เมื่อ ‘โซ่’ที่ล่ามอยู่บนร่างกาย โดนปลดพันธนาการจนหมดแล้ว
มือของเหยาหลิงเยว่ที่ยกขึ้นตรงๆ แข็งทื่อนั้น ก็อ่อนลงแล้วตกลงข้างลำตัว แต่เธอก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ในโลงศพอยู่ดี
พอซูเหอเวิ่นขยับ ดวงตาของเธอก็มองตาม
ซูเหอเวิ่นเดินไปที่ไหน คอแข็งๆ ของเธอก็จะหันมองตามไปด้วย
ซูเหอเวิ่นที่อยู่ตรงหน้านี้นั้น ไม่ใช่ทารกเหมือนสมัยก่อนแล้ว เหยาหลิงเยว่เหมือนกำลังมองเพื่อความแน่ใจ มองครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย
ซูเหอเหวินเอ่ย “กลับกันก่อนเถอะ!”
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยออกมา เหยาหลิงเยว่ก็เคลื่อนสายตา ไปจับจ้องที่ซูเหอเหวินแทน
ซูเหอเหวินรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้ามีความเป็นไปได้มากๆ ว่าจะเป็นแม่ของเขา
แต่ว่าเขานั้นนิ่งกว่าซูเหอเวิ่นมาก เขาอดคิดถึงท่าทางของเธอเมื่อกี้ที่ยกมือขึ้นตรงๆ กระโดดไปมาอยู่ในโลงศพไม่ได้ เขารู้สึกว่ายังไงเธอก็เป็นผีดิบ…….
ซู่เป่าเอ่ยถามขึ้นมา “ท่านอาจารย์ ตอนี้คุณป้าเขายังเป็นผีดิบอยู่หรือเปล่าคะ?”
จี้ฉางส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ตอนนี้เธอเป็นคนตายที่ยังมีชีวิต”
ไม่นับว่าเป็นคนแล้ว
เขาอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ การที่ช่วยเหยาหลิงเยว่ออกไปได้ จากนี้ไปซูอีเฉิน ซูเหอเวิ่นและซูเหอ เหวิน พวกเขาทั้งสี่คนก็จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว…..
แต่ลิขิตนี้ที่ถูกวาดไว้ เหมือนจะไม่ใช่ตอนจบที่สวยงามแบบที่พวกเขาต้องการ
“พอเป็นผีดิบ ก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้วอย่างนั้นหรือ?” ซูเหอเวิ่นเอ่ยถามเสียงเบา
เขาพยามยามรวบรวมความกล้าเดินไปข้างหน้า ค่อยๆ ยกแขนขึ้นมาพยายามที่จะเดินเข้าไปใกล้……
ในที่สุด เขาก็จับแขนข้างหนึ่งของเหยาหลิงเยว่ไว้ได้
คอของเหยาหลิงเยว่ยังคงแข็งทื่อ เธอก้มมองมือของตนเองที่ถูกจับเอาไว้ ดวงตาฉายแววแปลกใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความสงสัย
“……แม่ครับ” ซูเหอเวิ่นเอ่ยออกมาเสียงเบา
แม้ว่าเขายังไม่ได้พาอีกฝ่ายไปเช็คดีเอ็นเอ แต่เขารับรู้ได้ว่า คนตรงหน้านี่แหละคือแม่ของเขา
อีกอย่างซูเหอเวิ่นเองก็โกรธเกลียดเธอไม่ลง คำถามที่เมื่อก่อนนี้สงสัยมาตลอดว่าทำไมต้องทิ้งเขากับพี่ไปด้วยพวกนั้น มันมลายหายไปนานแล้ว
จังหวะที่ได้จับมือของแม่นั้น ซูเหอเวิ่นรู้สึกเหมือนมีบางอย่างจู่โจมเข้ามาตรงหัวใจ มันหนักจนทำเอาเขาหายใจแทบไม่ออก
ซูเหอเวิ่นรู้สึกว่า คอของเขาเหมือนมีก้อนฝ้ายมาอุดเอาไว้ เขาเริ่มที่จะสะอื้นออกมา “แม่ครับ……”
เหยาหลิงเยว่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ยังคงมองมือของซูเหอเวิ่นที่จับมือของเธอเอาไว้
ซูเหอเวิ่นค่อยๆ เช็ดน้ำตาออก ก่อนที่จะพยายามยิ้มออกมา “พวกเรากลับบ้านกัน ดีไหมครับ”
“……”
เหยาหลิงเยว่เลื่อนสายตา ไปจ้องที่หน้าของซูเหอเวิ่นอีกครั้ง
ซูเหอเหวินอดไม่ได้ ที่จะเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยออกมา “ไปกันเถอะ…..ที่นี่มีจุดที่ถล่มลงมาแล้ว อันตราย อยู่นานๆ ไม่ได้”
พูดจบ เขาก็นิ่งไปอึดใจแล้วหันไปมองเหยาหลิงเยว่ แต่เขาก็ไม่พูดอะไร หันหลังแล้วเดินออกไปเลย
เหยาหลิงเยว่ยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิม ตัวแข็งทื่อไม่ขยับ
ซูเหอเวิ่นดึงเธอเบาๆ พบว่าอีกฝ่ายตัวแข็งทื่อไม่ขยับ เขารู้สึกเหมือนกำลังลากระฆังที่หนักกว่าห้าร้อยตัน….
เขาชะงักงันไปก่อนที่จะเอ่ยถาม “ซู่เป่า แม่พี่เดินไม่ได้เหรอ?”
ซู่เป่าย่อตัวอยู่ด้านหน้าธูปที่เพิ่งหมดไป เธอควานลงไปตรงเศษขี้เถ้าที่อยู่บนดิน เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีหนอนกู่เหลือแล้ว
เพราะว่าอาจารย์ก็เคยบอกว่า หนอนกู่พวกนี้อันตรายมาก
แล้วตาเธอก็เหลือบไปเห็นหนอนตัวนึงที่พยายามดิ้นรนหาทางรอด ซู่เป่าหยิบยันต์แปะที่ตัวมันอย่างแรงเหมือนตบยุง หนอนตัวนั้นยังไม่ทันได้ดิ้นรนก็กลายเป็นเถ้าธุลีไปเสียแล้ว
จี้ฉางที่มองอยู่นั้น มุมปากกระตุกขึ้นทันที——นั่นมันเป็นแค่หนอนธรรมดาเท่านั้นเอง!
เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีหนอนกู่ตัวไหนมีชีวิตเหลืออยู่แล้ว ซู่เป่าก็เงยหน้าขึ้นมา “ห๋า?” ขานรับ
ซูเหอเหวิน นี่น้องติดโรคตอบสนองช้ามาจากซูจื่อซีเหรอ??
ซูเหอเวิ่นเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง “พี่ถามว่าแม่ของพี่…..เดินไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
ซู่เป่าเงยหน้ามองเหยาหลิงเยว่
โลงศพนี้อยู่ลึกพอตัว ตอนนี้คุณป้ายืนนิ่งอยู่บนโลงศพ สายตาจับจ้องไปยังซูเหอเวิ่นพอดี
“น่าจะไม่ได้ยิน” ซู่เป่านิ่งคิด “อาจารย์บอกว่าคนตายที่ยังมีชีวิตนั้นไม่ใช่ผีดิบ คุณป้าน่าจะปีนขึ้นไปเองได้ แต่เธอน่าจะไม่รู้ตัว่าตัวเองปีนขึ้นไปเองได้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...
บทที่ 1268 แล้วกระโดดไป 1278 เลย บทที่ 1269 1270 1271 1272 ข้ามไปทั้งหมด 4 ตอนนะคะ...