.เมื่อซู่เป่าเห็นธูปหยินแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าความหมายของธูปหยินคือสุดท้ายก็ต้องตาย
แต่เมื่อฟังจากคำอธิบายของจี้ฉาง ธูปหยินไหม้หมดเมื่อไหร่คนก็ต้องตายเมื่อนั้น
เธอจึงรีบร้อนใจมากขึ้น และสั่งให้ผู้ใหญ่ต่างเร่งมือไวๆ เพื่อที่จะสามารถช่วยซืออี้หรันให้ทันเวลาก่อนที่ธูปบนหัวจะไหม้จนหมดเกลี้ยง
อ่างเหล็กกับกระดาษเงินยังพอหาได้ง่าย เพราะเป็นสิ่งของที่บ้านตระกูลซูเตรียมเอาไว้ใช้เมื่อมีเทศกาลต่างๆ เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลอยู่แล้ว
มีแต่เสื้อผ้าของอี้หรันที่จะหาได้ยากลำบาก
เวินหรูอวิ๋นนึกขึ้นมาได้ว่ามีเสื้อเชิ้ตของอี้หรันอยู่บนรถหนึ่งตัว จึงรีบวิ่งไปเอาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเตรียมทุกอย่างมาครบแล้ว ซู่เป่าก็จุดกระดาษเงินเผาในอ่างเหล็ก และได้จุดธูปไว้ที่ประตูทางเข้าหนึ่งดอก
เมื่อกำลังจะเริ่มพิธี ทันใดนั้นก็มีเสียงหายใจอย่างหอบเหนื่อยดังขึ้นมา “หยุดก่อน!”
นายหญิงซือมาถึงพอดี เมื่อเห็นอี้หรันนอนอยู่บนพื้น ข้างๆมียัยหนูน้อยถือกระดาษเงินไว้ในมือ
จึงโมโหขึ้นมาทันที!
“เหลวไหล!ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี!”
นายหญิงซือโมโหสุดขีด ใช้ไม้เท้าที่ถือไว้ในมือปัดกระดาษเงินที่อยู่ในมือของซู่เป่าทิ้งไป!
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากจนทุกคนไม่ทันได้ตั้งสติ และยิ่งคิดไม่ถึงด้วยว่านายหญิงจะใช้ไม้เท้าตีคนได้
นิ้วมือของซู่เป่าถูกตีจนเป็นแผล ด้วยความเจ็บปวดจึงได้สะบัดกระดาษเงินที่อยู่ในมือกระจุยกระจายทั่วพื้น
นิ้วเล็กๆได้แดงขึ้นมา!
“ฮือๆ……”
เจ้าแก้มก้อนรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลลงมา
ปู่เต่าไม่ได้ทำนายเหตุการณ์นี้ให้ทราบ ว่าเธอจะต้องถูกตีด้วย
เวินหรูอวิ๋นร้อนใจขึ้นมาและพูดอย่างโมโหว่า “แม่!แม่ทำอะไร!”
เธอวิ่งเข้าไปขวางอยู่ข้างหน้าของซู่เป่า!
ซือเย่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ออกไป!”
นายหญิงซือไม่ยอมออกไป!
ด้านหลังของนายหญิงซือ มีซูอีเฉินกับนักพรตผมขาวตามมาติดๆ
ที่แท้ ตอนที่นายหญิงซือมาถึงก็บังเอิญเจอกับซูอีเฉินกลับบ้านพอดี เธอถึงได้เข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดาย
ยายแม่เฒ่าเป็นกังวลหลานชาย จึงเดินถือไม้เท้าเข้ามาอย่างกับจะบินให้ได้
แต่อวิ๋นไต้ซือยังคงวางท่าเหมือนดั่งเทพเจ้า และก้าวเท้าเดินเข้ามาอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้เสียบุคลิก
ซูอีเฉินถึงได้เดินตามมาทีหลัง
เมื่อซูอีเฉินเห็นนายหญิงซือใช้ไม้เท้าตีไปที่ซู่เป่า สีหน้าของเขาก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา!
“นายหญิงตระกูลซือ ที่ผมให้คุณเข้ามาเพราะเห็นว่าหลานของคุณอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ให้คุณมาทำร้ายซู่เป่า!”
นายหญิงตระกูลซือเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมารยาทตามลำดับอาวุโสอย่างมาก เมื่อได้ยินซูอีเฉินที่มีอายุน้อยกว่ามาพูดจาสั่งสอนยิ่งทำให้โมโหมากขึ้น แต่เพราะว่าเธออยากมาหาซืออี้หรันจึงได้กลั้นโมโหไว้ทำเป็นไม่ได้ยิน
“อวิ๋นไต้ซือ เร็วเข้า อี้หรันอยู่ที่นี่!”
ซูอีเฉินทำหน้าเย็นเยียบ และให้ป้าอู๋รีบไปเอากล่องยามาก่อน
นายหญิงซูรู้สึกโกรธมาก!
คิดว่าแก่แล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ อย่ามาทำเป็นเสแสร้ง?!
ตระกลูซูก็ไม่ยอมให้ใครมาเหยียดหยามง่ายๆหรอกนะ!
“ยัยแม่เฒ่า ฉันสั่งให้คุณขอโทษหนูซู่เป่าเดี๋ยวนี้!” นายหญิงซูก็วางหมาดคนอาวุโส
ยกขาขึ้นมาแล้วสะบัดรองเท้าลอยออกจากเท้าไป
จากนั้นก็ไปโดนเข้ากับใบหน้าของนายหญิงซืออย่างแม่นยำ
เธอเองก็ไม่คิดว่าจะแม่นได้ขนาดนี้ จนถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน
นายหญิงซือถูกรองเท้าแตะลอยมาตบหน้าอย่างจัง จนรู้สึกโมโหสุดขีดเหมือนไฟโกรธกำลังเผาไหม้อยู่เต็มอก ตระกูลซูถึงกับต้องโวยวายเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้?
“แก...อาเย่ พาอี้หรันกลับไปเดี๋ยวนี้!”
ฉันก็ไม่อยากจะมาเหยียบบ้านตระกลูซูหรอก!
ถ้าหลานชายฉันเธอไม่อยู่ที่นี่ เธอก็คงไม่คิดจะมา
แล้วอาเย่ก็จับคอเสื้อเธอลากไปข้างนอก จากนั้นก็พูดอย่างเยือกเย็นว่า “แม่กลับไปเลย!”
นายหญิงซืออารมณ์ร้อนขึ้นมา และใช้ความอาวุโสของเธอนั่งลงบนพื้นอย่างแรงพร้อมกับพูดตะโกนว่า
“ก็ได้!แกเข้ามาสิ!วันนี้ถ้าแกกล้าไล่คนแก่อย่างฉัน ต่อไปนี้ก็อย่ามาเรียกฉันว่าแม่อีก!”
นายหญิงซือแสดงอารมณ์เดือดดาล!
เวลานั้นใบหน้าที่ดูลึกลับอย่างอวิ๋นไต้ซือก็ส่ายหน้าไปมาแล้วก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“มันไม่ทันแล้ว”
ซู่เป่ากำลังจับมือของซือเย่ไว้และพูดอย่างรีบร้อนว่า “ลุง ถ้าไม่รีบช่วยพี่ชายตอนนี้อาจะไม่ทันแล้วนะคะ…”
อวิ๋นไต้ซือมองซู่เป่าอย่างขมวดคิ้ว
หมอผีน้อยคนนี้ คิดจะเลียนแบบเขาเหรอ?
เขาพูดว่าไม่ทันเธอก็พูดตามว่าไม่ทัน เป็นแค่เด็กตัวน้อยๆแต่หน้าด้านจริงๆ
อวิ๋นไต้ซือมองดูอ่างเหล็กที่กำลังเผากระดาษเงินเอยู่ และเห็นเสื้อผ้าที่เธอถือไว้ในมือ
จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา
เมื่อนายหญิงซือได้ยินคำว่าไม่ทันแล้ว จึงพูดด้วยท่าทางรีบร้อนว่า
“ไต้ซือ ได้โปรดกรุณาช่วย....ช่วยหลานชายดิฉันเร็วๆหน่อยคะ!”
ตอนนี้ช่างดูเป็นคนนอบน้อมถ่อมตนอย่างมาก ต่างกับท่าทีเมื่อกี้ที่วางมาดผู้อาวุโสข่ม
เธอไม่สนใจว่าซือเย่กับเวินหรูอวิ๋นจะคิดเห็นยังไง แล้วใช้ชีวิตของตัวเองมาเดิมพันโดยการใช้มือกอดขาของซือเย่กับเวินหรูอวิ๋นไว้อย่างแน่น เพื่อจะถ่วงเวลาให้อวิ๋นไต้ซือ
อวิ๋นไต้ซือถอนหายใจเฮือกใหญ่“เห็นแก่สีกาที่ช่างน่าเวทนายิ่งนัก...อาตมาก็จะช่วยสีกาสักครั้ง!
ฉางเฟิง!”
ลูกศิษย์ที่ติดตามมาก็เอ่ยปากตอบรับ และทำการจัดเตรียมแท่นพิธี
นายหญิงซือซาบซึ้งจนร้องไห้ เพราะคิดว่าหลานชายตัวเองจะได้รอดแล้ว
อวิ๋นไต้ซือแสดงท่าทางต่างๆอย่างว่องไว เพื่อต้องการทำให้ทุกคนสนใจ
เมื่อเขาสะบัดแขนไปมาก็มีดวงไฟพุ่งขึ้น ทำให้ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
จากนั้นอวิ๋นไต้ซือก็เอากระดิ่งทองเหลืองกับดาบไม้ขึ้นมา
ในปากก็พูดขมุบขมิบพร้อมกับหมุนวนรอบๆตัวซืออี้หรัน
“เหล่าอาวุธปราบมารทั้งหลายจนรวมพลังปราบผีมารซาตาน แม่ทัพอู่เล๋ยผู้ห้าวหาญ
กองทัพรถไฟเหินฟ้าลงมาสู่ดิน...จงสำเร็จโดยพลัน!”
ติ่งตาง ติ่งตาง
ลูกศิษย์ของอวิ๋นไต้ซือถือกระดิ่งเขย่าจนเกิดเสียงดัง
จี้ฉางกระตุกปาก
เขาดูใจเย็นมากไม่ได้เร่งเร้าซู่เป่าเลย เพราะเขารู้ว่าถ้ามีธูปอิงเซียงจุดขึ้นมาเมื่อไหร่
คนนั้นก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
ซู่เป่ามองดูซืออี้หรัน
เมื่อผ่านเหตุการณ์วุ่นวายนี้ ทำให้ธูปอิงเซียงเหลืออยู่แค่หนึ่งในสามส่วน
ซู่เป่ารู้สึกโมโหจึงร้องตะโกนเสียงดังว่า“เขาเป็นนักต้มตุ๋น!”
ที่แท้สิ่งที่ปู่เต่าบอกว่าจะมีอุปสรรค ก็คืออุปสรรคเรื่องนี้เอง
นายหญิงซือเปิดตากว้างขึ้น“เด็กจะไปรู้เรื่องอะไร?หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ท่านเป็นนักพรตที่บรรลุเป็นเซียนแล้ว!
ถ้าขนาดไต้ซือยังไม่สามารถช่วยได้ ยัยหนูน้อยก็ยิ่งไม่มีทางที่จะช่วยได้เหมือนกัน
เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร อายุแค่นี้ยังกล้ามาแข่งกับนักพรตระดับเซียน!?
อวิ๋นไต้ซือพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “คำพูดที่ลบหลู่แบบนี้ไม่พูดจะดีว่า!
เมื่อกี้อาตมาได้ร่ายเวทมนตร์ไปแล้ว ไม่เกินห้านาทีคุณชายน้อยซูก็จะตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน”
เขาถือแส้จามรีวางไว้บนแขนแล้ววางมาดดั่งเป็นผู้สูงส่ง
ซู่เป่าจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “พี่ชายคงไม่ตื่นมาหรอก เวทมนตร์ที่แกร่ายไปก็ช่วยอะไรไม่ได้…”
นายหญิงซูไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรอีกแล้ว
เรื่องของตระกูลอื่น ลำพังซู่เป่าก็ช่วยไปหลายเรื่องแล้ว
“ซู่เป่า พวกเราไปกันเถอะ!ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง”
ซู่เป่าเป็นกังวลใจจนน้ำตาคลอเบ้า
โลกของเด็กนั้นใสซื่อบริสุทธิ์ แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆตายจากไปก็ยังร้องไห้อยู่นานสองนาน นับประสาอะไรกับมนุษย์คนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเป็นถึง‘เพื่อน’ของตัวเองก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเสียใจขนาดไหน
ซู่เป่ามองดูเวินหรูอวิ๋นจากนั้นก็หันไปมองซือเย่
เวินหรูอวิ๋นทุ่มสุดกำลัง!
เธอแบกนายหญิงซือขึ้นมาจากพื้น แล้วก็เดินออกไปข้างนอก!
นายหญิงซือตวาดอย่างโกรธแค้น “ไร้มารยาทสิ้นดี!มีลูกสะใภ้ที่ไหนกระทำแบบนี้ต่อแม่สามีด้วย?
เป็นถึงลูกสะใภ้... ”
เวินหรูอวิ๋นโยนเธอทิ้งไปนอกประตูและพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเช่นกัน “ลูกสะใภ้เหรอ ฉันเป็นจนเบื่อแล้ว !วันนี้ฉันขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่า ชีวิตลูกชายของฉัน ฉันตัดสินใจเอง!ถ้ายังกล้าเดินเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียวฉันจะตีขาของแม่ให้หักไปเลยเพื่อปกป้องความเป็นธรรม!”
นายหญิงซือ “……”
หัวใจเธอเต้นแรงจนเห็นแผ่นอกขึ้นๆลงๆ สองตาโมโหจนดำทะมึน
ตอนนี้ทั้งโกรธแค้นและรู้สึกอับอาย
เด็กข้างในก็เป็นหลานชายของเธอเหมือนกัน!
เรื่องที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีต่อหลานชายทั้งนั้น เธอผิดด้วยเหรอ?
“พวกคุณอยากเห็นอี้หรันตายไปใช่ไหม!” นายหญิงซือร้องไห้โฮ
ภายในบ้าน ซือเย่มองอวิ๋นไต้ซือด้วยสายตาเยือกเย็น “คุณจะออกไปด้วยตัวเองดีๆ
หรือจะให้ผมเชิญคุณออก!”
อวิ๋นไต้ซือทำหน้าไม่พอใจ!
ตั้งแต่ที่เขา‘เป็นเซียน’ ไม่เคยมีเคยมีใครพูดจาลบหลู่เขาถึงเพียงนี้มาก่อน
ต่อไปถ้ามีคนตระกูลซือมาขอร้องเขาเรื่องอะไร เขาจะไม่ยอมช่วยเหลืออีกเด็ดขาด!
“ฮึ” เขาได้สำเร็จเป็นเซียนแล้ว จึงไม่สามารถพูดจาหยาบคายออกจากปาก
ได้แต่หัวเราะเยาะเย้ยอยู่อย่างเดียว
นายหญิงซือร้องไร้อย่างสิ้นหวัง “แกต้องการให้อี้หรันเป็นอะไรไปใช่ไหม!
ทำแบบนี้หลานชายของฉันต้องแย่แน่ๆ…”
ซือเย่พูดอย่างใจเย็นว่า “ผมเชื่อว่าซู่เป่าจะสามารถช่วยอี้หรันได้!”
อวิ๋นไต้ซือทำตาขวางขึ้นมา เชื่อแม้กระทั้งเด็กก้นป่อง สงสัยพวกเขาจะสติเสียไปแล้ว!
เวลานี้ซูอีเฉินมองดูนาฬิกา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า “ถึงห้านาทีแล้ว”
นายหญิงซูเลิกคิ้วและพูดจาแดกดันว่า “เมื่อกี้ไต้ซือพูดว่าอีกห้านาทีเขาจะตื่นขึ้นมามิใช่หรือ?”
สีหน้าของอวิ๋นไต้ซือเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด……
และในเวลานี้ ก็มีลมพัดเข้ามาจากด้านนอก
ซู่เป่าเก็บกระดาษเงินที่ตกอยู่บนพื้นมาเผาตั้งแต่เมื่อไหร่อย่างไม่รู้ตัว
แม้ดวงไฟนี้จะไม่ใหญ่เท่าดวงไฟของอวิ๋นไต้ซือ แต่เปลวไฟที่ลุกโชนกลับเป็นสีเขียว
เมื่อเปลวไฟหายไป ซู่เป่าก็โยนเสื้อผ้าของซืออี้หรันลงไปในอ่างนั้น
ด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูจริงจัง “คาไกดำ...ซาเปยหนิงคาไกดำ... ”
อวิ๋นไต้ซือขมวดคิ้วอย่างสงสัย อะไรคือคาไกดำ?
ยัยหนูน้อยคนนี้ ทำเหมือนกำลังเล่นขายของ?
“เหลวไหล!” อวิ๋นไต้ซือพูดตำหนิด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เขาไม่ชอบคนที่อวดรู้ทั้งๆที่ไม่รู้จริงอย่างซู่เป่า ปั้นน้ำเป็นตัวหลอกคนอื่นไปทั่ว!
ลูกศิษย์ของอวิ๋นไต้ซือมองอยู่ข้างๆอย่างโกรธเคือง และได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างเหลือทนว่า
“นั่นสิ เห็นเวทมนตร์เป็นของเล่นเด็ก!?
ถ้าเธอสามารถช่วยซืออี้หรันได้จริงๆ ฉันยอมยืนคว่ำกินอึ!สักสิบกิโลเลย!”
ยังพูดไม่ทันขาดคำ เสื้อผ้าในอ่างที่มีไฟลุกโชนก็‘ตั้ง’ขึ้นมา!
อวิ๋นไต้ซือก็หน้าซีดขึ้นมาทันที และคำพูดของฉางเฟิงก็หยุดลงกระทันหัน...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...