ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 530

ว่านปาสือกลับมารายงานกับมู่กุยฝานว่า “ขออนุญาตรายงานครับ! ได้โยนกำไลใส่หน้าของมู่เหม่ยหัวเรียบร้อยแล้วครับ!”

หยุดไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดเสริมต่อทันทีว่า “โยนได้แม่นมากครับ!”

มู่กุยฝาน “…ทำดีมาก”

ว่านปาสือเก็บอาการหลังได้รับคำชม

พอเห็นซู่เป่าเดินลงมา เขาก็รีบรายงานเธอทันทีว่า “คุณหนูซู่เป่าครับ ผมได้โยนเศษกำไลใส่หน้ามู่เหม่ยหัวให้แล้วครับ โยนได้แม่นมาก!”

ซู่เป่ารีบยกนิ้วให้เลย ทั้งพ่อทั้งลูกชม “เยี่ยมจริงๆ! อาปาสือเก่งสุดๆ!”

ว่านปาสือดีใจ

ซู่เป่าวิ่งไปตรงหน้าและกอดนายหญิงซูแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณยายเท่มาก!”

เสี่ยวอู่รีบตามมาประจบด้วย “คุณยายเป็นพระเจ้าของฉัน!”

นายหญิงซูเหลือบตามองไปที่มัน “แกนี่มันรอดชีวิตมาได้ด้วยปากจริงๆ มิฉะนั้นไม่รู้ว่าแกจะถูกเอาไปตุ๋นกี่ครั้งแล้ว!”

เสี่ยวอู่รีบบินไปขึ้นไปเกาะที่ไหล่ของซู่เป่า

“คุณยายอย่าตุ๋นเสี่ยวอู่เลยนะ! เสี่ยวอู่เป็นที่รักของซู่เป่า!”

นายหญิงซูส่ายหัวถาม “ซู่เป่าหิวไหม?”

สามารถทำลายกำไลจนแตกข้ามช่องว่างวิเศษคงต้องใช้กำลังเยอะแน่เลย?

มาตุ๋นนกให้กินหน่อยดีกว่า

ไม่สิ ตุ๋นสองตัวดีกว่า ตัวหนึ่งนึ่ง ตัวหนึ่งตุ๋น ดูว่าซู่เป่าจะชอบกินแบบไหน

อย่างไรก็ตามคนตระกูลซูเยอะจะตาย ถ้าซู่เป่ากินไม่หมดก็เอาให้คนอื่นกิน

ซู่เป่าตอบ “อื้ม หิวแล้วค่ะ!”

นายหญิงซูเอ่ย “งั้นเดี๋ยวยายไปทำกับข้าวก่อนนะ!”

คนอื่นๆในตระกูลซูก็ถอยหลังก้าวหนึ่งอย่าเงียบๆ นายหญิงทำกับข้าว รับรองหลากหลายรูปแบบแน่นอน

หลังกลับมาซู่เป่าน้ำหนักลงไปหนึ่งโล ยิ่งกระตุ้นความอยากทำอาหารของเธอขึ้นมา

ทำเยอะเกินกินไม่หมดจะทำยังไง? ทุกคนก็กินด้วยกันไง กินเยอะๆเลย!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองวันนี้ที่ซู่เป่าเพิ่งกลับมา นายหญิงเหมือนกับต้องมนตร์อะไรสักอย่างเลย…

มู่กุยฝานถาม “ซู่เป่า เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับมู่เหม่ยหัว?”

ซู่เป่าแอบมองไปที่ห้องครัวแวบหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่านายหญิงซูจะไม่ได้ยิน

เลยเล่าเรื่องที่เจอนรกขุมที่ 9 ผิงเติ่งหวัง ในโลกใต้พิภพให้ฟังรอบหนึ่ง

มู่กุยฝานรู้แค่ว่าซู่เป่าหายตัวไปแล้วไปยังที่ที่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปได้

แต่นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะอันตรายขนาดนี้!

มู่กุยฝานกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวและขมวดคิ้วแน่น

เขาพูดว่า “ดูเหมือนว่าตอนนี้คนทรยศคนนั้นได้มาถึงโลกมนุษย์แล้ว…”

เดี๋ยวนะ คนทรยศไหน??

มู่กุยฝานมองไปที่ซู่เป่าด้วยความอึ้งและอ้าปากค้าง

ในเมื่อใช้ชื่อว่า ‘คนทรยศ’ ก่อกบฏ แสดงว่าซู่เป่าก็คงมีสถานะที่ไม่ธรรมดา

เขาเข้าใจ “วัฒนธรรมโลกใต้พิภพ” และรู้ว่าที่โลกใต้พิภพทั้งระบบจะมีจักรพรรดิเฟิงตู รองจากจักรพรรดิเฟิงตูก็คือจักรพรรดิตงเยว่ รองลงมาก็คือพระกษิติครรภโพธิสัตว์

รองลงมาก็คือราชาผีเบญจทิศและพญายมทั้งสิบขุม

ส่วน “ระบบราชการ” ภายใต้พญายมทั้งสิบขุมก็มีชื่ออีกเยอะเลย ในโครงสร้างที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี พญายมจะเป็นคนที่มีตำแหน่งสุงสุดในการปกครองยมโลก——

ถ้ามีคนทรยศ งั้นก็แสดงว่าตำแหน่งของซู่เป่าจะต้องสูงมากแน่ๆ!

มู่กุยฝานคาดเดาในใจแล้วถามไปว่า “ซู่เป่า หนูเป็นพญายมเหรอ?”

ซู่เป่ายกนิ้วให้ “อื้มๆ~พ่อเก่งจังเลย ทายถูกด้วย!”

มู่กุยฝาน “…”

คุณลุงทั้งหลาย “…”

ซูเหอเวิ่น ซูจื่อซี ซูเหอเหวิน “…”

หานหาน “?”

พวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน???

ยัยหานหัวโตมองไปที่อาเขยของเธอด้วยความมึนงง

น้องสาวของเธอซู่เป่าเป็นนักพรตที่เก่งกาจคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?

ทำไมถึงมาเกี่ยวข้องกับพญายมได้ล่ะ

พญายมอยู่ที่โลกใต้พิภพไม่ใช่เหรอ?

จะเป็นน้องสาวเธอได้ยังไง??

ซูอีเฉินใช้เวลาสักพักกว่าจะได้สติ

เจ้าตัวเล็กตรงหน้าที่ทั้งนุ่มนิ่มน่ารักและดวงตาเปล่งประกายวิบวับ

ยังไงก็ไม่สามารถเอาไปเชื่อมโยงกับพญายมในความทรงจำที่ทั้งหน้าดำเคร่งเครียด คิ้วตั้งขึ้นและใบหน้าดุร้ายลงหรอก!

ซูเหอเวิ่นหมุนรอบซู่เป่าสองรอบแล้วพูดด้วยความเซอร์ไพรส์ว่า “น้องสาวฉันเป็นพญายมเองเหรอ? น้องสาวฉันเป็นพญายมเองเหรอ?!”

ซีจื่อซีเงียบ…

เมื่อก่อนเขายังเคยบอกว่าจะเป็นคนดูแลน้องสาวเอง

จู่ๆ เจ้าตัวเล็กก็กลายเป็นลูกน้องของพญายมแล้ว?

หานหานไม่เข้าใจก็เลยพูดแทรกขึ้นมาว่า “พญายมคืออะไรหรอคะ เห็นในทีวีพญายมหน้าดำและคิ้วทั้งสองข้างก็ตั้งขึ้นเหมือนกับจางเฟยเลย! แถมเป็นผู้ชายด้วย”

เพราะฉะนั้นที่พวกอาพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ เธอไม่เข้าใจจริงๆ ปวดหัว!

ซู่เป่ากระพริบตาแล้วถามว่า “ในทีวีเรื่องไหนเหรอที่แสดงแบบนั้น?”

หานหานตอบ “ก็ไซอิ๋วไง!ที่ซุนหงอคงไปหาพญายมแล้วบังคับพาตัวไปโดยไม่พูดอะไร แถมยังเพิ่มอายุขัยอีกตั้งหนึ่งทศวรรษ จนพญายมเกือบจะร้องไห้เลย”

ทุกคน “…”

ซูเหอเวิ่นนึกถึงคำถามนี้ “สรุปในนิทานโบราณ พญายมเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่?”

เขาเพิ่งจินตนการว่าน้องสาวนั่งอยู่บนบัลลังก์ของพญายมแล้ว สีหน้าดูเย็นชาและน่าเกรงขามมากๆ

พอโดนหานหานขัดจังหวะแบบนี้แล้วบอกว่าพญายมมีคิ้วตั้งขึ้นเหมือนกับไม้กวาดคล้ายกับจางเฟย ก็เลยมีแต่ภาพนี้อยู่ในหัวเขา

เขามองไปที่ซู่เป่าแล้วพยายามจินตนการถึงคิ้วสองข้างของเธอที่ตั้งขึ้นจะเป็นยังไง

พอนึกภาพแล้ว…ก็ดูสวยดีนะ ขอแค่เป็นน้องสาวอะไรก็ดีหมดนั่นแหละ!

ซู่เป่าส่ายหัว “หนูก็อยู่ที่เกาะปู้จี๋นะ! ยังไงก็ตามหนูเป็นผู้หญิง!”

จี้ฉางพูดอยู่ข้างๆว่า “ตามนิทานโบราณและตำราประวัติศาสตร์แม้จะมีความเห็นไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าพญายมจะต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น”

ซู่เป่าพยักหน้า “ใช่ ใครบอกว่าพญายมจะต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น!”

มู่กุยฝานเงียบอยู่ข้างๆ อยู่นานมาก

กว่าจะพูดออกมาว่า “ตอนนี้ผิงเติ่งหวังก็กำลังตามาแล้ว รอบนี้แอบซ่อนอยู่ในกำไลของมู่เหม่ยหัวแล้วแอบมาที่ตระกูลซู งั้นจุดประสงค์ของเขาก็คงจะเป็นการมาตามหาจุดอ่อนของซู่เป่า”

พอพูดถึงตรงนี้แล้ว มู่กุยฝานและซูอีเฉินก็มองหน้ากัน

จุดอ่อนของซู่เป่าคืออะไร?

สามารถใช้มือเปล่างัดราวเหล็กให้งอแล้วยังสามารถยกมันขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่า

แถมยังสามารถวาดยันต์ไว้ปกป้องญาติพี่น้องและจับผีร้ายด้วยมือเปล่าได้อีก

พอนึกถึงตอนรับเธอกลับมาครั้งแรกตอนนั้นเนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยบาดแผล พวกเขาก็นึกว่าเธออ่อนแอและถูกทำร้ายได้ง่ายเสียอีก

แต่ที่ไหนได้พอดูตอนนี้แล้ว เธอได้รับความรักจากครอบครัวก็ดูเหมือนจะไม่มีจุดอ่อนอะไรแล้ว

“จุดอ่อนเดียวเพียงอย่างเดียวที่มีก็คือพวกเรา” มู่กุยฝานเอ่ย “สิ่งที่เธอสนใจก็คือจุดอ่อนของเธอ”

ซูอีเฉินพยักหน้า

“เพราะฉะนั้นจุดประสงค์ของคนทรยศผิงเติ่งหวังจึงชัดเจนมากว่าอยากจะเริ่มต้นลงมือที่พวกเราซึ่งก็คือคนรอบตัวของซู่เป่า”

เขายังสามารถตามหามู่เหม่ยหัวได้อย่างแม่นยำ แสดงให้เห็นว่าเขาคงมีฝีมือที่ไม่สามารถมองข้ามได้

ซูอิ๋งเอ่อร์ขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจว่า “บังอาจกล้ามาแย่งชิงอำนาจแล้วแย่งตำแหน่งซู่เป่าของเราอีก! คอยดูเถอะว่าผมจะใช้แท่งเหล็กตีมันให้ตายเลย!”

แค่พูดไปอย่างนั้นแต่ในใจเขากลับรู้สึกอ่อนแอมาก

มันเกินขีดความสามารถของพวกเขาแล้ว

ในโลกนี้พวกเขาสามารถทุ่มความพยายามทั้งหมดเพื่อปกป้องซู่เป่า

แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับยมโลก พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้

ซูอิ๋งเอ่อร์จับคาง——ไม่สิ พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรเกี่ยวกับยมโลกได้เพราะพวกเขาเป็นคน

ถ้าเกิดพวกเขาไปอยู่ที่ยมโลกด้วยล่ะ??

ซูอิ๋งเอ่อร์ “พวกเราตายไปพร้อมกันเลยดีไหม?”

ซู่เป่า “…”

คนอื่นๆ “…”

สมองหนักกี่โลเนี่ยถึงได้คิดไอเดียอะไรแบบนี้ออกมาได้??

-

-

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน