนใจ “แล้วจะทำไงดีล่ะ”

ทั้งตระกูลซูและตระกูลซือต่างเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในจิงตู สายตระกูลลึกซึ้ง ตระกูลหลานไปเทียบกับพวกเขาแล้วก็เหมือนลูกปลาเล็ก ๆ กับฉลามยักษ์...

ตอนนี้มีโอกาศให้ประจบ ถ้าพวกเขาไม่ลงมือทำอะไรหน่อยก็รู้สึกขาดทุน

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์ครางในลำคอบอกว่า “คิดออกแล้ว”

หลายวันมานี้ตระกูลซือตามหาคุณชายน้อย เลยประกาศเบอร์โทรให้บางกลุ่มรู้

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์โทรไป ทำหน้าตาตื่น “ฮัลโหล ใช่คุณซือหรือเปล่าครับ...”

“ผมหลานเจี้ยนอวี่ไงครับ... ครับ ๆ ใช่ครับ คืองี้ครับ หลานสาวตระกูลซูพบคุณชายน้อยซือตอนออกไปเล่นในป่าน่ะครับ ประธานซูเลยให้ผมโทรมาบอกคุณ...”

หลังจากวางสาย แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์อดชมเขาไม่ได้ “ว้าว สามีฉันฉลาดจังเลย คำพูดคำจาใช่ได้เลย แบบนี้ได้ทำดีทั้งตระสองตระกูลนั้นเลย”

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์ภาคภูมิใจ

เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ฟังและจดจำ รู้สึกเหมือนได้ความรู้ใหม่...

**

ณ เต็นท์ของตระกูลซู

ซูอี้เซินล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กชาย ที่สุดก็ได้เห็นหน้าเด็กชัด ๆ สักที

เขาทำหน้ายู่ ลากซูอีเเฉินออกไปข้างนอก

ซู่เป่านอนเกาะอยู่ข้างที่นอนเป่าลม จ้องเด็กชายที่นอนอยู่บนที่นอน

ขณะเดียวกันจี้ฉางก็กำลังสอนซู่เป่าเรียกขวัญ

“จิตเป็นหยาง วิญญาณเป็นหยิน จิตของคนมีสามดวงจิตฟ้า จิตดิน จิตกำเนิดหรือก็คือจิตชีวิตจะอาศัยอยู่ในร่าง ส่วนอีกสองจิตจะอยู่ข้างนอกก็เลยหลุดง่าย”

“เด็กคนนี้ถือว่าไปผ่านประตูผีมาแล้วหนหนึ่ง ตอนนี้จิตกำเนิดก็ไม่รู้อยู่ไหน”

“มา เดี๋ยวอาจารย์จะสอนให้ว่าเรียกขวัญยังไง”

ซู่เป่าเงยหน้า แต่จุดสนใจกลับอยู่ที่จุดอื่น

ท่านอาจารย์ ในเมื่อจิตหลุดง่ายขนาดนั้น ทำไมไม่จับจิตอีกสองอันมามัดไว้ข้างตัวล่ะคะ?”

จี้ฉางสะอึก โบกมือแล้วบอกว่า “เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง”

เขากลัวว่าซู่เป่าจะยิงคำถามมาเป็นชุด ก็เลยรีบพูดต่อว่า

“การเรียกขวัญก็ต้องท่องบทสวดเรียกขวัญให้ได้ก่อน นอกจากนี้ก็ต้องจุดธูปหนึ่งดอก จุดไฟในกะละมัง ต้องเอาเสื้อผ้าของคนที่จิตหลุดใส่ลงไปในกะละมังนั้น ถึงจะเริ่มสวดบทเรียกขวัญ”

“เอ้า เจ้าท่องบทสวดเรียกขวัญตามอาจารย์นะ “เตาทางดานขวา มีกระเพาะใหยมาก ซาเปยหนิงคาไกดำ นองชายไปอึไปอึ ซาเปยหนิงคาไกดำ...”

บทสวดยาวมาก หลังจากจี้ฉางท่องรวดเดียวจบก็หันมาถามซู่เป่า “จำได้หรือยัง?”

ซู่เป่าพยักหน้ามั่นใจ “จำได้แล้วค่ะ”

จี้ฉางชื่นชม ไม่เสียแรงที่เป็นเด็กมีพรสวรรค์...

“งั้นท่องให้อาจารย์ฟังหน่อย” เขาบอก “บทสวดเรียกขวัญค่อนข้างจำยากหน่อยนะ...”

ซู่เป่าพยักหน้า “เต่าทางด้านขวา มีกระเพาะใหญ่มาก ซ่าเป้ยหนิงฆ่าไก่ดำ น้องชายไปอึไปอึ ซ่าเป้ยหนิงฆ่าไก่ดำ...”

ก็จำไม่เห็นยากนี่นา

จี้ฉาง “...?”

“??”

อะไรกันเนี่ย!

ถึงจะออกเสียงคล้าย ๆ กัน แต่แบบนี้ไม่ได้อยู่ดี

ขณะที่กำลังคิด จี้ฉางรู้สึกได้ว่าอากาศรอบตัวมีการเคลื่อนไหว เหมือนว่าบทสวดของซู่เป่าจะได้ผล

จี้ฉางกระตุกมุมปาก

ซู่เป่าขมวดคิ้วเล็ก ๆ ของเธอถามว่า “ซ่าเป้ยหนิงเป็นใคร? แล้วทำไมต้องฆ่าไก่ดำด้วย? ทำไมน้องชายต้องไปอึสองครั้งด้วย?”

จี้ฉาง “...”

นายหญิงซูที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินซู่เป่าพึมพำ ร้องฮัมอะไรสักอย่าง ‘ซ่าเป้ยหนิงฆ่าไก่ดำ’

ท่านสีหน้าเปลี่ยน เป็นห่วงซู่เป่าขึ้นมา

ซู่เป่ามักจะพูดคนเดียวกับอากาศอยู่บ่อย ๆ ไม่ก็คุยกับเสี่ยวอู่

บางทีก็พูดถึงท่านอาจารย์ขึ้นมา...

นายหญิงซูไม่รู้ทำไมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

ท่านหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ ถามว่า “ซู่เป่าทำอะไรลูก?”

ซู่เป่าตอบว่า “หนูกำลังช่วยเด็กคนนี้อยู่ไงคะ”

นายหญิงซูอึ้งไป เป็นห่วงหนักกว่าเก่า

“ซู่เป่าลูก หนูบอกยายหน่อยได้ไหมว่าหนูคุยอยู่กับใคร?”

ตอนเด็ก ๆ ถูกทำร้ายมาอย่างรุนแรงทำให้กลายเป็นคนสองบุคลิก หรือเห็นคนอีกคนได้ อาการแบบนี้ถือเป็นอาการป่วยจิตเวท...

ซู่เป่าพยักหน้าบอกว่า “หนูคุยกับท่านอาจารย์อยู่ค่ะ”

จี้ฉางพูดว่า “แฮ่ม... ซู่เป่า อาจารย์บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าพูดถึงอาจารย์ต่อหน้าคนอื่น...”

เสี่ยวซู่เป่าทำหน้าคิดหนัก “แต่คุณยายไม่ใช่คนอื่นนี่คะ...”

นายหญิงซูเห็นว่าซู่เป่าพูดคนเดียวอีกแล้ว ในใจท่านก็ยิ่งเป็นกังวล

ซู่เป่าที่น่าสงสารของยาย นี่หลานป่วยจิตจริง ๆ หรือนี่?

“ไม่เป็นไรนะซู่เป่า ตอนนี้ซู่เป่ามีคุณยาย คุณตา แล้วพวกลุง ๆ... ซู่เป่าปลอดภัยมากจ๊ะ...”

นายหญิงซูทั้งสงสารทั้งเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ที่ตรวจสุขภาพให้ซู่เป่า เหลือแต่ด้านสุขภาพจิตนี่แหละที่ไม่ได้ตรวจ

เดี่ยวต้องคุยกับพวกลูก ๆ เสียหน่อย

นายหญิงซูไม่ใช่แค่พูดแต่ยืนยันจะพาซู่เป่าไปให้ได้

ท่านสงสัยว่าเป็นเพราะเมื่อกี้ซู่เป่าเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นเลือดเต็มตัว คงจะหวนคิดถึงอดีตที่ไม่ดีก็เลยอากำเริบขึ้นมา

ซู่เป่าดิ้นไปพูดไป “โธ่ เดี๋ยวสิคะคุณยาย ซู่เป่าจะช่วยเด็กคนนี้ก่อน”

ในสายตามีแต่ความสงสัย

ดี ๆ อยู่แท้ ๆ จู่ ๆ คุณยายเป็นอะไรไป

นายหญิงซูบอกว่า “ซู่เป่าไม่ต้องห่วงนะ นี่ ดูสิ คุณลุงตำรวจ คุณหมอพยาบาลมากันหมดแล้ว”

ซู่เป่าเงยหน้าขึ้นไปมอง มีรถตำรวจเปิดหวอขับมาจริง นอกจากนั้นก็ยังมีรถสีดำอีกสองคัน

เป็นคนตระกูลซือนั่นเอง

คนตระกูลซือท่าทางร้อนใจ พ่อแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ที่มารออยู่ข้างทางตั้งนานแล้ว รีบบอกว่า “ทางนั้น...”

สองคนทำหน้าร้อนใจ ทำเหมือนตัวเองอยู่ในเหตุการณ์กับเขาด้วย

แต่ไม่รู้ทำไม คนตระกูลซือไม่ได้มองพวกเขาเลย พวกเขาพุ่งตรงไปทางเต็นท์ตระกูลซูทันที

พ่อแม่เสวี่ยเอ๋อร์สีหน้าเลิ่กลั่ก รู้สึกเสียหน้าอย่างไรไม่รู้

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์บอกว่า “เอ่อ... ทำไมเขาไม่สนใจเราเลยล่ะ...”

พ่อของเสสวี่ยเอ๋อร์บอกว่า “ก็คงจะร้อนใจนั้นแหละ ไม่เป็นไร อีกหน่อยเราก็มีข้ออ้างไปเยี่ยมคุณชายน้อยซือได้แล้ว”

“ตอนนี้เราจะไปที่บ้านซูก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ เดี๋ยวโดนรู้ทันพอดี”

สองคนซุบซิบกัน กลับไปทางแคมป์ตัวเอง

อีกด้านหนึ่ง

ผู้ชายหน้าเข้มท่าทางเคร่งขรึมเดินมาถึงเต็นท์ตระกูลซู

ซู่เป่ามองคนที่มาด้วยสายตาสงสัย

เธอกระซิบถาม “ท่านอาจารย์ ทำไมบนตัวพวกเขาถึงมีออร่าสีเหลืองล่ะคะ”

โดยเฉพาะผู้ชายวัยกลางคนที่นำมา ออร่าสว่างจนแสบตา

จี้ฉางอธิบายว่า “นี่คือคนที่มีคุณธรรมนำพา มีบุญคุณกับแผ่นดิน ทำประโยชน์เพื่อชาติ เลยมีออร่าสีทอง พอตายไปก็จะบรรลุธรรม”

ซู่เป่าเข้าใจแล้วถามต่อ “แล้วทำไมรอบออร่าสีทองถึงมีรังสีความตายด้วยล่ะคะ?”

ผ่านการเล่าเรียนมาสักพักหนึ่ง ซู่เป่าก็รู้จักรังสีความตาย เหมือนของป้าสะใภ้รอง เพราะว่าเคยฆ่าคนมาก่อนถึงได้มีรังสีความตายติดตัว

คุณอาคนข้างหน้านี่มีทั้งรังสีความตายล้อมรอบทั้งออร่าสีทองเป็นประกาย แปลกจังเลย

จี้ฉางบอกว่า “เพราะว่าเขาก็เคยฆ่าคน แต่ว่าฆ่าคนเลว”

ดังนั้นรังสีความตายจึงเข้าใกล้ตัวเขาไม่ได้ โดนออร่าสีทองกันไว้ข้างนอก

ซู่เป่าอ๋อขึ้นมา

เข้าใจแล้ว!

แปลว่าอาคนนี้เป็นคนดีที่คอยกำจัดคนเลว

ตอนนี้เอง ชายคนนั้นก็เดินเข้ามา

ซือเย่หน้าตาเย็นชาเคร่งขรึม มักจะมีเด็กตกใจร้องไห้เพราะหน้าดุ ๆ ของเขาบ่อย ๆ แต่ยัยหนูคนนี้นอกจากจะไม่ร้องแล้วแล้วยังยิ้มกว้างให้เขาอีก

“สวัสดีค่ะคุณอา” ซู่เป่าเอ่ย

ซือเย่ชะงักไปนิดหนึ่ง

ยัยหนูนี่...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน