ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 508

ผีหลายใจตะโกนเรียกให้ผีขี้ขลาด ผีดวงซวยและผีทึ่มกลับมาเสียงหนึ่ง เมื่อผีขี้ขลาดเห็นซู่เป่ามีเสื้อผ้าใส่แล้ว ถึงได้วางใจลงไปบ้าง

เขามองไปที่เสื้อโค้ทของซู่เป่าที่ถูกโยนกองอยู่บนพื้น ในใจคิดอยากจะเก็บขึ้นมาแขวนตากกับ ‘ศพ’ ให้แห้ง

ตอนที่ซู่เป่าสวมเสื้อโค้ท พวกเขาแตะต้องได้ แต่หากเสื้อโค้ทตัวนี้ไม่ได้อยู่บนร่างกายของซู่เป่า พวกเขาก็แตะต้องไม่ได้

“ไปกันเถอะ!” ผีหลายใจพูดขึ้น

เหยาหลิงเยว่หิ้วตัวซู่เป่าขึ้นมา

เนื่องจากไม่เคยอุ้มคนมาก่อน เธอเงอะๆ งะๆ ทำท่าไม่ถูก ซู่เป่าห้อยหัวอยู่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะอุ้มได้เรียบร้อย

ผีขี้ขลาดรีบพูดขึ้นว่า”ฉันเอง!”

เหยาหลิงเยว่อุ้มซู่เป่าไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ

เธอมองผีขี้ขลาดทีหนึ่ง แล้วเปล่งเสียงพูดออกมาสองคำ “นาย...เย็น”

ผีขี้ขลาดมองเห็นความภูมิใจเล็กๆ ในแววตาของเหยาหลิงเยว่ เขาจึงไร้คำพูดไปชั่วขณะ

แต่เหยาหลิงเยว่ตัวอุ่นกว่าพวกเขาจริงๆ พวกเขาไร้อุณหภูมิ ตัวเหยาหลิงเยว่ยังมีอุณหภูมิสิบห้าองศา

“ช่างเถอะ...ไปกันเถอะ!” เขาช่วยซู่เป่ากดเสื้อผ้าเอาไว้ แล้วเดินตามติดอยู่ด้านหลัง

ตลอดทางผ่าน ‘ศพ’ นับไม่ถ้วน

“ที่นี่มันที่ไหนกันแน่...” ผีขี้แยมองจนกลัว เธอร้องไห้พลางพูดขึ้นว่า “น่ากลัวจัง”

ผีดวงซวย “นี่ๆ ตอนนี้เธอก็เป็นผีตนหนึ่งเหมือนหัน ยังมีอะไรให้กลัวอีก”

ผีขี้แย “นั่นมันไม่ได้มีผลอะไรกับที่ฉันกลัวจนร้องไห้เลยนี่นา”

เหล่าผี “...”

ซู่เป่าเกาะอยู่บนไหล่ของเหยาหลิงเยว่ จ้อง ‘ศพ’ ที่อยู่ใกล้ๆ

ศพเหล่านี้เหมือนกับป้าสะใภ้ใหญ่เล็กน้อย ต่างแข็งทื่อและดูงุนงง เมื่อเดินผ่านพวกเขาไป นัยน์ตาของพวกเขาก็ขยับเล็กน้อย

ใต้ดินอันมืดสนิท สถานที่อันน่าสะพรึงกลัวและหนาวเหน็บ จู่ๆ ก็ถูกพวกเขาจ้องมอง ทำเอาตกใจตายได้เลย

“ถึงแล้ว!” ผีหลายใจพูดขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

ซู่เป่าหันหน้าไป เธอตกตะลึงเช่นกัน

“ตำหนัก...พญา...ยม?” เธอยังรู้จักตัวอักษรไม่หมด แต่กลับรู้จักสามตัวอักษรนี้

พี่จื่อซีบอกว่าเขาเคยไปตำหนักพญายมมาครั้งหนึ่ง เขาอธิบายตัวอักษรสามตัวของคำว่าตำหนักพญายมที่เห็นให้ฟัง ตัวอักษรแบบดั้งเดิม รูปร่างเหมือนกับสามอักษรตรงหน้าเป๊ะๆ ซู่เป่าอ่านออกไม่หมด รู้จักเพียงแค่รูปร่าง ฉะนั้นจึงอ่านออก

“ตำหนักพญายม??” ผีดวงซวยงุนงง “ไม่หรอกมั้ง...ตำหนักพญายมเป็นแบบนี้เหรอ”

เห็นเพียงแต่โดยรอบดูเงียบสงัด ตรงนี้ดีกว่าตรงนั้นเล็กน้อย เมื่อครู่ตรงนั้นมืดสนิท แต่ที่นี่กลับพอมองเห็นอยู่บ้าง

ไม่รู้ว่าแหล่งกำเนิดแสงมาจากไหน

ซู่เป่าเบิกตาโพลง พญายมไร้คุณธรรมในการต่อสู้!

เธอยังไม่ได้เตรียมขี้หมาให้เรียบร้อยเลย อีกฝ่ายก็ดึงตัวเธอลงมาแล้ว

“หน้าไม่อาย!” ซู่เป่าพูดขึ้นอย่างเคียดแค้น

ผีขี้ขลาดรีบถามขึ้นว่า “เป็นอะไรเหรอ”

ซู่เป่าเล่าสิ่งที่คุยกับอาจารย์ก่อนหน้านี้รอบหนึ่ง

หากไม่ส่งป้าสะใภ้ใหญ่ไป พญายมจะมาเอาชีวิตของเธอ

ผีหลายใจพูด “ฉะนั้น...ตอนนี้พวกเราอยู่ในโลกใต้พิภพเหรอ”

ผีทึ่มพูด “ไม่หรอกมั้ง...พญายมใจแคบถึงขนาดนี้เลยเหรอ คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กคนหนึ่งขนาดนี้เลยเหรอ”

ผีขี้ขลาดมองรอบๆ “ไม่เหมือนโลกใต้พิภพเลย ฉันรู้สึกว่าเรายังอยู่ในโลกมนุษย์”

มีเสียงดังตูมตามแว่วดังขึ้นเหนือศีรษะ

ตำหนักพญายมอยู่ใต้ต้นไม้โบราณยักษ์ รากมหึมาราวกับต้นไม้ที่คว่ำลงต้นหนึ่ง รากพันตำหนักพญายมเอาไว้อย่างหนาแน่น ราวกับกำมันเอาไว้ในมือ

รากอื่นๆ ที่แห้งเหี่ยวแผ่ขยายออกไปทุกทิศทุกทาง บ้างก็เจาะทะลุกำแพงหิน บ้างก็เจาะทะลุ ‘ศพ’ ที่ยืนไม่พูดไม่จาพวกนั้น...

รอบๆ เป็นน้ำนิ่งมืดสนิท ลานหน้าประตูตำหนักพญายมจมอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่ง

เมื่อครู่ตอนที่เหยาหลิงเยว่ตกลงไปก็ถูกรากแทงเข้าที่ไหล่ ถูกห้อยเอาไว้บนหลังคา ฉะนั้นน้ำจึงท่วมไม่ถึง

ซู่เป่ารู้สึกว่ามีคนกำลังตะโกนเรียกเธออีกแล้ว ความรู้สึกมันประหลาดมากๆ

“เข้าไปไหม” ผีทึ่มลังเล มองไปทางซู่เป่า

ผีหลายใจพูด “ที่นี่มันที่ไหนพวกเราก็ไม่รู้ เหมือนกับต้องเข้าไปดูเท่านั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน