ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 54

ซู่เป่าลูบเปียทั้งสองอันบนศีรษะ โกรธเล็กน้อย

นี่เป็นทรงผมที่ลุงใหญ่พยายามอย่างหนักทำให้เธอ ซู่เป่าเชื่อลุงใหญ่ ไม่น่าเกลียดสักหน่อย!

เสวี่ยเอ๋อร์บอกว่าผมของเธอน่าเกลียด ก็หมายความว่าลุงใหญ่ไม่ได้เรื่อง!

“ผมของพี่สิน่าเกลียด!” ซู่เป่าพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง

เสวี่ยเอ๋อร์เห็นซู่เป่าร้อนใจ ในใจก็รู้สึกดีใจ

เธอไม่รู้เลยว่าซูอีเฉินเป็นคนเปียให้

มันยุ่งเหยิงจริงๆ เธอคิดว่ามีแค่ซู่เป่าเท่านั้นถึงจะถักเปียชี้โด่ชี้เด่แบบนี้ได้ ถ้าเป็นผู้ใหญ่จะทำผมทรงนี้ออกมาได้ยังไง

เสวี่ยเอ๋อร์พูดต่อ “ที่พี่บอกเป็นเรื่องจริงนะ! นี่ใครช่วยเธอถักเหรอ รีบลงมาเร็วเข้า พี่ช่วยเธอเอง”

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์เองก็รีบพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ซู่เป่าจ๊ะ ผมของหนูยุ่งเหยิงนิดหน่อยจริงๆ นะ! ถ้างั้นให้น้ากับพี่เสวี่ยเอ๋อร์ช่วยหนูทำผมสวยๆ ดีไหม!”

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์เองก็หัวเราะเอิ้กอ้าก

เด็กนี่นา ไม่มีปัญหาอะไรมากมาย

แต่โอกาสดีที่จะได้ประจบตระกูลซูแบบนี้ แน่นอนว่าจะปล่อยไปไม่ได้

แต่ทว่ากลับได้ยินซูอีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมของซู่เป่า ฉันเป็นคนเปียเอง”

รอยยิ้มของพ่อแม่เสวี่ยเอ๋อร์ หน้าแข็งทื่อไปโดยพลัน!

เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง ซูอีเฉินเป็นคนยังไง จะมาเปียผมให้เด็กได้ยังไง...

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอ่อ นี่...ขอโทษนะคะ เราไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น...ปกติเสวี่ยเอ๋อร์จะชอบดูแลน้องๆ ที่เด็กกว่าตัวเอง เพราะงั้นก็เลย...”

แต่ทว่าซูอีเฉินกลับไม่สนใจพวกเขาเลย อุ้มซู่เป่าแล้วเดินเข้าไป

เมื่อถึงข้างใน ซูอีเฉินก็ถามขึ้นว่า “ใครเป็นคนเชิญตระกูลหลานมา”

ถ้าเขาจำไม่ผิด เดิมตระกูลหลานไม่ได้อยู่ในรายชื่อรับเชิญ!

พนักงานรีบพูดขึ้นว่า “คนที่เข้ามาได้ล้วนแต่ต้องมีการ์ดเชิญเท่านั้น ผมจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้...”

ซูอีเฉินพูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้องแล้ว เชิญพวกเขาออกไปเลย”

พนักงานรีบพูดขึ้นว่า “ครับ...”

ดังนั้น ครอบครัวของเสวี่ยเอ๋อร์เพิ่งจะเข้าไป ก็ถูกพนักงานขวางเอาไว้อีกฝั่ง

“ขอสอบถามหน่อยนะครับพวกคุณมีการ์ดเชิญไหมครับ”

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์หยิบการ์ดเชิญของตระกูลซือออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “คุณซือติดธุระมาไม่ได้ นายหญิงซือเลยให้พวกเรามาแทน”

รู้ทั้งรู้ว่าเป็นการ์ดเชิญที่แอบหยิบมา โดยอาศัยช่วงที่นายหญิงซือถูกไล่ไปบ้านนอก ไม่คิดเลยว่าครอบครัวเสวี่ยเอ๋อร์จะพูดได้เต็มปากเต็มคำ

พนักงานอึ้ง มองการ์ดเชิญ ใช่แล้ว...

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์อาศัยช่วงที่พนักงานสงสัยและลังเล รีบพาแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์กับเสวี่ยเอ๋อร์เข้าไปทันที!

พูดเป็นเล่น มาก็มาแล้ว ยังไงก็ต้องถูไถไปก่อนถึงจะได้!

ขณะนี้เองหลังเวทีของงาน

พนักงานคนหนึ่งพานักพรตคนหนึ่งกับลูกศิษย์ของเขาเข้าประตูมาอย่างนอบน้อม

“อว๋นไต้ซือ เชิญทางนี้ครับ! ลำบากท่านแล้วนะครับ!”

อวิ๋นไต้ซือพยักหน้า มองไปรอบๆ ทีหนึ่ง “ไม่เลว งานตกแต่งได้โอ่อ่าหรูราดีนี่ มีนิมิตรหมายแห่งความมงคล ที่ตั้งไม่เลวเลยทีเดียว”

พนักงานยิ้มอย่างคล้อยตามไปด้วย “ใช่ครับ เป็นเพราะไต้ซือแนะนำดี”

ฉางเฟิงพูดขึ้นว่า “เพื่อพิธีนี้อาจารย์ของผมเตรียมตัวไม่น้อยเลย”

ใบหน้าของพนักงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

อวิ๋นไต้ซือมองนั่นทีมองนี่ที สุดท้ายพูดขึ้นว่า “เรื่องอื่นไม่มีอะไรแล้ว ก็แค่ดอกผ้าแดงๆ ตรงที่ตัดริบบิ้นตรงกลางนั่นน่ะ ต้องขยับไปทางตะวันออกหน่อย ถึงจะสอดคล้องกับฤกษ์งามยามดีของวันนี้”

“แล้วก็ กรรไกรที่ใช้ตัดริบบินอาตมานำอันใหม่มาให้ประสกแล้ว พวกประสกไปหยิบด้ายแดง กระดาษเซ่นไหว้สีเหลืองกับธูปเทียนมาเถอะ!”

พนักงานรีบไปทันที

อวิ๋นไต้ซือพอใจกับท่าทีของเขาเป็นอย่างมาก!

การตัดริบบิ้นในวันนี้เรียบง่ายมากจริงๆ จนถึงตอนนี้เขาพอจะผ่อนคลายได้บ้าง มีเขาอยู่ทั้งคนไม่มีทางเกิดปัญหาอะไรขึ้นอย่างแน่นอน

เสี่ยวซู่เป่าถูกซูอีเฉินอุ้มเข้ามาในงาน เห็นลูกบอลเปิดงานมหึมาที่อยู่บนเวทีพิธีการถูกย้าย ขยับมาทางทิศตะวันออกนิดหน่อย

ซู่เป่าถามขึ้นว่า “ลุงใหญ่คะ ทำไมพวกอาๆ ต้องขยับลูกบอลด้วยล่ะคะ! ขยับลูกบอลใหญ่นั่นไปข้างๆ ดูแล้วขัดหูขัดตามากๆ”

ซูอีเฉินมองทีหนึ่ง หลังขยับลูกบอลแสงสว่างนั่น พอขยับแล้วโพเดียมสองข้างไม่เท่ากันจริงๆ

ซูอีเฉินพูดกับผู้ช่วยข้างกายว่า “ไปบอกพวกเขา จัดลูกบอลให้ตรง”

ผู้ช่วยรีบไปทันที

จี้ฉางลอยอยู่ข้างๆ พลางลูบคาง

ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ไม่เข้าใจอะไรเลย แค่นี้ก็รู้สึกไม่สบายตาแล้วหรือ

เขาชี้ไปที่ลูกบอลเปิดงานนั่น “ตัวอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ มาเป๋าน้อย อาจารย์จะสอนเจ้านะ...”

จี้ฉางพูดฉอดๆ ยกใหญ่ แต่กลับเห็นซู่เป่ามองเค้กก้อนน้อยๆ ที่อยู่ไม่ไกล และไม่รู้ว่าเธอฟังไหม

ซูอีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “อยากกินอะไรเหรอ”

พิธีเข้าตลาดหุ้นของถังหมิงเซิ่งซื่อ ไม่เพียงแต่เป็นพิธีพิธีหนึ่ง แต่ยังเป็นงานที่รวบรวมเหล่าคนดังจากทุกสาขาอาชีพอีกด้วย

กลางเวทีเป็นโพเดียมตัดริบบิน หน้าโพเดียมคือที่นั่งรับชมพิธี

ทั้งสองข้างของสถานที่จัดงานหลักเป็นโซนพักผ่อน มีน้ำชาและขนมว่างวางเอาไว้

ซู่เป่ากำลังพูด ทันใดนั้นก็พบว่าในซอกมุมไกลๆ มีผู้หญิงหน้าขาวซีดราวกับหิมะคนหนึ่ง ตาที่จดจ้องกวาดมาจ้องเขม็ง...

ซู่เป่ามองด้านหลังเวที แล้วถามขึ้นว่า “ท่านอาจารย์ ตรงนั้นคืออะไรเหรอ”

จี้ฉางหรี่ตา พูดกระซิบว่า “ผีร้าย”

หลังจากผีขี้แยที่บุกเข้ามาห้องของหานหานหนีไป ก็หาไม่เจออีกเลย

ไม่นึกเลยว่า...ยังจับผีขี้แยนั่นไม่ได้ ก็มีผีร้ายมาปรากฏตัวอีกตนแล้ว

จี้ฉางหรี่ตา “ไป เป๋าน้อย ขึ้นไปดูกัน”

หลังเวที

ฉางเฟิงลากเก้าอี้มาตัวหนึ่ง พูดขึ้นอย่างเอาใจใส่ “ท่านอาจารย์ เชิญนั่งครับ!”

เขามองไปรอบๆ ทีหนึ่ง เห็นรอบข้างยุ่งกันชุลมุน คนที่คอยต้อนรับพวกเขามีเพียงสองคนเท่านั้น

ฉางเฟิงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “คนพวกนี้จริงๆ เลย แม้แต่ห้องวีไอพีที่พอดูดีก็ยังไม่เตรียมไว้ให้อาจารย์! ไม่เข้าท่าเลยจริงๆ ”

อวิ๋นไต้ซือนั่งลง ใบหน้าดูสูงส่งและนิ่งๆ พูดขึ้นว่า “จนใจ การมาครั้งนี้ถือว่ามีวาสนาพอดีก็ช่างเถิด พวกเราไม่ได้มาไล่ล่าเงินทางโลกหรือลาภยศอะไร แม้ร่างกายจะอยู่ในที่ที่วุ่นวายแต่ก็ควรมีระดับที่นิ่งและสงบได้”

ฉางเฟิงพูดขึ้นอย่างละอาย “ที่ท่านอาจารย์สั่งสอนถูกแล้วครับ!”

ดูพูดเข้า ก็ไม่รู่ว่าเมื่อวานใครรับบัตรเครดิตจากนายหญิงซือมา...

ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มวัยกลางคนสวมชุดสูทคนหนึ่งมองมาทางนี้อย่างลังเล

เขาเดินเข้ามาแล้วถามขึ้นอย่างระวังว่า “ขอถามหน่อยครับท่านคืออวิ๋นไต้ซือใช่ไหมครับ”

อวิ๋นไต้ซือพยักหน้าชืดๆ

ฉางเฟิงพูดขึ้นว่า “คุณมาหาอาจารย์ของผมมีธุระอะไรเหรอครับ”

ชายหนุ่มวัยกลางคนคนนั้นพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “อวิ๋นไต้ซือจริงๆ ด้วย! สวัสดีครับอวิ๋นไต้ซือ ผมชื่อหวงเต๋อฟา! ได้ยินว่าถังหมิงเซิ่งซื่อเชิญอวิ๋นไต้ซือมางานแถลงเข้าตลาดหุ้น ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง! ว้าวได้เจออวิ๋นไต้ซือผมช่างโชคดีจริงๆ!”

อีกอย่างครอบครัวของเสวี่ยเอ๋อร์ หลังพวกเขาบุกเข้างานมาอย่างดื้อรั้น กำลังเดินไปทั่วงาน แลกนามบัตรกับคนดังมีชื่อเสียงทุกคน

แต่น้อยคนจะสนใจพวกเขา...

ขณะที่พวกเขากำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น ก็เห็นหวงเต๋อฟาถามนักพรตคนหนึ่งว่าใช่อวิ๋นไต้ซือหรือไม่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์ดีใจเป็นอย่างมาก ลากแม่ของเสี่ยเอ๋อร์ไป “ไป ไปทางนั้น คืออวิ๋นไต้ซือละ!”

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ถามขึ้น “อวิ่นไต้ซือเหรอ คนที่ลากคุณชายน้อยซือกลับมาจากประตูนรกที่นายหญิงซือพูดถึงคราวก่อนคนนั้นน่ะเหรอ!”

ได้ยินมาว่ามีเจ้าของธุรกิจที่ใกล้ล้มละลายขอร้องอวิ๋นไต้ซือ สุดท้ายบริษัทไม่เพียงแต่พลิกจากร้ายกลายเป็นดี แต่ยังทวนกระแสได้อีกด้วย

ยังมีนายหญิงที่กำลังจะตายด้วยกล้ามเนื้อหัวใจตาย ก็ถูกอวิ๋นไต้ซือลากกลับมาจากประตูนรกทื่อๆ

ไม่ว่าจะขออะไรกับอวิ๋นไต้ซือก็จะสมหวังดังปรารถนา เพียงแต่คนธรรมดาต่างหาอวิ๋นไต้ซือไม่เจอ...

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์ไม่รู้ว่าขอร้องคนมากี่ครั้งกี่หนแล้ว แม้แต่คนก็ไม่เจอ

ทั้งสองคนข่มความตื่นเต้นในใจเอาไว้ แล้วรีบรุดหน้าไปทันที

他们的机会又来了!

โอกาสของพวกเขามาอีกแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน