ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 47

ซือเย่ยังไม่เคยเจอเด็กผู้หญิงที่ไม่กลัวเขาแถมยิ้มให้แบบนี้มาก่อน

อีกอย่างยัยหนูนี่ หน้าตาคุ้น ๆ ยังไงบอกไม่ถูก...

ซือเย่ได้สติกลับมา พยักหน้า “สวัสดีครับ”

เขาชะงักไปก่อนถามว่า “หนูแบกอี้หรันกลับมาเหรอครับ?”

ซู่เป่าตอบว่า “ค่ะ”

เจ้าแก้มก้อนข้างหน้านี่หน้าแดงเป็นลูกตำลึง อวบอ้วนแบบเด็ก ๆ ตาทั้งโตทั้งใส เวลาพูดยังชอบพยักหน้าอีก น่ารักสุด ๆ

ซือเย่อดไม่ได้ขอมองอีกที

“ขอบใจนะ เดี๋ยววันหลังฉันจะพาอี้หรันไปขอบคุณหนูที่บ้าน” ถึงจะคุยกับเด็กแต่ซือเย่ก็ยังหน้าขรึมเหมือนเดิม

คนชุดดำที่ตามเขามาเดินเข้าไปในเต็นท์ของตระกูลซู ไม่นานก็อุ้มเด็กผู้ชายคนนั้นออกมา

ซือเย่พยักหน้าให้ซูอีเฉิน ทำท่าจะจากไป แต่ซู่เป่ากลับเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมา “คุณอาคะ คุณอายังไปไม่ได้...”

ซู่เป่าเหมือนอยากพูดอะไร จี้ฉางคอยกำกับอยู่ข้าง ๆ เธอแค่พูดตาม “อาการป่วยของพี่ชายไม่ใช่โรคทั่วไป ถ้าหากว่าเขาไม่ฟื้นล่ะก็คุณอามาหาซู่เป่านะคะ”

ซือเย่พยักหน้า

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนคำพูดของซู่เป่า

เด็กสี่ขวบจะไปทำอะไรได้?

ถ้าเกิดอี้หรันรักษาไม่หายจริง ๆ ยัยหนูนี้จะช่วยได้งั้นเหรอ

ซือเย่พาอี้หรันออกไปแล้ว

ซู่เป่ามองขบวนรถที่แล่นออกไป หน้าเล็ก ๆ ยังคงกังวล

นายหญิงซูบอกว่า “เอาล่ะ พวกเราก็กลับกันเถอะ”

ทีแรกว่าจะอยู่ค้างที่อุทยานพื้นที่ชุ่มน้ำสักคืนให้ซู่เป่าได้ซึมซับบรรยากาศท้องฟ้ายามค่ำคืน น้ำค้างยามเช้า

แต่พอมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นายหญิงซูก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา คิดว่าขนาดอี้หรันยังโดนลักพาตัวเลย... ก็เลยคิดว่ากลับไปบ้านก่อนดีกว่า

คนตระกูลซูตกลงกันเสร็จก็รีบเก็บของกลับคฤหาสน์ตระกูลซู

ซู่เป่าหลับตั้งแต่กลางทาง...

พูดถึงครอบครัวของเสวี่ยเอ๋อร์

รอจนคนตระกูลซูกับตระกูลซือออกไปหมดแล้ว พวกเขาก็เก็บของกลับบ้านตามไป

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ทำหน้าริษยา “โถ่ คุณเห็นยัยซู่เป่าเมื่อกี้ไหม คุณซือยิ้มให้แกด้วย... ไม่รู้ว่าแกไปโชคดีมาจากไหน ถึงได้บังเอิญไปเจอคุณชายเล็กซือตอนที่สบบอยู่แบบนี้ได้”

พ่อของเสวี่ยเออร์บอกว่า “นั่นสิ! ตระกูลซือกับตระกูลซูไม่เหมือนกัน ตระกูลซูมีเด็กผู้ชายตั้งสามคน แต่ตระกูลซือมีอยู่แค่อี้หรันคนเดียว... เห้อ นี่ต่อไปถ้าอี้หรันเลือกใครมาเป็นคู่ คนนั้นก็ถือว่าโชคดีมากเลย...”

เสวี่ยเอ๋อร์แกล้งหลับอยู่บนคาร์ซีท จดจำคำพูดของพ่อกับแม่ขึ้นใจ

เธอรู้สึกไม่ยุติธรรมเลย ไม่รู้ทำไมซู่เป่าถึงได้โชคดีตลอดเลย!

ถ้าเกิดในตระกูลซู เธอก็จะโชคดีแบบนี้เหมือนกัน

เชอะ ไม่เห็นจะน่าอิจฉาตรงไหนเลย

**

ซู่เป่าหลับได้เหนื่อยมาก

ในฝัน เธอเห็น ‘ผีน้อย’ ที่เธอแบกกลับมา

หน้าของ ‘ผีน้อย’ มีแต่เลือดเต็มไปหมด หน้าตานิ่งเฉย จ้องมาที่เธอเขม็ง

ซู่เป่าสะดุ้งตื่นขึ้นมา

เธอวิ่งลงไปชั้นล่างเท้าเปล่าพลางตะโกน “คุณยาย”

นายหญิงซูพอเห็นเข้าก็รีบถามว่า “ซู่เป่า ตื่นแล้วเหรอ? ทำไมไม่ใส่รองเท้า?”

ซูอีเฉินออกไปที่บริษัทแล้ว ซูจื่อหลินกับซูอิ๋งเอ่อร์ไปจัดการเรื่องเอกสารที่โรงพัก

คนที่เหลือไม่รู้ว่าไปไหนกันหมดแล้ว มีแต่ซูลั่วสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะกาแฟด้านข้าง

เขาเหลือบมองเท้าของซู่เป่า ก่อนจะบอกว่า “มานี่”

ซู่เป่าเอ่ยสวัสดีลุงสี่อย่างรู้ประสา จากนั้นก็โดนซูลั่วอุ้มขึ้นมาวางไว้บนเก้าอี้

ซู่เป่าถามนายหญิงซูว่า “คุณยายคะ พี่ชายคนเมื่อวานฟื้นหรือยังคะ?”

นายหญิงซูบอกว่า “คุณยายก็ยังไม่รู้เลยลูก... รอก่อนนะ เดี๋ยวยายโทรไปถามให้”

ซู่เป่าพยักหน้าหงึก ๆ

ซูลั่วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดันกรอบแว่นสีทองของเขาหัวเราะเบา ๆ “เจ้าตัวเล็ก ทำไมเป็นห่วงเขาขนาดนั้นล่ะ?”

เชอะ สุดที่รักที่ตระกูลซูเพิ่งได้ตัวกลับมา นี่ไม่เท่าไหร่ก็จะโดนเจ้าหนุ่มน้อยคนนั่นแย่งไปแล้วหรือไง?

ซู่เป่ามองลุงสี่ที่นั่งอยู่ตรงหน้า

ลุงสี่หน้าตาดีมาก แต่เวลายิ้มขึ้นกลับหน้าตาเหมือนคนไม่ดี

“ลุงสี่ ช่วยคนหนึ่งชีวิตบุญหนักกว่าสร้างวิหารเจ็ดชั้นรู้ไหมคะ” เจ้าแก้มก้อนลองวิชา พูดออกมาอย่างตั้งใจ

เธอฝันเห็นพี่ชายคนนั้น ไม่รู้ว่าเขาตายแล้วหรือเปล่า...

ซูลั่วขำพรวดออกมา หยิบเหยือกนมที่อยู่ข้าง ๆ มาเทนมให้ซู่เป่าแก้วหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน

แล้วก็ผลักถ้วยน้ำซุปเข้มข้นกับหยิบหมั่นโถวและซาลาเปาใส้เนื้อมาให้อีก

“กินข้าว”

นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นการบอกให้ซู่เป่ามาทานอาหารได้แล้ว

ซู่เป่าท้องร้องจ๊อก ๆ หิวขึ้นมาพอดี ก็เลยหยิบหมั่นโถวมากัดเข้าปากดังงั่ม

ตอนนี้นายหญิงซูกลับมาพอดี ท่านบอกว่า “ซู่เป่า เมื่อกี้ยายโทรถามให้แล้ว ทางนั้นบอกว่าอี้หรันยังไม่ฟื้นเลย...”

นายหญิงซูถอนหายใจ

ไม่ใช่แค่ไม่ฟื้น แต่ได้ข่าวหัวใจหยุดเต้นต้องส่งเข้าไอซียู...

**

อีกด้านหนึ่ง ณ โรงพยาบาลเอกชนระดับไฮคลาสแห่งหนึ่ง

ซือเย่ยืนตัวตรงอยู่ที่หน้าห้องไอซียู เม้มปากมองไปข้างนอก

ข้างเขามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ นั่งอยู่ไม่นานก็ลุกขึ้นมา เธอเดินวนไปวนมาหน้าห้องไอซียู

เธอคือแม่ของอี้หรัน เวินหรูอวิ๋น

ซือเย่ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะปลอบใจอย่างคนห่างไกล “ไม่ต้องห่วง ลูกจะต้องไม่เป็นไร”

เวินหรูอวิ๋นถึงชื่อจะนุ่มนวลแต่ตัวจริงใจร้อน เธอพูดด้วยความโมโห “ลูกชายฉันกำลังให้หมอช่วยชีวิตอยู่ข้างในนั้น จะไม่ให้ฉันห่วงได้ไง?”

ซือเย่ “...”

เขาเอามือลูบจมูกอยู่เงียบ ๆ

ตอนนี้เองประตูห้องผ่าตักถูกเปิดออก คุณหมอเดินออกมาหน้าตาหนักอึ้ง

“คุณซือ คุณนายซือ พวกเราได้พยายามกันเต็มที่แล้ว...”

เวินหรูอวิ๋นเข่าอ่อน ซือเย่เข้าไปประคองเธอไว้ทันควัน โอบเธอไว้ในอ้อมกอดโดยไม่ตั้งใจ

เวินหรูอวิ๋นถามเสียงสั่น “เป็นไม่ได้...”

หมอส่ายหน้า “ยังไงคุณก็เตรียมใจไว้หน่อยนะครับ”

ตอนส่งมาที่โรงพยาบาลตรวจพบว่าเขาเสียเลือดมาก ทางเราได้ทำการให้เลือดแล้ว

แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ดัชณีต่าง ๆ ล้วนเป็นปกติ แต่ลมหายใจของคุณชายน้อยซือแผ่วลงทุกที ๆ

ทางเราได้ตรวจทุกอย่างที่ตรวจได้แล้ว แต่ก็หาสาเหตุไม่พบ... หน้าของคุณชายน้อยซือคล้ำเขียว ลักษณะเหมือนโดนพิษ ผลผลการตรวจกลับไม่พบพิษ”

“นอกจากนี้ยังน้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ เมื่อวานตอนส่งมา 30 กิโล เมื่อกี้เหลือแค่ 25 กิโล...”

คืนเดียวน้ำหนักลดไป 5 กิโล แม้ว่าหมอจะถอนผมหมดหัวก็หาสาเหตุไม่พบอยู่ดี

เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยพบมาก่อน ไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ...

“ถ้าหากไม่อยากให้คุณชายน้อยซือทรมาน หมอแนะนำให้พากลับบ้าน เตรียมจัดการขั้นต่อไปดีกว่า...”

หมอไม่อยากพูดแบบนี้ เพราะฐานะของซือเย่สามารถทำให้คนทั้งเมืองจิงตูตะลึงได้ แต่เขารู้ดีว่ายังไงเด็กคนนี้ก็หมดทางรักษาแล้ว

ถ้าเทียบกับการต้องเสียบท่อมากมายให้ทรมาน จากไปแบบสงบยังจะดีกว่า...

เวินหรูอวิ๋นน้ำตาไหลพราก

ซือเย่เม้มปากในหัวของเขาผุดคำพูดของซู่เป่าขึ้นมา

[อาการป่วยของพี่ชายไม่ใช่โรคทั่วไป ถ้าหากว่าเขาไม่ฟื้นล่ะก็คุณอามาหาซู่เป่านะคะ]...

ซือเย่เหมือนตัดสินใจได้แล้ว เขาบอกว่า “ไป พาอี้หรันกลับไป”

เวินหรูอวิ๋นหมดสิ้นความหวัง……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน