ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 50

ในอ่างเหล็กมีเปลวไฟประกายสีเขียว เสื้อของซืออี้หรันลุกตั้งพร้อมกับแขนเสื้อค่อยๆยกขึ้นมา...

ท้องฟ้าข้างนอกถูกเมฆลอยมาปกคลุมจนมืดครึ้ม สายลมที่เย็นเยือกพัดผ่านมาจนนายหญิงซูถึงกับต้องกอดแขนตัวเองไว้

เหตุการณ์นี้ช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ

มีแต่ซู่เป่าเท่านั้นที่ยังคงยิ้มได้และโบกมือให้กับเสื้อเชิ้ตตัวนั้น พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยว่า

“รีบกลับไปได้แล้วนะ!”

เสื้อเชิ้ตในอ่างไฟก็ร่วงลงไป จากนั้นก็ถูกไฟเผาผลาญจนไหม้

ซืออี้หรันที่นอนราบอยู่กับพื้น ก็ได้ค่อยๆขยับนิ้วมือขึ้นมา

จี้ฉางทำเสียงประหลาดใจ รีบคว้าตำราเปิดดูอย่างละเอียด

เขาดูไม่ผิดนี่นา ธูปอิงเซียงที่ขึ้นอยู่บนหัวคือธูปแห่งการนับเวลาถอยหลังสู่ความตาย

แล้วทำไมคนนี้ยังสามารถฟื้นกลับมาได้อีก??

ทุกคนนิ่งไปสักพักด้วยความตะลึง และพากันจ้องมองซืออี้หรัน

เมื่อรอมาสักพักใหญ่ก็ไม่เห็นว่าซืออี้หรันจะตื่นขึ้นมา เวินหรูอวิ๋นจึงนั่งลงกับพื้นพร้อมกับหลั่งน้ำตาเงียบๆ

ฉางเฟิงจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับหัวเราะเยาะและพูดว่า “เห็นไหม?ไม่รู้จะพูดยังไง เชื่อได้แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ เสียเวลาจริงๆ!ถ้าให้อาจารย์ของผมทำพิธีต่อป่านนี้คนก็คงจะฟื้นกลับมาแล้ว!”

อวิ๋นไต้ซือทำหน้าขึงขัง แล้วพูดสั่งสอนด้วยท่าทางวางมาดอย่างผู้สูงส่ง “ฉางเฟิง!อย่าพูดจาสามหาว!”

นายหญิงซือที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงพูดของฉางเฟิงก็พุ่งเข้ามาอย่างทนไม่ไหวจากนั้นก็ร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก

“เพราะพวกแกทั้งนั้น!พวกแกไม่ยอมฟังคำพูดของฉันไงล่ะ!พวกแกเป็นคนทำให้หลานชายของฉันต้องตาย!”

เธอพูดไปพร้อมกับโยนไม้เท้าใส่ซู่เป่า “เอาชีวิตของหลานชายฉันคืนมา!เพราะเธอคนเดียวที่ทำให้หลานชายของฉันต้องตาย!ฉันจะให้เธอตายตามหลานชายฉันไปด้วย!”

ซู่เป่าตัดสินใจยกเท้าขึ้นและถีบไม้เท้ากระเด็นออกไป แล้วไม้เท้านั้นก็กระเด็นไปโดนหัวของนายหญิงซืออย่างจัง...

นายหญิงซือยิ่งร้องไห้เสียงดังมากขึ้น

ซูอีเฉินทำหน้าเคร่งขรึม และกำลังจะสั่งให้บอดี้การ์ดเอาตัวนายหญิงซือโยนออกไปข้างนอก!

จากนั้นก็ได้ยินเสียงของซือเย่พูดตำหนิอย่างโมโหว่า “หุบปาก!”

นายหญิงซือถึงกับต้องอึ้งและร้องไห้โฮขึ้นมาอีก “แกกล้าเสียงดังใส่ฉันเหรอ!

ชีวิตของฉันช่างน่าเวทนาจริงๆ!ต้องเสียหลานชายยังไม่พอยังต้องโดนลูกชายด่าทออย่างอกตัญญู……”

อวิ๋นไต้ซือยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเสียงทะเลาะกัน ก็แอบสะใจอยู่ลึกๆ!

ที่เรื่องมันลงเอยแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่าไม่ยอมเชื่อฟังเขา!

ช่างน่าขำจริงๆ ขนาดคนอย่างเขายังช่วยไม่ได้ คิดว่าเจ้าเด็กก้นป่องคนนั้นจะสามารถช่วยได้เหรอ!

ถ้าซู่เป่าสามารถช่วยให้ซืออี้หรันฟื้นขึ้นมา คนอย่างเขาก็จะต้องอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!

และในเวลานี้ ก็มีน้ำเสียงอ่อนระทวยดังขึ้นมา “หนวกหูจัง……”

ใบหน้าที่เย่อหยิ่งของอวิ๋นไต้ซือก็แข็งทื่อขึ้นมา หันไปเหลียวมองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง…

จากนั้นก็เห็นซืออี้หรันดันตัวขึ้นมานั่งอย่างอ่อนแรง!

ซู่เป่าพูดอย่างดีใจว่า “พี่ชาย!พี่ตื่นแล้วเหรอคะ”

โอ้โห เธอสามารถช่วยพี่ชายให้ฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ

ซู่เป่ารู้สึกว่าอาจารย์ยอดเยี่ยมมาก ที่แท้สิ่งที่อาจารย์สอน ไม่ได้เอาไว้จับสิ่งของเข้าไปอย่างเดียว!

เวินหรูอวิ๋นรู้สึกตกตะลึงจนตัวสั่นทั่วร่างกาย ได้แต่เปิดตากลมโตมองอย่างชัดๆ

เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ฝันไป...

“อี้หรัน……อี้หรัน!” เวินหรูอวิ๋นยังคงสั่นไม่หยุดพร้อมกับจับใบหน้าของซืออี้หรันไว้

ซืออี้หรันขยับหัวส่ายไปมา เจ้าเด็กน้อยเหมือนไม่ชอบให้คนจับหน้า แม้แต่แม่ของตัวเองก็ยังไม่ยอมให้จับ

เขาทำท่าเข้มขรึม ทั้งเท่ห์ทั้งน่ารัก เหมือนพ่อของเขาเลย

ซืออี้หรันเม้มปากพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ตัวซู่เป่า

“เธอเป็นใคร?” เขาเอ่ยปากถามขึ้น

ซู่เป่ายิ้มจนตาปิด “ฉันชื่อซู่เป่า”

ซืออี้หรันจดจำชื่อของเธออย่างเงียบๆ——ซู่เป่า

เวินหรูอวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “ซู่เป่า ขอบคุณหนูนะ...ขอบคุณหนูจริงๆ…”

นายหญิงซือตั้งสติขึ้นมาได้หลังจากที่อึ้งไปสักพัก แล้วก็คลานอย่างตัวสั่นเข้าไปหาซืออี้หรัน

“หลายชายของย่า หลานชายคนดีของย่า หนูตื่นแล้วเหรอ ไม่เสียแรงที่เป็นหลานของย่า ช่างดวงแข็งจริงๆ…”

นายหญิงซูยิ้มอย่างเยือกเย็นอยู่ข้างๆ

ถ้าช่วยไม่ได้ ซู่เป่าคงต้องแย่แน่ๆ

แต่เมื่อช่วยได้แล้ว กลับบอกว่าหลานของตัวเองดวงแข็ง!

ซูอี้เฉินทำหน้าเย็นชาและพูดว่า “อาเนี่ย ส่งแขก!”

ซือเย่ชำเลืองมองนายหญิงซือก่อนจะพูดกับซูอีเฉินว่า

“ขอโทษด้วย ถ้ากลับถึงบ้านผมจะจัดการเรื่องในครอบครัวให้เรียบร้อย”

เขาไม่ได้พูดอะไรยืดยาว เพราะรู้ดีว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์

คนตระกูลซูรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก

เนื่องจากหน้าที่การงานของซือเย่ ที่ส่วนใหญ่จะต้องอยู่ในด่านหน้า จึงไม่ค่อยมีเวลาดูแลเรื่องของครอบครัว

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าแม่ของตัวเองจะเป็นคนไร้เหตุผลเช่นนี้ จากนั้นก็นึกถึงเวินหรูอวิ๋นที่ทำท่าเฉยเมยกับตัวเอง ในใจก็รู้สึกสับสนขึ้นมา

“ไว้วันหลังผมจะมาขอบคุณถึงบ้านอีกครั้ง!” ซือเย่พูดอย่างเรียบง่ายพร้อมกับหันไปมองซู่เป่า

สายตาที่อ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติ ยื่นมือขึ้นมาลูบไปที่หัวของซู่เป่า

“ถ้าซู่เป่ามีเรื่องอะไรให้ช่วยเหลือ ก็มาหาลุงได้ตลอดเวลาเลยนะ” ซือเย่นิ่งอยู่สักพัก

“ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม!”

เวินหรอวิ๋นก็ได้เช็ดน้ำตาและพูดว่า“ซู่เป่า ขอบคุณนะ……”

เจ้าตัวเล็กยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำเรื่องยิ่งใหญ่ขนาดไหน ที่ได้สร้างบุญคุณใหญ่หลวงไว้กับตระกูลซือ

เธอรู้สึกดีใจอย่างเดียวแล้วก็ได้โบกมือไปพร้อมกับพูดว่า

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ การช่วยชีวิตคนได้กุศลยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น!”

เจ้าแก้มก้อนคงไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ แต่กลับทำสีหน้าจริงจัง

ทั้งซื่อทั้งน่ารัก! จนทุกคนพากันหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ แม้แต่ซูอีเฉินที่ทำหน้าตาเคร่งขรึม

ก็ดูมีใบหน้าอบอุ่นขึ้นมา

ซือเย่ก็ได้พาทุกคนในครอบครัวตัวเองกลับไป

อวิ๋นไต้ซือรู้สึกขายหน้าอย่างรุนแรง จึงได้แต่อยู่นิ่งๆอย่างไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว

เมื่อเห็นว่าคนตระกูลซือพากันกลับไปหมดแล้ว เขาก็ค่อยๆกลับตามทีหลัง

ซู่เป่ารู้สึกสงสัยขึ้นมา “เมื่อกี้เหมือนจะได้ยินมีคนพูดไว้ว่าจะกินอึเหม็นๆถึงสิบกิโล…”

ฉางเฟิงทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนอยากจะมุดเข้าไปหลบอยู่ในรูสักแห่ง!

อวิ๋นไต้ซือหน้าดำเหมือนถ่านและจ้องมองซู่เป่า ทำท่าวางมาดเป็นผู้ใหญ่พูดจาสั่งสอนผู้น้อย

“เป็นแค่เด็กอายุยังน้อยก็โอหังไม่ยอมคน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนช่วยคุณชายน้อยซูหรือ?

อาตมาขอเตือนเจ้าหัดยับยั้งริมฝีปากของตัวเองไว้บ้าง!”

เมื่อพูดจบก็เชิดหน้าใส่ก่อนที่จะสะบัดแส้จามรี จากนั้นก็เดินออกไปอย่างไม่พอใจ

ซู่เป่ารู้สึกไม่เข้าใจและทำหน้าสงสัย

เธอเป็นคนช่วยไม่ใช่หรือ!

แล้วทำไมถึงกลายเป็นพวกเขาเป็นคนช่วยล่ะ?

สุดท้ายซู่เป่าก็เข้าใจว่าทำไมลุงตำรวจต้องจับพวกเขาไปด้วย

ท้องฟ้าข้างนอกค่อยๆสว่างขึ้นมา ภายในห้องรับแขกก็ไม่รู้สึกเยือกเย็นอีกต่อไป

ซูอีเฉินมองหน้าซู่เป่าด้วยสีหน้าที่ดูสับสน

**

ซืออี้หรันยังคงอ่อนเพลียอยู่ ซือเย่อุ้มเขาด้วยมือเดียวแล้ววางเข้าไปในรถ

นายหญิงซือรีบผลักเวินหรูอวิ๋นออกเพื่อจะเดิมตามขึ้นรถให้ทัน

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ซือเย่ใช้ฝ่ามือตบไปที่ประตูรถอย่างเสียงดัง จากนั้นก็มองด้วยสายตาเย็นชา

“คุณแม่ผมท่านยังสุขภาพแข็งแรงมาก พรุ่งนี้ให้เวลาเตรียมตัวหนึ่งวัน จากนั้นก็กลับไปใช้ชีวตอยู่ที่บ้านเกิดได้เลย!”

นายหญิงซืออึ้งไปสักพัก

ซือเย่ใช้มือโอบกอดไปที่เอวของเวินหรูอวิ๋น และพาเธอขึ้นรถจากนั้นก็ปิดประตูอย่างเสียงดัง

รถได้วิ่งไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้แค่นายหญิงซือที่ได้แต่มองอย่างจนปัญญา

“ฉันก่อกรรมอะไรไว้เนี่ย... …” นายหญิงซือกลุ้มใจอย่างมาก

เมื่อเห็นอวิ๋นไต้ซือที่ยืนอยู่ด้านหลัง จึงพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า

“เฮ้อ...มิน่าให้ไต้ซือต้องมาเจอเรื่องตลกแบบนี้เลย!”

อวิ๋นไต้ซือพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “ไม่เป็นไร”

นายหญิงซือจึงพูดขึ้นว่า “เชิญไต้ซือขึ้นรถได้เลยคะ…”

อวิ๋นไต้ซือกลับตอบกลับมาว่า “ไม่จำเป็นแล้ว”

เมื่อพูดเสร็จก็เดินออกไปข้างนอกด้วยตัวเอง

ฉางเฟิงมองนายหญิงซือพร้อมกับพูดจาเสียงดังว่า“นายหญิง ตระกูลของพวกคุณทำแบบนี้

มันไม่ยุติธรรมเลยนะ!”

“คุณคิดว่ายัยหนูน้อยตระกูลซูคนนั้นเป็นคนช่วยคุณชายน้อยซือหรือ?”

นายหญิงซืออึ้งไปชั่วครู่ “หมายความว่ายังไง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน