ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 48

หนุ่มน้อยถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด

สีหน้าเขาดำคล้ำและแก้มก็ตอบลงมาก ดูไปแล้วไม่เหมือนกับเป็นเด็กอายุหกเจ็ดขวบเลย

เวินหรูอวิ๋นพูดอย่างสะอื้นว่า “อี้หรัน แม่จะพาหนูกลับบ้านนะ”

รักษาไม่ได้ก็ไม่ต้องรักษาแล้ว คิดๆดูเด็กตัวเล็กขนาดนี้ ทั้งร่างกายมีแต่สายยางเสียบอยู่มากมาย

นอนตัวคนเดียวอยู่ในห้องฉุกเฉินอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

ช่างทรมานเหลือเกิน

แล้วรถของซือเย่ก็ขับออกมาและเลี้ยวกลับเพื่อมุ่งตรงไปที่บ้านของตระกลูซู

เวินหรูอวิ๋นอุ้มซืออี้หรันไว้ด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า จึงไม่ได้สนใจมองดูว่ารถยนต์นั้นขับไปที่ไหน

จนเมื่อมีคนโทรศัพท์เข้ามา ซือเย่ก็เลื่อนหน้าจอรับสาย แล้วจึงได้ยินเสียงพูดของนายหญิงตระกูลซือที่ฟังดูกระวนกระวายใจอย่างมาก

“อาเย่ แกพาอี้หรันไปที่ไหน?!”

ซือเย่พูดอย่างใจเย็นว่า “คุณหมอบอกว่าไม่มีทางรักษาอี้หรันได้แล้ว ผมจึงพาเขามาที่บ้านตระกูลซู”

เขาได้บอกเล่าประโยคที่ซู่เป่าพูดเอาไว้ทั้งหมด

นายหญิงตระกลูซือหรือคุณย่าของอี้หรัน เป็นคนแก่ที่มีความเชื่องมงายมาก

แม้แต่เวลาจะกินข้าวก็ยังต้องดูฤกษ์ดูยามเสียก่อน

เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของซือเย่ก็ยิ่งโมโหมากขึ้น “แกไปหายัยหนูน้อยจะสามารถช่วยอะไรได้?

เด็กขนาดนั้นจะไปรู้เรื่องได้ไง?ฉันจะตามไต้ซือมาเอง รีบพาอี้หรันกลับมาเดี๋ยวนี้!”

ซือเย่ขมวดคิ้วอย่างโมโห เพราะนายหญิงเคยตามไต้ซือมาหลายคนแล้วสุดท้ายก็ล้วนเจอแต่พวกนักต้มตุ๋น

ซือเย่พูดตอบกลับไปว่า “ไม่จำเป็น”

นายหญิงพูดจาเสียงดังจนเวินหรูอวิ๋นที่อยู่ข้างๆก็ได้ยินทุกคำ

“อะไรคือไม่จำเป็น!ฉันสั่งให้แกกลับมาได้ยินหรือเปล่า!รอบนี้ฉันตามอวิ๋นไต้ซือมา อวิ๋นไต้ซือเป็นใครแกรู้จักไหม?คนอื่นไปขอร้องถึงบ้านท่านยังไม่ออกมาพบหน้าเลย อวิ๋นไต้ซือบำเพ็ญสมถะจนบรรลุเป็นเซียนแล้วเจ้าเข้าใจหรือเปล่า!…แม้แต่อวิ๋นไต้ซือเจ้ายังไม่นับถือ แต่กลับไปนับถือยัยหนูน้อยเหรอ!”

ซือเย่พูดอย่างเย็นชาว่า “แค่นี้แหละ”

พูดจบก็วางสายลงทันที

เวินหรูอวิ๋นอุ้มซืออี้หรันไว้พร้อมกับเอ่ยปากถามขึ้นว่า “พวกเราไปหาซู่เป่า?”

แก้วตาดวงใจของตระกูลซูที่เพิ่งกลับมาไม่นาน เธอก็เคยได้ยินมาบ้าง

ซือเย่ถามเธอว่า “คุณเชื่อยัยหนูน้อยนั่นไหม?”

ถ้าบอกว่าไม่เชื่อ...เขาก็ต้องเลี้ยวรถพาอี้หรันกลับไปที่บ้าน

ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เวินหรูอวิ๋นจึงพูดตอบอย่างมั่นใจว่า “ฉันเชื่อ!”

เป็นเพราะว่ายัยหนูน้อยเคยแบกอี้หรันกลับมา

หรือเป็นเพราะว่าเมื่อวานก่อนที่อี้หรันจะป่วยหนัก ซู่เป่าเคยบอกไว้ว่าให้กลับไปหาเธออีกครั้ง

**

อีกด้านหนึ่ง เมื่อวางสายโทรศัพท์ลงนายหญิงตระกูลก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า

“อวิ๋นไต้ซือ ท่านดูสิ...คงต้องเชิญท่านไปที่บ้านตระกูลซูกับดิฉันหน่อยได้ไหมคะ?”

ข้างกายนายหญิงซือ มีนักพรตรูปหนึ่งกำลังหลับตาภาวนาซึ่งมีขนคิ้วแต่หนวดเครายืดยาว

เมื่อได้ยินแล้ว เขาก็พูดตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “นักพรตอย่างอาตมาตามหลักแล้วไม่ควรเข้าบ้านของฆราวาส ที่อาตมามาที่นี่ก็ถือว่าได้ฝ่าฝืนกฎไปแล้ว...

นายหญิงซือพยักหน้าอย่างศรัทธา “ใช่คะใช่คะ เพราะลูกอกตัญญูของดิฉันคนเดียว!

ที่ดื้อรันจะไปหายัยเด็กน้อยนั่น!”

เธอได้บอกกล่าวเรื่องที่ซือเย่เล่าอย่างสุดจะทน และได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะซ่อมแซมวัดให้อวิ๋นไต้ซือเพื่อเป็นการสร้างบุญกุศล...

อวิ๋นไต้ซือจึงได้พูดขึ้นว่า “ก็ได้ สีกาและอาตมาก็ถือว่ามีบุญวาสนาต่อกัน อาตมาจะไปกับสีกาสักครั้ง

เพื่อจะได้ไปเห็นหน้าค่าตาของเจ้าเด็กเมื่อวานซืนที่ช่างใจกล้าพูดจาเหลวไหลนั้นด้วย!”

นายหญิงตระกูลซือรู้สึกขอบคุณอวิ๋นไต้ซืออย่างสุดซึ้ง แล้วก็ได้เดินทางไปที่บ้านตระกูลซู

**

เมื่อซู่เป่าทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว ก็มองออกไปนอกประตูบ้านอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“อาจารย์ พี่ชายคนนั้นจะเป็นอะไรไหมคะ?”

ความฝันในเมื่อเช้าทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ‘เด็ก’ในความฝันที่อยู่นิ่งๆไม่พูดไม่จา

ได้แต่จ้องมองเธออย่างเดียว

ซู่เป่ากำลังคิดอยู่ว่า ถ้า‘เด็ก’คนนั้นตายไปแล้วจริงๆ คงจะต้องกลายเป็นผีคอยจ้องมองเธออยู่ในความฝันทุกวันแน่…

จี้ฉางนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆพร้อมกับถือพู่กันหมึกแดงไว้ในมือเพื่อวาดรูปบางอย่าง

แล้วก็ได้เอ่ยปากพูดจาอย่างไม่ได้คิดอะไรมากมายว่า

“อยากรู้เหรอ?เดี๋ยวอาจารย์จะสอนเจ้าทำนายดวง”

“ยังจำเรื่องที่อาจารย์สอนเจ้าในเมื่อวานนี้ได้หรือเปล่า

เบญจศาสตร์อู่ซู——ภูเขา การแพทย์ ชีวิต การทำนาย และการดู”

ซู่เป่า “จำได้คะ…”

จี้ฉางมองหน้าเธออย่างสงสัย

เมื่อวานตอนที่เขายังสอนไม่จบเธอก็นอนหลับไปก่อน แล้วจะจำได้ยังไง

จี้ฉางจึงพูดว่า“ชีวิตคือการศึกษาชีวิตตามวันเดือนปีเกิดของมนุษย์เพื่อทำนายโชคชะตา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน