เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของหญิงสาวดังขึ้น ไม่รู้ว่าชนเข้ากับอะไร มีของบางอย่างถล่มลงมาอย่างกะทันหันดังตูม
อาศัยแสงสว่างรำไรๆ ของบัลลังก์พญายม ซู่เป่าจึงเห็นว่าสิ่งนั้นคือรูปปั้นหิน
รูปปั้นที่พังลงมากองอยู่บนพื้นราวกับเป็นรูปปั้นของคนที่หน้าดำเด็ดขาด ลิ้นแลบออกมายาว สีแดงสด สวมชุดดำ หมวกที่สวมอยู่บนศีรษะเขียนเอาไว้ว่าโลกสงบสุขร่มเย็น
เป็นยมทูตดำ
ซู่เป่าหอบแฮ่ก มองสองมือที่อยู่บนพื้นพลางยิ้มอย่างเย็นชา “น้าเห็นหนูเป็นเด็กสามขวบเหรอ!”
“...”
สองมือนั้นโกรธเพราะความอับอาย กรีดร้องอย่างน่าสยดสยองพลางกระโจนเข้ามา
ซู่เป่ามองอะไรไม่เห็นเลย เธอจึงขว้างซาลาเปาประกายแสงทองวิบวับในมือออกไปโดยอาศัยความรู้สึก
ปัก...ไม่รู้ว่าขว้างไปโดนหน้าของผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า มีเสียงอู้อี้ๆ แว่วดังขึ้นมา
ซู่เป่ารีบโยนไฟจิตดวงเล็กดวงหนึ่งออกไป
ไม่นึกเลยว่าเสียงดวงไฟฟู่ขึ้นเสียงหนึ่ง ก็จุดไฟทั้งสองด้านของตำหนักให้สว่างขึ้น
ในตำหนักพญายมสว่างขึ้นมาในทันใด เห็นเพียงแค่สองด้านมีรูปปั้นหินยืนเรียงรายกันสองแถว แยกเป็นยมบาลหัววัวหน้าม้า ยมทูตขาวดำ สิบขุนศึกผี ผู้พิพากษา...
เหมือนกับที่ซูจื่อซีพูดเป๊ะๆ
“ที่นี่ก็คือตำหนักพญายม...” ซู่เป่าเห็นแล้วก็อึ้งไป “แล้วผู้นำที่โง่เขลานั่นล่ะ...”
ทำไมถึงไม่มีรูปปั้นของพญายม
เสียงกระซิบกระซาบรอบๆ ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครู่ผีสาวผมขาวฉวยโอกาสตอนชุลมุนวุ่นวายมุดเข้ามา ทั้งหมดออกมาแล้ว
หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสุด จ้องซู่เป่าด้วยสายตาอันเย็นชา
“เธอไม่เชื่อฟัง เด็กที่ไม่เชื่อฟังจะมีจุดจบยังไงเธอรู้ไหม” เธอพูดขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว
หากเหยาซือเยว่อยู่ที่นี่ ต้องฟังออกแน่ว่านี่คือเสียงของ “ท่านเซียน” คนนั้นของเธอ
ผีสาวผมขาวล้อมซู่เป่าเอาไว้ กลอกตาขาวไปมา ยิ้มปากฉีกถึงหู แผดเสียงต่ำ
ซู่เป่าถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เธอเพียงคนเดียว เธอนึกถึงวิชาที่อาจารย์สอนเธอแล้วต้านทานอย่างสุดกำลัง
ท้ายที่สุดก็ถูกผีสาวผมขาวเจ็ดแปดตนกระโจนเข้ามา ฝังเธอไปอย่างสมบูรณ์แบบ
ในตำหนักใหญ่เงียบสงัดจนน่ากลัว มีเพียงเสียงขบกระดูกของผีสาวผมขาว...กึกๆๆ
ผีสาวที่นำหน้าหัวเราะขึ้นมาเสียงหนึ่ง “พูดดีๆ ไม่ยอมฟังต้องให้ใช้กำลัง...”
ทันใดนั้นแสงสีแดงลำหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นมา ผีสาวผมขาวถูกกวาดลอยออกไป
ซู่เป่าหอบแฮ่กๆ มองไปที่ด้ายแดงบนข้อมือและน้ำเต้าวิญญาณที่ห้อยอยู่
น้ำเต้าวิญญาณยังไม่โตเต็มวัยเหมือนกับเธอ
กลับกันด้ายแดงที่ไม่โดดเด่นกลับเก่งกาจที่สุด
“ขอบคุณนะด้ายแดง...”
เสื้อผ้าของซู่เป่าถูกกัดจนขาดรุ่งริ่ง ผีแต่ละตนเหลือแค่ซีกเดียว มีตนหนึ่งแขนหาย
จุดที่แขนถูกกัดเมื่อครู่เนื้อฉีกออกมาชิ้นหนึ่ง ตอนนี้เลือดยังหยดติ๋งๆ
หากอยู่ที่บ้านตระกูลซู เธอต้องร้องไห้ฮือๆ วิ่งไปหาคุณยายแล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องอดทนเอาไว้ ต่อให้เจ็บแค่ไหนก็ต้องทน
เธอวิ่งไปใต้บัลลังก์พญายม ใช้มือและเท้าปีนขึ้นไป
พี่จื่อซีบอกว่า ฝันเห็นเธอนั่งอยู่บนบัลลังก์พญายม แถมยังบอกให้เขารีบกลับไปอีก
ผู้นำที่โง่เขลานั่นต้องแปลงกายเป็นเธออย่างแน่นอน มิหนำซ้ำตอนนี้ยังซ่อนตัวอีก
ขอแค่เธอนั่งบนบัลลังก์นี้ แย่งชิงตำแหน่งของอีกฝ่าย ก็จะทำให้ผู้นำที่โง่เขลาโกรธจนออกมาได้ไหมนะ
ในที่สุดซู่เป่าก็ปีนขึ้นมายังบัลลังก์สูงของพญายมได้แล้ว จากนั้นก็หย่อนก้นนั่งลงไป
เธอไม่ทันสังเกตเห็นเลือดที่หยดติ๋งๆ อยู่บนแขนถูกบัลลังก์พญายมดูดไปจนหมด
ในวินาทีนั้น บัลลังก์ก็ส่องแสงออกมาแล้วปกคลุมตัวเธอเอาไว้
ซู่เป่าอึ้ง ก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเองอย่างตะลึงงัน
ใต้บัลลังก์พญายม ผีสาวผมขาวกรีดร้องอย่างน่าเวทนา แต่ละตนพุ่งขึ้นมาด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก
ซู่เป่าปัดมือตามสัญชาตญาณ ผีสาวผมขาวที่เมื่อครู่เธอสู้สุดกำลังก็ยังสู้ไม่ไหว แต่ตอนนี้แค่เพียงพริบตาเดียวก็สลายกลายเป็นขี้เถ้าปลิดปลิว สลายไปอย่างสมบูรณ์
แสงของบัลลังก์ดุจรถรางที่ลอดผ่านอุโมงค์ เร็วจนเกิดเสียง ทั้งหมดไหลเข้าสู่ฝ่ามือของซู่เป่า
แผลบนตัวซู่เป่าสมานตัวไปในความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และตกสะเก็ด...
เสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง...
ก้นซู่เป่ากระแทกลงกับพื้น ตรงหน้าไม่มีตำหนักพญายมแล้ว เห็นเพียงแต่บนด้ายแดงของเธอมีจี้น้อยๆ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอัน
จี้ตำหนักพญายมตำหนักหนึ่ง!
ซู่เป่าจ้องจี้ตำหนักพญายมด้วยความตกตะลึง พูดไม่ออก
ท่ามกลางเหตุการณ์คับขันเธอลุกขึ้นด้วยความตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...
บทที่ 1268 แล้วกระโดดไป 1278 เลย บทที่ 1269 1270 1271 1272 ข้ามไปทั้งหมด 4 ตอนนะคะ...