ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 503

วันรุ่งขึ้น

ซู่เป่าสวมเสื้อผ้าและรองเท้าเสร็จเรียบร้อย ล้างหน้าล้างตาสะอาดก็วิ่งออกมาจากห้อง

เสี่ยวอู่ตามติดอยู่ข้างหลัง เมื่อมันกระพือปีกก็มีเสียงพึ่บพั่บๆ เสวียนหลิงเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมือ แทบอยากจะงับมันลงมา

“แว๊ก อรุณสวัสดิ์!” เสี่ยวอู่ร่อนลงบนไหล่ของซู่เป่า

ช่วงนี้อากาศเย็นมากๆ เดิมมันออกจากบ้านไม่ได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงมองเกล็ดหิมะผ่านหน้าต่างในบ้านเท่านั้น อุดอู้จะแย่อยู่แล้ว

ซู่เป่าเบือนศีรษะมองมัน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปแตะที่ศีรษะของมันแล้วพูดว่า “อรุณสวัสดิ์นะเสี่ยวอู่!”

เสี่ยวอู่ถูไถมือของเธออย่างสนิทสนม จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ซู่เป่า! ฉันไปซื้อหอยนางรมมา! แต่ระหว่างทางกลับบ้านหอยนางรมกระโดดออกจากถุง เข้าไปในโคลน! เธอรู้ไหมว่านี่เป็นเพราะอะไร”

น้ำเสียงของซู่เป่านุ่มๆ นิ่มๆ “ทำไมเหรอ”

เสี่ยวอู่ “ก็เพราะว่าหอยนางรมชอบโคลนยังไงล่ะ!” (*ออกเสียงเหมือนคำว่าหาวสี่ฮวนหนี่ แปลว่าชอบคุณมากๆ)

“...”

เสวียนหลิงกลอกตาขาว

ซู่เป่าส่ายหน้า แล้ววิ่งลงไปชั้นล่าง

วันนี้เป็นวันวันเหมายัน คุณยายบอกว่าจะทำบัวลอยไส้งากับถั่วลิสง

เธอต้องพาป้าสะใภ้ใหญ่ไปชาร์จแบตให้เร็วหน่อย ให้ป้าสะใภ้ใหญ่ ‘กินอิ่ม’ ก่อน แล้วรีบกลับมาเร็วหน่อยจะได้ทำบัวลอยกับคุณยาย

“วันนี้ไปไหม” น้อยครั้งที่จะเห็นมู่กุยฝานไม่ออกไปวิ่ง เขาเพิ่งลงมาจากชั้นบน

เมื่อคืนเจ้าเด็กดีของเขาอุ่นอาหารรอเขากลับมา แต่น่าเสียดายตอนที่เขากลับมาถึงเธอหลับไปแล้ว

“พ่อ!” นัยน์ตาของซู่เป่าเปล่งประกาย ยังไม่ทันโผเข้ามา เธอก็ถูกมู่กุยฝานช้อนตัวขึ้นมาแล้ว

“ไป พ่อขับรถเอง วันที่หิมะตกหนักขนาดนี้ ลุงใหญ่ของหนูขับไม่ได้หรอก”

ซูอีเฉินเงยหน้าชำเลืองมองเขาทีหนึ่ง

หลังกินข้าวเช้าเสร็จแล้วผู้ใหญ่สามคนกับเด็กอีกสองคนก็ออกไปจากบ้าน หานหานงอแงอยากตามไปด้วย แต่นายหญิงซูไม่อนุญาต บอกว่าข้างนอกหิมะตกหนัก ไปแล้วจะก่อกวนเสียเปล่าๆ

ซูจื่อซียืนอยู่ตรงประตู ในมือถือสมุดหนาเล่มหนึ่ง เขาพูดกำชับว่า “กลับมาเร็วๆ หน่อย ฉันทำกลยุทธ์เลื่อนขั้นเอาไว้ให้เธอเล่มหนึ่งด้วย”

ซูเหอเวิ่นจูงเหยาหลิงเยว่ออกไปจากบ้าน ซูเหอเหวินยืนเอาสองมือล้วงกระเป๋าทำเท่อยู่ที่ประตู

ซูเหอเวิ่นยักคิ้ว “พี่ พี่แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไป อยากไปพี่ก็พูดมาสิ เด็กชอบตามแม่ นั่นมันเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ หรือจะบอกว่าพี่อยากตามน้องซู่เป่า”

ซูเหอเหวินหัวเราะอย่างเย็นชา “นายไม่ต้องยุ่ง!”

มู่กุยฝานเอาตัวซู่เป่าพาดไว้บนไหล่แล้ววิ่งเข้าไปในในรถ “ไปแล้วนะ!”

ซู่เป่าหัวเราะฮ่าๆๆ ขึ้นมา

“กลับมาเร็วๆ หน่อยล่ะ!” นายหญิงซูกำชับซูอีเฉิน “อย่าลืมใส่ถุงมือให้ซู่เป่าด้วยนะ อย่าให้หนาวล่ะ”

ซูอีเฉินพยักหน้า

นายหญิงซูยิ้มเล็กน้อยพลางมองตามไป วันนี้ซู่เป่าเปลี่ยนใส่เป็นเสื้อขนเป็ดสีดำ เข้าคู่กับหมวกสีชมพูที่ประดับด้วยขนกระต่ายสีขาวฟูฟ่อง

ดูแล้วหวานๆ นุ่มๆ นิ่มๆ

เห็นซู่เป่าชะโงกศีรษะออกมานอกหน้าต่างรถ เธอฉีกใบหน้ายิ้มกว้างแล้วโบกมือให้นายหญิงซู นายหญิงซูเองก็โบกไม้โบกมือเช่นกัน

แต่เมื่อเห็นรถหายลับไปบนปลายถนน นายหญิงซูไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆ หนังตาก็กระตุกขึ้นมาอย่างแรง

“เป็นอะไรเนี่ย...” นายหญิงซูบ่นพึมพำ จากนั้นก็เอื้อมมือออกมาลูบๆ “หนังตาเอาแต่กระตุก คงไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม...”

คุณท่านซูอ่านข่าวอยู่ข้างๆ พูดขึ้นว่า “จะมีเรื่องอะไรได้ มีอาเฉินคอยดูอยู่ มู่กุยฝานก็อยู่ คุณกลุ้มใจไปเปล่าๆ น่า”

หนังตาของนายหญิงซูยังคงกระตุกอยู่ กระตุกจนเธอกระวนกระวายอย่างอธิบายไม่ถูก แม้แต่จะสับหัวคนด้วยมือเปล่ายังไม่มีอารมณ์

เธอโทรหาซูอีเฉินอย่างเป็นห่วง “วันที่หิมะตกถนนลื่น แกบอกให้มู่กุยฝานขับรถระวังๆ หน่อยนะ!”

น้ำเสียงของซูอีเฉินแว่วมา “วางใจเถอะครับ มู่กุยฝานรู้ดีอยู่แล้ว”

ซู่เป่าอยู่บนรถ เขาระวังกว่าใครทั้งนั้น

นายหญิงซูพยักหน้า คิดไปคิดมาแล้วพูดขึ้นว่า “กลับมาเร็วๆ หน่อยนะ ดูแลซู่เป่าให้ดี อากาศหนาวมากอย่าให้พวกเขาทั้งสองคนลงจากรถล่ะ”

ซูอีเฉินอืมเสียงหนึ่ง จากนั้นก็วางสายไป

ซู่เป่าถามขึ้น “คุณยายมีอะไรเหรอคะ”

ซูอีเฉินเบือนหน้ามองเธอ แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร”

รถมาจอดที่ริมถนนของตีนเขารกร้าง

ด้านนี้ค่อนข้างห่างไกลลับตาคน คนสัญจรไปมาก็น้อย ไม่มีคนมาตักหิมะโดยเฉพาะ หลังลงจากรถแล้วต้องเดินไปตามถนนแถบตีนเขารกร้างนี้ต่อไปเอง

เหยาหลิงเยว่ลงจากรถเป็นคนแรก ซู่เป่าพาดตัวอยู่บนหน้าต่างรถออฟโรด ซู่เป่าโบกมือไปทางเธอ

“ป้าสะใภ้ใหญ่รีบไปรีบกลับนะคะ ระวังตัวด้วยนะคะ!”

เหยาหลิงเยว่หันหน้ากลับมาพยักหน้าพลางเดินหน้าไปด้วย

สุดท้ายก็ลื่นล้มดังตึงเสียงหนึ่ง กลิ้งอยู่ในกองหิมะตุบๆๆ

ซูเหอเวิ่น “...”

ซูอีเฉิน “...”

ซูเหอเวิ่นรีบลงจากรถ แต่ซูอีเฉินกลับเปิดประตูรถแล้วพูดขึ้นว่า “อย่าลงไป หิมะมันหนามาก”

ซูอีเฉินขายาว เหยียบย่ำไปในพื้นหิมะก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ชุดสีดำของเขาเปื้อนไปด้วยหิมะขาวเป็นดอกเป็นดวง

“ลุกขึ้นไหวไหม” ซูอีเฉินยื่นมืออกไป

เหยาหลิงเยว่ทอดตัวนอนอยู่ในพื้นหิมะ จ้องเขาเขม็ง

“หอย...นางรม” เธอพูด

ซูอีเฉิน “?”

อยากกินหอยนางรมเหรอ

เขาจับมือของเธอเอาไว้ข้างหนึ่ง ดึงเธอขึ้นมา “กลับไปฉันจะให้คนทำให้นะ”

เหยาหลิงเยว่ขมวดคิ้ว พยายามนึกแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ล้าง...”

เธอมองชายร่างสูงตรงหน้า เกล็ดหิมะลอยไปตกอยู่บนเส้นผมของเขา แต่เขากลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายังไม่เข้าใจเธอ

เหยาหลิงเยว่พยายามอีกครั้ง ในที่สุดก็พูดสองคำที่ตัวเองอยากพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ล้าง...ชอบ” (คำว่าชอบในภาษาจีนออกเสียงคล้ายกับคำว่าล้างแต่คนละวรรณยุกต์)

ซูอีเฉินอึ้งเล็กน้อย

หญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้าที่ซีดเซียวแต่งดงาม ขนตาสีดำกระพริบเล็กน้อย พูดจาดูต้องออกแรงเป็นอย่างมากแต่กลับพยายามสุดๆ

เธอเอื้อมมือออกมา ราวกับมีของบางอย่างอยากจะให้เขา

ซูอีเฉินยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ เห็นเพียงแต่เธอวางหิมะที่คลุกกับดินเอาไว้ในฝ่ามือของเขา สกปรกนิดหน่อย

เหยาหลิงเยว่ออกแรงพูดซ้ำอีกครั้ง “ชอบ...!”

เธอมองเขา ออกเสียงอย่างชัดเจน และพูดขึ้นอย่างมั่นใจเป็นอย่างมาก “หอยนางรม...ชอบ...โคลน!”

ครั้งนี้ซูอีเฉินฟังเข้าใจแล้ว วินาทีนั้นได้ยินเพียงเสียงลมที่พัดผ่านไป ข้างหูก้องกังวาลน้ำเสียงที่ชัดเจนของเธอ ชอบคุณมากๆ

ที่แท้...

หลายครั้งที่เธอพูดไม่ใช่คำว่าล้าง

แต่เป็นคำว่าชอบ

ตอนที่ซูอีเฉินได้สติกลับคืนมา เหยาหลิงเยว่ก็ก้าวเดินไปบนถนนเล็กๆ ของภูเขารกร้างแล้ว เหลือไว้เพียงแค่เงาข้างหลัง

หิมะตกหนักจนปกคลุมภูเขา มีแค่เธอเดินไปเพียงลำพัง ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวๆ มุ่งมั่นอย่างไร้ที่เปรียบ

ซูอีเฉินเม้มปาก มองหิมะที่อยู่ในฝ่ามือ

เขากำมือเอาไว้แน่น หิมะไม่ละลายในมือของเหยาหลิงเยว่ แต่กลับละลายกลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็วในฝ่ามือของเขา

ซู่เป่านั่งอยู่บนรถ จี้ฉางกำลังพูดอยู่ “ผ่านวันเหมายันนี้ไป ก็ส่งป้าสะใภ้ใหญ่ของเจ้าไปกันเถอะ!”

เขามองตำรา น้ำเสียงเย็นชา “ยิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีกับเจ้า”

ซู่เป่าทำปากจู๋แล้วพูดขึ้นว่า “เป็นเพราะพญายมผู้นำโง่นั่นอีกแล้วใช่ไหม ถ้าหนูไม่ปล่อยป้าสะใภ้ใหญ่ไป เขาจะมาจับหนูใช่ไหม แน่จริงก็ให้เขามาสิ!”

ใบหน้าของจี้ฉางเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ ไร้คำพูดไร้คำตอบไปชั่วขณะ

ซู่เป่าเตะเท้าน้อยๆ ทั้งสอง เมื่อเท้าขยับ ถุงเท้ารูปเป็ดตัวน้อยสีเหลืองสดใสก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแต่ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างกระซิบว่า “อาจารย์ หนูรู้แล้ว รอคืนนี้หนูจะไปพูดกับพวกคุณยายเอง”

ซูเหอเวิ่นรู้สึกเห็นท่าไม่ดี “พูดเรื่องอะไรเหรอ”

ซู่เป่าไม่ตอบ แต่ลดกระจกลง แล้วพาดตัวมองลุงใหญ่ที่เหม่อลอยอยู่ไกลๆ อยู่บนหน้าต่าง

“ลุงใหญ่” ซู่เป่าโบกมือไปทางเขา

ซูอีเฉินหันหน้ามา กำลังจะยกมือโบกกลับ ขณะนี้เองไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไรเข้า นัยน์ตาของเขาหดตัวอย่างแรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน