ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 511

เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของหญิงสาวดังขึ้น ไม่รู้ว่าชนเข้ากับอะไร มีของบางอย่างถล่มลงมาอย่างกะทันหันดังตูม

อาศัยแสงสว่างรำไรๆ ของบัลลังก์พญายม ซู่เป่าจึงเห็นว่าสิ่งนั้นคือรูปปั้นหิน

รูปปั้นที่พังลงมากองอยู่บนพื้นราวกับเป็นรูปปั้นของคนที่หน้าดำเด็ดขาด ลิ้นแลบออกมายาว สีแดงสด สวมชุดดำ หมวกที่สวมอยู่บนศีรษะเขียนเอาไว้ว่าโลกสงบสุขร่มเย็น

เป็นยมทูตดำ

ซู่เป่าหอบแฮ่ก มองสองมือที่อยู่บนพื้นพลางยิ้มอย่างเย็นชา “น้าเห็นหนูเป็นเด็กสามขวบเหรอ!”

“...”

สองมือนั้นโกรธเพราะความอับอาย กรีดร้องอย่างน่าสยดสยองพลางกระโจนเข้ามา

ซู่เป่ามองอะไรไม่เห็นเลย เธอจึงขว้างซาลาเปาประกายแสงทองวิบวับในมือออกไปโดยอาศัยความรู้สึก

ปัก...ไม่รู้ว่าขว้างไปโดนหน้าของผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า มีเสียงอู้อี้ๆ แว่วดังขึ้นมา

ซู่เป่ารีบโยนไฟจิตดวงเล็กดวงหนึ่งออกไป

ไม่นึกเลยว่าเสียงดวงไฟฟู่ขึ้นเสียงหนึ่ง ก็จุดไฟทั้งสองด้านของตำหนักให้สว่างขึ้น

ในตำหนักพญายมสว่างขึ้นมาในทันใด เห็นเพียงแค่สองด้านมีรูปปั้นหินยืนเรียงรายกันสองแถว แยกเป็นยมบาลหัววัวหน้าม้า ยมทูตขาวดำ สิบขุนศึกผี ผู้พิพากษา...

เหมือนกับที่ซูจื่อซีพูดเป๊ะๆ

“ที่นี่ก็คือตำหนักพญายม...” ซู่เป่าเห็นแล้วก็อึ้งไป “แล้วผู้นำที่โง่เขลานั่นล่ะ...”

ทำไมถึงไม่มีรูปปั้นของพญายม

เสียงกระซิบกระซาบรอบๆ ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครู่ผีสาวผมขาวฉวยโอกาสตอนชุลมุนวุ่นวายมุดเข้ามา ทั้งหมดออกมาแล้ว

หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสุด จ้องซู่เป่าด้วยสายตาอันเย็นชา

“เธอไม่เชื่อฟัง เด็กที่ไม่เชื่อฟังจะมีจุดจบยังไงเธอรู้ไหม” เธอพูดขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว

หากเหยาซือเยว่อยู่ที่นี่ ต้องฟังออกแน่ว่านี่คือเสียงของ “ท่านเซียน” คนนั้นของเธอ

ผีสาวผมขาวล้อมซู่เป่าเอาไว้ กลอกตาขาวไปมา ยิ้มปากฉีกถึงหู แผดเสียงต่ำ

ซู่เป่าถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เธอเพียงคนเดียว เธอนึกถึงวิชาที่อาจารย์สอนเธอแล้วต้านทานอย่างสุดกำลัง

ท้ายที่สุดก็ถูกผีสาวผมขาวเจ็ดแปดตนกระโจนเข้ามา ฝังเธอไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ในตำหนักใหญ่เงียบสงัดจนน่ากลัว มีเพียงเสียงขบกระดูกของผีสาวผมขาว...กึกๆๆ

ผีสาวที่นำหน้าหัวเราะขึ้นมาเสียงหนึ่ง “พูดดีๆ ไม่ยอมฟังต้องให้ใช้กำลัง...”

ทันใดนั้นแสงสีแดงลำหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นมา ผีสาวผมขาวถูกกวาดลอยออกไป

ซู่เป่าหอบแฮ่กๆ มองไปที่ด้ายแดงบนข้อมือและน้ำเต้าวิญญาณที่ห้อยอยู่

น้ำเต้าวิญญาณยังไม่โตเต็มวัยเหมือนกับเธอ

กลับกันด้ายแดงที่ไม่โดดเด่นกลับเก่งกาจที่สุด

“ขอบคุณนะด้ายแดง...”

เสื้อผ้าของซู่เป่าถูกกัดจนขาดรุ่งริ่ง ผีแต่ละตนเหลือแค่ซีกเดียว มีตนหนึ่งแขนหาย

จุดที่แขนถูกกัดเมื่อครู่เนื้อฉีกออกมาชิ้นหนึ่ง ตอนนี้เลือดยังหยดติ๋งๆ

หากอยู่ที่บ้านตระกูลซู เธอต้องร้องไห้ฮือๆ วิ่งไปหาคุณยายแล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องอดทนเอาไว้ ต่อให้เจ็บแค่ไหนก็ต้องทน

เธอวิ่งไปใต้บัลลังก์พญายม ใช้มือและเท้าปีนขึ้นไป

พี่จื่อซีบอกว่า ฝันเห็นเธอนั่งอยู่บนบัลลังก์พญายม แถมยังบอกให้เขารีบกลับไปอีก

ผู้นำที่โง่เขลานั่นต้องแปลงกายเป็นเธออย่างแน่นอน มิหนำซ้ำตอนนี้ยังซ่อนตัวอีก

ขอแค่เธอนั่งบนบัลลังก์นี้ แย่งชิงตำแหน่งของอีกฝ่าย ก็จะทำให้ผู้นำที่โง่เขลาโกรธจนออกมาได้ไหมนะ

ในที่สุดซู่เป่าก็ปีนขึ้นมายังบัลลังก์สูงของพญายมได้แล้ว จากนั้นก็หย่อนก้นนั่งลงไป

เธอไม่ทันสังเกตเห็นเลือดที่หยดติ๋งๆ อยู่บนแขนถูกบัลลังก์พญายมดูดไปจนหมด

ในวินาทีนั้น บัลลังก์ก็ส่องแสงออกมาแล้วปกคลุมตัวเธอเอาไว้

ซู่เป่าอึ้ง ก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเองอย่างตะลึงงัน

ใต้บัลลังก์พญายม ผีสาวผมขาวกรีดร้องอย่างน่าเวทนา แต่ละตนพุ่งขึ้นมาด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก

ซู่เป่าปัดมือตามสัญชาตญาณ ผีสาวผมขาวที่เมื่อครู่เธอสู้สุดกำลังก็ยังสู้ไม่ไหว แต่ตอนนี้แค่เพียงพริบตาเดียวก็สลายกลายเป็นขี้เถ้าปลิดปลิว สลายไปอย่างสมบูรณ์

แสงของบัลลังก์ดุจรถรางที่ลอดผ่านอุโมงค์ เร็วจนเกิดเสียง ทั้งหมดไหลเข้าสู่ฝ่ามือของซู่เป่า

แผลบนตัวซู่เป่าสมานตัวไปในความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และตกสะเก็ด...

เสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง...

ก้นซู่เป่ากระแทกลงกับพื้น ตรงหน้าไม่มีตำหนักพญายมแล้ว เห็นเพียงแต่บนด้ายแดงของเธอมีจี้น้อยๆ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอัน

จี้ตำหนักพญายมตำหนักหนึ่ง!

ซู่เป่าจ้องจี้ตำหนักพญายมด้วยความตกตะลึง พูดไม่ออก

ท่ามกลางเหตุการณ์คับขันเธอลุกขึ้นด้วยความตกตะลึง

ผู้นำที่โง่เขลา...ผู้นำที่โง่เขลาก็คือตัวเธอเอง!

ใต้ถ้ำ ณ ขณะนี้

พวกผีขี้ขลาดถูกฝังไปตั้งนานแล้ว ท่ามกลางการต่อสู้ที่ถึงขั้นเอาชีวิต มองไม่เห็นทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นตำหนักพญายมหลังมหึมาก็มลายหายไป เด็กน้อยคนหนึ่งล้มตึงก้นกระแทกลงกับพื้น

กองทัพผีปรโลกมากมายที่ขยับอย่างต่อเนื่องก็หยุดเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่ผีสาวผมขาวเหล่านั้นก็ตกตะลึงงัน

พวกเขาต่างหันหน้าแล้วจ้องเขม็งมาที่ซู่เป่า

ซู่เป่า “ฮะฮะไฮ”

ทันใดนั้นผีสาวผมขาวร้อยกว่าตนก็เคียดแค้นขึ้นมา พวกเธอแผดเสียงพลางกระโจนเข้ามาหาซู่เป่า!

นัยน์ตาของพวกเธอเริ่มแดง จ้องตำหนักพญายมที่อยู่บนข้อมือซู่เป่าแบบโหด

เป็นของพวกเธอ...ตำหนักพญายมเป็นของพวกเธอ!

ผีสาวผมขาวพุ่งมาอย่างรวดเร็ว กระโจนมาอยู่ตรงหน้าซู่เป่าแล้ว เมื่อเผยอปากก็กัดมาทางเธอ

นัยน์ตาของซู่เป่าเคร่งขรึม กระโดดขึ้นมาจากที่ราบขึ้นไปบนต้นไม้โบราณอย่างแรง

เหล่าผีสาวผมขาวต่างล้มตึงกองรวมกัน

ซู่เป่ายืนเงยหน้ามองขึ้นไปจากที่สูง มีกองทัพผีปรโลกที่นับไม่ได้ และผีขุนศึกจำนวนมากที่ปะปนอยู่ในกองทัพผีปรโลก

เดิมหน้าประตูใหญ่ของตำหนักพญายม เหลือเพียงแค่ผ้าขาดรุ่งริ่งชิ้นหนึ่ง ผ้าชิ้นนั้นคือเสี้ยวขากางเกงของเหยาหลิงเยว่

ไม่ว่าจะเป็นป้าสะใภ้ใหญ่ หรือว่าคุณน้าหลายใจ พี่พัน คุณลุงดวงซวย...

ต่างหายตัวไปกันหมด

ซู่เป่าน้ำตาคลอเบ้า

เมื่อเห็นผีสาวผมขาวจะกระโจนเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่นัยน์ตาของซู่เป่าก็ประกายความเคียดแค้นออกมา

ฆ่า...ฆ่าพวกเธอ!

ปอยผมของซู่เป่าขยับโดยอัตโนมัติอย่างไร้ลม ลมที่พัดโหมอย่างบ้าคลั่งหมุนก่อตัวขึ้นมาจากใต้ดินด้วยความแรง กองทัพผีปรโลกจำนวนมากถูกพัดหมุนจนตุปัดตุเป๋

ซู่เป่ายกค้อนใหญ่ทองคำม่วงที่อยู่ในมือขึ้นมา ทุบไปที่ผีสาวผมขาวด้วยพลังของความกระหายฆ่า

ตูม...

นัยน์ตาของผีสาวผมขาวเผยให้เห็นความตะหนกกลัว ทันใดนั้นก็สลายกลายเป็นขี้เถ้า

นัยน์ตาของซู่เป่าเต็มไปด้วยความเย็นชาและความอยากฆ่าอย่างแรงกล้า เธอตบมือออกไป ทันใดนั้นกลางอากาศก็ปรากฏยันต์ขนาดมหึมาขึ้นมาแผ่นหนึ่ง และปราบผีสาวผมขาวที่กระโจนเข้ามาจากข้างหลังไปจนเกลี้ยงในชั่วพริบตา

“มีความสามารถแค่นี้เองเหรอ!” ซู่เป่าตะคอกเสียงหนึ่ง “เมื่อกี้เก่งกาจนักไม่ใช่เหรอ!”

ผีสาวผมขาวแผดเสียงด้วยความโกรธ

ผีขี้ขลาด พวกผีหลายใจที่โผล่หัวออกมาต่างตกตะลึง

“ฉัน...ฉันเห็นภาพหลอนเหรอ” ผีทึ่มงุนงง

“นั่นใช่ซู่เป่าของพวกเราไหม” ผีดวงซวยตกตะลึง

เบ้าตาของผีขี้ขลาดเริ่มแดง น้ำเสียงแหบแห้ง “เป็นเด็กน้อยของพวกเรา เธอออกมาแล้ว”

ผีหลายใจ “วรยุทธ์แจ่มแจ้งสูงส่ง ความมุ่งมั่นที่กลืนทะเลและภูเขา วรรณกรรมเลิศล้ำหยิบพู่กันก็สร้างความสงบสุขให้ใต้หล้าได้ ด้านการต่อสู้เพียงแค่ขึ้นไปบนอานม้าก็พลิกสถานการณ์ได้ การหลุดพ้นทางวิญญาณพวกเจ้าไม่อาจคาดคะเน...”

ผีขี้แยลืมร้องไห้ เธอพูดขึ้นอย่างงุนงง “พูดภาษาคนหน่อย”

ผีหลายใจ “เชี่ยเอ้ยเจ๋งมาก สุดยอดๆๆ!”

เหล่าผี “...”

ท่ามกลางความเหม่อลอย ทันใดนั้นก็เห็นเด็กน้อยแสนเท่ที่อยู่ข้างบนคนนั้นกระโดดลงมา ปอยผมปลิวโดยอัตโนมัติอย่างไร้ลมดูแสนอ่อนโยน ตะเข็บเสื้อผ้าพริ้วไหว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

เธอตกลงมาบนพื้น จากนั้นเงยหน้ามองใต้ดินที่ไม่มีจุดสิ้นสุด มือน้อยๆ กดบนพื้น ตะโกนเสียงดังเสียงหนึ่ง “เปิด!”

พื้นดินแยกออกจากกัน มีเปลวเพลิงลุกโชนออกมา

กองทัพผีปรโลกที่แข็งทื่อราวกับคนตายเหล่านั้นตกลงไปทีละตนๆ นัยน์ตาของพวกเขาที่เดิมไร้ซึ่งอารมณ์ก็เผยความตระหนกกลัวออกมา แผดเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนา

ซู่เป่ารับรู้ถึงความกลัว และการขอร้องให้ยกโทษให้ของพวกเขาไม่หยุดอย่างชัดเจน

นัยน์ตาของเธอเย็นชา เธอพูดขึ้นอย่างกระซิบว่า “สายไปแล้ว”

กบฏไม่มีจุดจบที่ดีอะไร

อาจารย์เคยบอกไว้ว่า อย่าให้โอกาสคนที่หักหลังหักหลังเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด

ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบวินาที

ผีสาวผมขาวที่อยู่ตรงหน้า กองทัพผีปรโลกนับไม่ถ้วน…ทั้งหมดตกลงไปในนรกจริงๆ!

ผีหลายใจเผยอปาก มองซู่เป่าที่กระโดดลงมาบนพื้นและมีท่าทีเท่อย่างงงงัน

ไฟนรกลุกโชนขึ้นมาจากใต้ดินที่แยกออก เพลิงไฟพัดเสื้อโค้ทบนตัวเธอพริ้วไหว เผยให้เห็นมือและเท้าน้อยๆ ที่เปลือยเปล่า...

ผีหลายใจไม่รู้จะอธิบายภาพนี้ยังไงดี...

ฉันคือใคร ฉันอยู่ที่ไหน นี่มันเกิดอะไรขึ้น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน