ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 49

.เมื่อซู่เป่าเห็นธูปหยินแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าความหมายของธูปหยินคือสุดท้ายก็ต้องตาย

แต่เมื่อฟังจากคำอธิบายของจี้ฉาง ธูปหยินไหม้หมดเมื่อไหร่คนก็ต้องตายเมื่อนั้น

เธอจึงรีบร้อนใจมากขึ้น และสั่งให้ผู้ใหญ่ต่างเร่งมือไวๆ เพื่อที่จะสามารถช่วยซืออี้หรันให้ทันเวลาก่อนที่ธูปบนหัวจะไหม้จนหมดเกลี้ยง

อ่างเหล็กกับกระดาษเงินยังพอหาได้ง่าย เพราะเป็นสิ่งของที่บ้านตระกูลซูเตรียมเอาไว้ใช้เมื่อมีเทศกาลต่างๆ เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลอยู่แล้ว

มีแต่เสื้อผ้าของอี้หรันที่จะหาได้ยากลำบาก

เวินหรูอวิ๋นนึกขึ้นมาได้ว่ามีเสื้อเชิ้ตของอี้หรันอยู่บนรถหนึ่งตัว จึงรีบวิ่งไปเอาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเตรียมทุกอย่างมาครบแล้ว ซู่เป่าก็จุดกระดาษเงินเผาในอ่างเหล็ก และได้จุดธูปไว้ที่ประตูทางเข้าหนึ่งดอก

เมื่อกำลังจะเริ่มพิธี ทันใดนั้นก็มีเสียงหายใจอย่างหอบเหนื่อยดังขึ้นมา “หยุดก่อน!”

นายหญิงซือมาถึงพอดี เมื่อเห็นอี้หรันนอนอยู่บนพื้น ข้างๆมียัยหนูน้อยถือกระดาษเงินไว้ในมือ

จึงโมโหขึ้นมาทันที!

“เหลวไหล!ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี!”

นายหญิงซือโมโหสุดขีด ใช้ไม้เท้าที่ถือไว้ในมือปัดกระดาษเงินที่อยู่ในมือของซู่เป่าทิ้งไป!

เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากจนทุกคนไม่ทันได้ตั้งสติ และยิ่งคิดไม่ถึงด้วยว่านายหญิงจะใช้ไม้เท้าตีคนได้

นิ้วมือของซู่เป่าถูกตีจนเป็นแผล ด้วยความเจ็บปวดจึงได้สะบัดกระดาษเงินที่อยู่ในมือกระจุยกระจายทั่วพื้น

นิ้วเล็กๆได้แดงขึ้นมา!

“ฮือๆ……”

เจ้าแก้มก้อนรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลลงมา

ปู่เต่าไม่ได้ทำนายเหตุการณ์นี้ให้ทราบ ว่าเธอจะต้องถูกตีด้วย

เวินหรูอวิ๋นร้อนใจขึ้นมาและพูดอย่างโมโหว่า “แม่!แม่ทำอะไร!”

เธอวิ่งเข้าไปขวางอยู่ข้างหน้าของซู่เป่า!

ซือเย่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ออกไป!”

นายหญิงซือไม่ยอมออกไป!

ด้านหลังของนายหญิงซือ มีซูอีเฉินกับนักพรตผมขาวตามมาติดๆ

ที่แท้ ตอนที่นายหญิงซือมาถึงก็บังเอิญเจอกับซูอีเฉินกลับบ้านพอดี เธอถึงได้เข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดาย

ยายแม่เฒ่าเป็นกังวลหลานชาย จึงเดินถือไม้เท้าเข้ามาอย่างกับจะบินให้ได้

แต่อวิ๋นไต้ซือยังคงวางท่าเหมือนดั่งเทพเจ้า และก้าวเท้าเดินเข้ามาอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้เสียบุคลิก

ซูอีเฉินถึงได้เดินตามมาทีหลัง

เมื่อซูอีเฉินเห็นนายหญิงซือใช้ไม้เท้าตีไปที่ซู่เป่า สีหน้าของเขาก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา!

“นายหญิงตระกูลซือ ที่ผมให้คุณเข้ามาเพราะเห็นว่าหลานของคุณอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ให้คุณมาทำร้ายซู่เป่า!”

นายหญิงตระกูลซือเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมารยาทตามลำดับอาวุโสอย่างมาก เมื่อได้ยินซูอีเฉินที่มีอายุน้อยกว่ามาพูดจาสั่งสอนยิ่งทำให้โมโหมากขึ้น แต่เพราะว่าเธออยากมาหาซืออี้หรันจึงได้กลั้นโมโหไว้ทำเป็นไม่ได้ยิน

“อวิ๋นไต้ซือ เร็วเข้า อี้หรันอยู่ที่นี่!”

ซูอีเฉินทำหน้าเย็นเยียบ และให้ป้าอู๋รีบไปเอากล่องยามาก่อน

นายหญิงซูรู้สึกโกรธมาก!

คิดว่าแก่แล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ อย่ามาทำเป็นเสแสร้ง?!

ตระกลูซูก็ไม่ยอมให้ใครมาเหยียดหยามง่ายๆหรอกนะ!

“ยัยแม่เฒ่า ฉันสั่งให้คุณขอโทษหนูซู่เป่าเดี๋ยวนี้!” นายหญิงซูก็วางหมาดคนอาวุโส

ยกขาขึ้นมาแล้วสะบัดรองเท้าลอยออกจากเท้าไป

จากนั้นก็ไปโดนเข้ากับใบหน้าของนายหญิงซืออย่างแม่นยำ

เธอเองก็ไม่คิดว่าจะแม่นได้ขนาดนี้ จนถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน

นายหญิงซือถูกรองเท้าแตะลอยมาตบหน้าอย่างจัง จนรู้สึกโมโหสุดขีดเหมือนไฟโกรธกำลังเผาไหม้อยู่เต็มอก ตระกูลซูถึงกับต้องโวยวายเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้?

“แก...อาเย่ พาอี้หรันกลับไปเดี๋ยวนี้!”

ฉันก็ไม่อยากจะมาเหยียบบ้านตระกลูซูหรอก!

ถ้าหลานชายฉันเธอไม่อยู่ที่นี่ เธอก็คงไม่คิดจะมา

แล้วอาเย่ก็จับคอเสื้อเธอลากไปข้างนอก จากนั้นก็พูดอย่างเยือกเย็นว่า “แม่กลับไปเลย!”

นายหญิงซืออารมณ์ร้อนขึ้นมา และใช้ความอาวุโสของเธอนั่งลงบนพื้นอย่างแรงพร้อมกับพูดตะโกนว่า

“ก็ได้!แกเข้ามาสิ!วันนี้ถ้าแกกล้าไล่คนแก่อย่างฉัน ต่อไปนี้ก็อย่ามาเรียกฉันว่าแม่อีก!”

นายหญิงซือแสดงอารมณ์เดือดดาล!

เวลานั้นใบหน้าที่ดูลึกลับอย่างอวิ๋นไต้ซือก็ส่ายหน้าไปมาแล้วก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“มันไม่ทันแล้ว”

ซู่เป่ากำลังจับมือของซือเย่ไว้และพูดอย่างรีบร้อนว่า “ลุง ถ้าไม่รีบช่วยพี่ชายตอนนี้อาจะไม่ทันแล้วนะคะ…”

อวิ๋นไต้ซือมองซู่เป่าอย่างขมวดคิ้ว

หมอผีน้อยคนนี้ คิดจะเลียนแบบเขาเหรอ?

เขาพูดว่าไม่ทันเธอก็พูดตามว่าไม่ทัน เป็นแค่เด็กตัวน้อยๆแต่หน้าด้านจริงๆ

อวิ๋นไต้ซือมองดูอ่างเหล็กที่กำลังเผากระดาษเงินเอยู่ และเห็นเสื้อผ้าที่เธอถือไว้ในมือ

จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา

เมื่อนายหญิงซือได้ยินคำว่าไม่ทันแล้ว จึงพูดด้วยท่าทางรีบร้อนว่า

“ไต้ซือ ได้โปรดกรุณาช่วย....ช่วยหลานชายดิฉันเร็วๆหน่อยคะ!”

ตอนนี้ช่างดูเป็นคนนอบน้อมถ่อมตนอย่างมาก ต่างกับท่าทีเมื่อกี้ที่วางมาดผู้อาวุโสข่ม

เธอไม่สนใจว่าซือเย่กับเวินหรูอวิ๋นจะคิดเห็นยังไง แล้วใช้ชีวิตของตัวเองมาเดิมพันโดยการใช้มือกอดขาของซือเย่กับเวินหรูอวิ๋นไว้อย่างแน่น เพื่อจะถ่วงเวลาให้อวิ๋นไต้ซือ

อวิ๋นไต้ซือถอนหายใจเฮือกใหญ่“เห็นแก่สีกาที่ช่างน่าเวทนายิ่งนัก...อาตมาก็จะช่วยสีกาสักครั้ง!

ฉางเฟิง!”

ลูกศิษย์ที่ติดตามมาก็เอ่ยปากตอบรับ และทำการจัดเตรียมแท่นพิธี

นายหญิงซือซาบซึ้งจนร้องไห้ เพราะคิดว่าหลานชายตัวเองจะได้รอดแล้ว

อวิ๋นไต้ซือแสดงท่าทางต่างๆอย่างว่องไว เพื่อต้องการทำให้ทุกคนสนใจ

เมื่อเขาสะบัดแขนไปมาก็มีดวงไฟพุ่งขึ้น ทำให้ทุกคนต่างพากันตกตะลึง

จากนั้นอวิ๋นไต้ซือก็เอากระดิ่งทองเหลืองกับดาบไม้ขึ้นมา

ในปากก็พูดขมุบขมิบพร้อมกับหมุนวนรอบๆตัวซืออี้หรัน

“เหล่าอาวุธปราบมารทั้งหลายจนรวมพลังปราบผีมารซาตาน แม่ทัพอู่เล๋ยผู้ห้าวหาญ

กองทัพรถไฟเหินฟ้าลงมาสู่ดิน...จงสำเร็จโดยพลัน!”

ติ่งตาง ติ่งตาง

ลูกศิษย์ของอวิ๋นไต้ซือถือกระดิ่งเขย่าจนเกิดเสียงดัง

จี้ฉางกระตุกปาก

เขาดูใจเย็นมากไม่ได้เร่งเร้าซู่เป่าเลย เพราะเขารู้ว่าถ้ามีธูปอิงเซียงจุดขึ้นมาเมื่อไหร่

คนนั้นก็จะต้องตายอย่างแน่นอน

ซู่เป่ามองดูซืออี้หรัน

เมื่อผ่านเหตุการณ์วุ่นวายนี้ ทำให้ธูปอิงเซียงเหลืออยู่แค่หนึ่งในสามส่วน

ซู่เป่ารู้สึกโมโหจึงร้องตะโกนเสียงดังว่า“เขาเป็นนักต้มตุ๋น!”

ที่แท้สิ่งที่ปู่เต่าบอกว่าจะมีอุปสรรค ก็คืออุปสรรคเรื่องนี้เอง

นายหญิงซือเปิดตากว้างขึ้น“เด็กจะไปรู้เรื่องอะไร?หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

ท่านเป็นนักพรตที่บรรลุเป็นเซียนแล้ว!

ถ้าขนาดไต้ซือยังไม่สามารถช่วยได้ ยัยหนูน้อยก็ยิ่งไม่มีทางที่จะช่วยได้เหมือนกัน

เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร อายุแค่นี้ยังกล้ามาแข่งกับนักพรตระดับเซียน!?

อวิ๋นไต้ซือพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “คำพูดที่ลบหลู่แบบนี้ไม่พูดจะดีว่า!

เมื่อกี้อาตมาได้ร่ายเวทมนตร์ไปแล้ว ไม่เกินห้านาทีคุณชายน้อยซูก็จะตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน”

เขาถือแส้จามรีวางไว้บนแขนแล้ววางมาดดั่งเป็นผู้สูงส่ง

ซู่เป่าจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “พี่ชายคงไม่ตื่นมาหรอก เวทมนตร์ที่แกร่ายไปก็ช่วยอะไรไม่ได้…”

นายหญิงซูไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรอีกแล้ว

เรื่องของตระกูลอื่น ลำพังซู่เป่าก็ช่วยไปหลายเรื่องแล้ว

“ซู่เป่า พวกเราไปกันเถอะ!ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง”

ซู่เป่าเป็นกังวลใจจนน้ำตาคลอเบ้า

โลกของเด็กนั้นใสซื่อบริสุทธิ์ แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆตายจากไปก็ยังร้องไห้อยู่นานสองนาน นับประสาอะไรกับมนุษย์คนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเป็นถึง‘เพื่อน’ของตัวเองก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเสียใจขนาดไหน

ซู่เป่ามองดูเวินหรูอวิ๋นจากนั้นก็หันไปมองซือเย่

เวินหรูอวิ๋นทุ่มสุดกำลัง!

เธอแบกนายหญิงซือขึ้นมาจากพื้น แล้วก็เดินออกไปข้างนอก!

นายหญิงซือตวาดอย่างโกรธแค้น “ไร้มารยาทสิ้นดี!มีลูกสะใภ้ที่ไหนกระทำแบบนี้ต่อแม่สามีด้วย?

เป็นถึงลูกสะใภ้... ”

เวินหรูอวิ๋นโยนเธอทิ้งไปนอกประตูและพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเช่นกัน “ลูกสะใภ้เหรอ ฉันเป็นจนเบื่อแล้ว !วันนี้ฉันขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่า ชีวิตลูกชายของฉัน ฉันตัดสินใจเอง!ถ้ายังกล้าเดินเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียวฉันจะตีขาของแม่ให้หักไปเลยเพื่อปกป้องความเป็นธรรม!”

นายหญิงซือ “……”

หัวใจเธอเต้นแรงจนเห็นแผ่นอกขึ้นๆลงๆ สองตาโมโหจนดำทะมึน

ตอนนี้ทั้งโกรธแค้นและรู้สึกอับอาย

เด็กข้างในก็เป็นหลานชายของเธอเหมือนกัน!

เรื่องที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีต่อหลานชายทั้งนั้น เธอผิดด้วยเหรอ?

“พวกคุณอยากเห็นอี้หรันตายไปใช่ไหม!” นายหญิงซือร้องไห้โฮ

ภายในบ้าน ซือเย่มองอวิ๋นไต้ซือด้วยสายตาเยือกเย็น “คุณจะออกไปด้วยตัวเองดีๆ

หรือจะให้ผมเชิญคุณออก!”

อวิ๋นไต้ซือทำหน้าไม่พอใจ!

ตั้งแต่ที่เขา‘เป็นเซียน’ ไม่เคยมีเคยมีใครพูดจาลบหลู่เขาถึงเพียงนี้มาก่อน

ต่อไปถ้ามีคนตระกูลซือมาขอร้องเขาเรื่องอะไร เขาจะไม่ยอมช่วยเหลืออีกเด็ดขาด!

“ฮึ” เขาได้สำเร็จเป็นเซียนแล้ว จึงไม่สามารถพูดจาหยาบคายออกจากปาก

ได้แต่หัวเราะเยาะเย้ยอยู่อย่างเดียว

นายหญิงซือร้องไร้อย่างสิ้นหวัง “แกต้องการให้อี้หรันเป็นอะไรไปใช่ไหม!

ทำแบบนี้หลานชายของฉันต้องแย่แน่ๆ…”

ซือเย่พูดอย่างใจเย็นว่า “ผมเชื่อว่าซู่เป่าจะสามารถช่วยอี้หรันได้!”

อวิ๋นไต้ซือทำตาขวางขึ้นมา เชื่อแม้กระทั้งเด็กก้นป่อง สงสัยพวกเขาจะสติเสียไปแล้ว!

เวลานี้ซูอีเฉินมองดูนาฬิกา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า “ถึงห้านาทีแล้ว”

นายหญิงซูเลิกคิ้วและพูดจาแดกดันว่า “เมื่อกี้ไต้ซือพูดว่าอีกห้านาทีเขาจะตื่นขึ้นมามิใช่หรือ?”

สีหน้าของอวิ๋นไต้ซือเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด……

และในเวลานี้ ก็มีลมพัดเข้ามาจากด้านนอก

ซู่เป่าเก็บกระดาษเงินที่ตกอยู่บนพื้นมาเผาตั้งแต่เมื่อไหร่อย่างไม่รู้ตัว

แม้ดวงไฟนี้จะไม่ใหญ่เท่าดวงไฟของอวิ๋นไต้ซือ แต่เปลวไฟที่ลุกโชนกลับเป็นสีเขียว

เมื่อเปลวไฟหายไป ซู่เป่าก็โยนเสื้อผ้าของซืออี้หรันลงไปในอ่างนั้น

ด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูจริงจัง “คาไกดำ...ซาเปยหนิงคาไกดำ... ”

อวิ๋นไต้ซือขมวดคิ้วอย่างสงสัย อะไรคือคาไกดำ?

ยัยหนูน้อยคนนี้ ทำเหมือนกำลังเล่นขายของ?

“เหลวไหล!” อวิ๋นไต้ซือพูดตำหนิด้วยสีหน้าไม่พอใจ

เขาไม่ชอบคนที่อวดรู้ทั้งๆที่ไม่รู้จริงอย่างซู่เป่า ปั้นน้ำเป็นตัวหลอกคนอื่นไปทั่ว!

ลูกศิษย์ของอวิ๋นไต้ซือมองอยู่ข้างๆอย่างโกรธเคือง และได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างเหลือทนว่า

“นั่นสิ เห็นเวทมนตร์เป็นของเล่นเด็ก!?

ถ้าเธอสามารถช่วยซืออี้หรันได้จริงๆ ฉันยอมยืนคว่ำกินอึ!สักสิบกิโลเลย!”

ยังพูดไม่ทันขาดคำ เสื้อผ้าในอ่างที่มีไฟลุกโชนก็‘ตั้ง’ขึ้นมา!

อวิ๋นไต้ซือก็หน้าซีดขึ้นมาทันที และคำพูดของฉางเฟิงก็หยุดลงกระทันหัน...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน