ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 51

ฉางเฟิงทำเสียงไม่พอใจ“ที่คุณชายน้อยซือตื่นขึ้นมาได้ก็เพราะว่าอาจารย์ของผม ท่านได้เชิญองค์เทพมาสำแดงอิทธิฤทธิ์ เรียกวิญญาณคุณชายน้อยซือกลับมาอย่างยากลำบาก...แต่เป็นเพราะว่าวิญญาณของคุณชายน้อยซูเที่ยวเตร่อยู่นาน จึงทำให้มีข้อผิดพลาดในการคำนวณเวลา แล้วยัยเด็กน้อยก็ฉวยจังหวะนี้เข้ามาทำเหมือนว่าเป็นฝีมือของตัวเอง !”

นายหญิงซือเข้าใจแล้วว่า

ความหมายก็คือ อวิ๋นไต้ซือเป็นคนช่วยชีวิตซืออี้หรันกลับมา แต่แค่เวลาสายไปหน่อยจึงถูกซูเป่าเข้ามาฉวยจังหวะพอดี ทำให้ทุกคนเลยเข้าใจว่าเป็นฝีมือของเธอ!

มิน่าล่ะเมื่อกี้อวิ๋นไต้ซือจึงพูดจาเช่นนั้น...

นายหญิงซือจึงพูดด้วยความโกรธว่า“ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่า!เด็กสี่ขวบอย่างเธอ จะไปรู้เรื่องอะไร…”

ฉางเฟิง “อาจารย์ของผมไม่คิดจะไปแย่งผลงานกับเด็ก แต่ตระกูลซือของพวกคุณก็ได้ทำผิดต่ออาจารย์ผมแล้ว ต่อไปนี้ก็ทางใครทางมัน!”

นายหญิงซือวิตกกังวลขึ้นมา จึงได้วิ่งตามอวิ๋นไต้ซืออย่างรีบร้อนพร้อมกับกล่าวขอโทษและกล่าวขอบคุณ พร้อมกับหยิบการ์ดใบหนึ่งยื่นเข้าไปในมือของฉางเฟิง...

จึงทำให้อวิ๋นไต้ซือแสดงสีหน้าหายโกรธขึ้นมาและเดินไปอย่างช้าๆด้วยท่าทีพอใจ

ชีวิตนี้เขาไม่อยากจะพบเจอกันซู่เป่าอีก

ฉางเฟิงเดินตามมาข้างหลังและถามขึ้นว่า “อาจารย์ พวกเราจะไปที่ไหนต่อ?”

อวิ๋นไต้ซือพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“พรุ่งนี้จะมีงานเปิดตัวถังหมิงเซิ่งซื่อ พวกเราถูกเชิญไปประกอบพิธีงานนี้ด้วย เจ้าเตรียมตัวไว้ด้วย”

ฉางเฟิงพูดตอบว่า “ได้ครับ”

การประกอบพิธีครั้งนี้ง่ายมาก จะต้องดูฤกษ์งามยามดีและใช้กรรไกรทองในการทำเวทมนตร์

คงจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

……

นายหญิงซือยืนส่งทั้งสองจนลับสายตาไป แล้วค่อยขึ้นไปบนรถของตัวเอง

ก่อนกลับยังได้จ้องมองไปที่ประตูบ้านตระกูลซูแวบหนึ่ง

ยัยหนูน้อยคนนั้น ปั้นน้ำเป็นตัวหลอกคนอื่น แล้วยังทำให้เธอต้องผิดใจกับอวิ๋นไต้ซืออีก!

ซือเย่กลับยังพูดว่าวันหลังจะมาขอบคุณถึงบ้าน?น่าขำ!ขอเพียงแค่เธอยังมีชีวิตอยู่หนึ่งวัน

เธอก็จะไม่มีวันปล่อยให้หลานชายของตัวเองมาคลุกคลีกับเด็กแบบนี้เป็นอันขาด

ฮึ!

**

บ้านตระกูลซู

นายหญิงซูและคุณนายซูกับซูอีเฉินตอนนี้ต่างรู้สึกสับสนในใจ

เมื่อมองไปที่ซู่เป่าซึ่งกำลังกัดกินน่องไก่อย่างมีความสุข

ตอนนี้พวกเขายังสงสัยไม่หาย คิดว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า...

นายหญิงซูพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีโอกาสจะพูดออกมา

ซู่เป่าเหมือนจะมีความผิดปกติบางอย่าง…”

คุณท่านซูขมวดคิ้วพร้อมกับทำสีหน้าบึ้งตึงและพูดว่า “อะไรคือผิดปกติ? ซู่เป่าของเราไม่ได้ผิดปกติ”

นายหญิงซูรีบเปลี่ยนแปลงคำพูด “ไม่ใช่แบบนี้ เธอมักจะชอบพูดว่ามีอาจารย์อยู่ข้างๆ…”

ทั้งสามคนก็หันไปมอง...อากาศข้างตัวของซู่เป่า

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกชาที่หัวบ่อยๆ

นายหญิงซูพูดอีกว่า“ฉันคิดว่าอาจเกิดจากที่ซู่เป่าเคยโดนทำร้ายตอนเด็กๆ

จึงส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจ เธอถึงได้มีบุคลิกสองแบบ”

ซูอีเฉินเม้มปากนิ่งเงียบและจ้องมองเจ้าแก้มก้อน

นายหญิงซูเอ่ยปากพูดด้วยความกังวลว่า “ถ้าอย่างนั้นต้องเชิญจิตแพทย์มาตรวจดูหน่อยไหม?”

ซูอีเฉินส่ายหน้าไปมา “ไม่ต้อง ช่วงนี้ให้ซู่เป่าอยู่กับผมไปก่อน เดี๋ยวผมจะดูแลเธอเอง”

นายหญิงซูกับคุณท่านซูต่างก็อายุมากแล้ว และนายหญิงซูก็ต้องทำกายภาพบำบัดอยู่ด้วย

ซูอีเฉินคิดว่าให้ซู่เป่าอยู่ข้างกายเขาถึงจะวางใจ

“พรุ่งนี้จะมีงานเปิดตัวถังหมิงเซิ่งซื่อ ผมจะพาเธอไปด้วย”

ถังหมิงเซิ่งซื่อเป็นบริษัทธุรกิจบันเทิงที่ลงทุนโดยซูซื่อกรุ๊ป และเพิ่งจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่นาน

ซึ่งเขาต้องเข้าร่วมในฐานะผู้ถือหุ้น

แล้วเรื่องนี้ก็ได้ข้อสรุปเป็นแบบนี้

หลังจากที่ซู่เป่ากินอิ่มแล้วก็นอนวาดรูปเล่นอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก

จี้ฉางถือหนังสือไว้ในมือหนึ่งเล่ม“ที่นี่คือจุดจื่อกง...จุดอวี้ถัง...ช่วงนี้เจ้าก็นวดคุณยายตรงจุดเหล่านี้ไปก่อน รอให้สะโพกทั้งสองข้างฟื้นตัวดีขึ้นค่อยทำการฝังเข็ม

ซู่เป่าฟังอย่างตั้งใจและถามด้วยความสงสัยว่า “แบบนี้คุณยายก็จะสามารถยืนได้แล้วเหรอคะ?”

จี้ฉางลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับจับคางไว้และพูดอย่างขี้เกียจว่า

“เต้นสแควร์แดนซ์ก็ยังได้ ให้ลุงใหญ่หาเวลาพาเจ้าไปซื้อเข็มฝังเข็มมาหนึ่งชุด”

ซู่เป่าแววตาเปล่งประกายขึ้นมา ในใจได้วางแผนเป้าหมายอันดับแรกไว้แล้ว

สแควร์แดนซ์สแควร์แดนซ์ เธอจะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้คุณยายได้เต้นสแควร์แดนซ์!

**

อีกด้านหนึ่ง

เมื่อนายหญิงซือได้กลับถึงบ้าน ก็รีบไปหาซืออี้หรันที่ห้องนอน

“หลานรักของย่า !ให้ย่าดูใกล้ๆหน่อยสิ……”

เวินหรูอวิ๋นปิดประตูอย่างเสียงดัง

นายหญิงซือ“……”

เธอด่าทออย่างโกรธเคืองว่า “เวินหรูอวิ๋น เธอเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

“เห็นซือเย่กลับมาแล้วเธอก็ทำเป็นใจกล้าขึ้นมางั้นหรือ?นึกว่ามีคนให้ท้ายอยู่ใช่ไหม?!

ฉันจะบอกให้เธอรู้ไว้ว่า ถ้าเข้ามาในบ้านตระกูลซือก็ต้องเคารพกฎของตระกูลซือด้วย!”

ช่างกล้าทำพฤติกรรมไร้ความเคารพต่อแม่สามี ถ้าซือเย่กลับไปเมื่อไหร่

คอยดูได้เลยว่าเธอจะจัดการหล่อนยังไง!

ซือเย่ถือถ้วยน้ำซุปเดินขึ้นมา และมองหน้านายหญิงซืออย่างเย็นชา

“โวยวายพอหรือยัง?”

นายหญิงซือพูดตอบว่า“ฉันโวยวาย?อาเย่ ดูให้ดีๆนะว่าฉันเป็นแม่ของแก!

แกไม่ช่วยฉันแต่กลับไปช่วยคนนอก?”

“ตอนที่แกจะแต่งงานกับเวินหรูอวิ๋น ฉันไม่เห็นด้วย!ฉันมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอไม่ใช่คนดี

แกเห็นไหมว่าเธอร้ายกาจขนาดไหน!”

“แกอยู่บ้านยังทำแบบนี้ ลองคิดดูสิว่าตอนที่แกไม่อยู่บ้านเธอจะเป็นยังไง!

ไม่เคารพแม่สามีแถมยังไม่เคยเหลียวแล วันๆชอบออกจากบ้านไม่รู้ว่าไปทำอะไรบ้าง?”

“ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแต่วันๆยังออกจากบ้าน ทำให้คนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลก!”

ซือเย่เปิดประตูเข้าไป จากนั้นก็ปิดประตูอย่างเสียงเหมือนกัน

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร “เก็บข้าวของของนายหญิงจากนั้นก็เรียกเหอหมิงขับรถมาหน่อย

แล้วส่งเธอกลับไปที่บ้านเกิดแถวชนบทเพื่อไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่นั้น”

ด้านนอกประตู นายหญิงซือยังไม่รู้ตัวว่าชีวิตยามแก่ชราของเธอถูกวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว

ลูกชายก็ไม่สนใจเธอ จนเธอแทบจะกระอักเลือด!

“บาปกรรม!บาปกรรมจริงๆ!มีสะใภ้แล้วลืมแม่!”

เวินหรูอวิ๋นต้องพูดใส่ร้ายเธอต่อหน้าลูกชายแน่ๆ!

นายหญิงซือโมโหอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรมพร้อมกับด่าทออย่าไม่หยุด

เวลานี้พ่อบ้านก็เข้ามาพูดว่า “นายหญิง ตระกูลหลานมาเยี่ยมเยียนจะออกไปต้อนรับไหมครับ?”

นายหญิงซือขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ตระกูลหลาน?”

พ่อบ้านพูดว่า “ก็คือคนเมื่อวานที่โทรศัพท์มาหาคุณชาย พวกเขาเจอคุณชายน้อยในขณะที่ไปแคมป์ปิ้ง

จึงได้โทรศัพท์มาหาคุณชาย”

นายหญิงซือนิ่งไปชั่วครู่ ไม่ใช่ซู่เป่าเป็นคนเห็นอี้หรันเหรอ?

“ให้พวกเขาเข้ามา!”

คนที่ยังไม่รู้อนาคตตัวเองว่าจะถูกส่งไปอยู่ที่อื่นอย่างนายหญิงซือ ยังวางท่าเป็นเจ้าของบ้านอย่างอวดดี

เสวี่ยเอ๋อร์กับพ่อแม่ของตัวเองเดินก้าวเข้ามาในบ้านตระกูลซือ

ตระกูลซือไม่เหมือนตระกูลซู บ้านของตระกูลซูสร้างเป็นคฤหาสน์ จึงให้ความรู้สึกว่าหรูหราใหญ่โตและมั่งคั่งเป็นที่น่าอิดฉาของใครต่อใคร

แต่บ้านตระกูลซือจะเป็นแบบเรือนสี่ประสาน ซึ่งตระกูลซือได้อนุรักษ์บ้านหลังนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ

จึงให้ความรู้สึกมีระเบียบเข้มงวดและสูงส่ง

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำว่า “ตระกูลซูเป็นครอบครัวนักธุรกิจที่ได้การยอมรับจากสังคม

ส่วนตระกูลซือเป็นครอบครัวข้าราชการ...เดี๋ยวตอนที่เข้าไปข้างในก็ให้ระวังกิริยากันหน่อย!”

ตระกูลซือมีความจงรักภักดีมาก คุณท่านซือได้ยอมสละชีพเพื่อชาติ ส่วนซือเย่ก็เป็นทหารที่หาญกล้า

ซึ่งได้รับการสืบทอดมาจากคุณนายซู

เพราะว่าตระกูลซือมีลูกหลานน้อย และก็มีทายาทอยู่เพียงคนเดียวก็คือซืออี้หรัน

ถ้าเทียบกับครอบครัวใหญ่โตของตระกูลอื่น มีคนมากมายจับจ้องมาที่ซืออี้หรันที่เป็นทายาทคนเดียวของตระกูล

“โดยเฉพาะนายหญิงตระกูลซือ ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในกำมือของเธอ

เสวี่ยเอ๋อร์ เดี๋ยวจะต้องทำตัวให้น่ารักหน่อยรู้ไหม?”

“ถ้าทำให้นายหญิงซือเอ็นดู ต่อไปก็จะสานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลซือได้ง่ายขึ้น!”

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์ทำหน้าสมดั่งปราถนา

เสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าอย่างว่องไว

สามพ่อแม่ลูกก็ถือของขวัญเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็เห็นนายหญิงซืออยู่ในห้องรับแขก พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์ก็พูดจาอย่างรีบร้อนว่า “ท่านเป็นนายหญิงซือใช่ไหมครับ!ผู้น้อยอย่างผมขอคำนับผู้อาวุโสครับ!”

จากกิริยาท่าทางของพ่อเสวี่ยเอ๋อร์ นายหญิงซือชื่นชอบอย่างมาก!

เธอจึงถามขึ้นว่า“เมื่อวานพวกคุณเป็นคนเจออี้หรันเหรอคะ?”

พ่อเสวี่ยเอ๋อร์ยิ้มอย่างหน้าซื่อ “ไม่ใช่ครับ ท่านเข้าผิดแล้ว พวกเราเพียงแค่อยู่ในเหตุการณ์พอดี

เลยเข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือด้วยครับ”

นายหญิงซือแสดงสีหน้าชื่นชอบออกมา

ตระกูลหลาน ดูน่าพอใจมาก

ไม่มีการคิดสวมรอยรับคำชม อีกทั้งยังมีความเคารพต่อนายหญิง

ลูกที่อบรมสั่งสอนออกมาก็ต้องดีเหมือนกัน

นายหญิงซือหันไปมองเสวี่ยเอ๋อร์

เสวี่ยเอ๋อร์จึงพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “สวัสดีคะคุณย่าซือ!หนูชื่อเสวี่ยเอ๋อร์

ใบหน้าของคุณย่าดูสดใสมากเลยคะ คุณย่าอายุประมาณห้าสิบใช่ไหมคะ?”

นายหญิงซือนิ่งไปสักพัก เพราะเธออายุเจ็ดสิบแล้ว

คำพูดของเสวี่ยเอ๋อร์ทำให้เธอดีใจอย่างมาก จึงพยักหน้าอย่างรู้สึกพอใจ เด็กคนนี้ น่าสนใจ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน