ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 55

ช่วงเวลาแพล็บเดียว ข้างกายของอวิ๋นไต้ซือก็ล้อมรอบไปด้วยคนเจ็ดแปดคน

โบราณว่าไว้ว่ายิ่งรวยก็ยิ่งเชื่อเรื่องดวง พวกเขานับถืออวิ๋นไต้ซือเป็นอย่างมาก แต่ละคนต่างแสดงความเคารพของตัวเองออกมา

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์เบียดเข้าไป ทั้งเอาใจทั้งเป็นมิตร “อวิ๋นไต้ซือ! สวัสดีครับๆ! ผมรอที่จะได้พบท่านมานานแล้ว!”

เขาทั้งยื่นนามบัตรให้อวิ๋นไต้ซือ ทั้งให้แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์รินน้ำชาให้อวิ๋นไต้ซือ

เสวี่ยเอ๋อร์ชิงวิ่งตัดหน้าไปก่อน หลังรินน้ำชาเสร็จแล้วก็ประคองไปตรงหน้าอวิ๋นไต้ซืออย่างเชื่อฟัง พูดอย่างหวานๆ ว่า “อวิ๋นไต้ซือดื่มชาค่ะ”

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ตั้งใจพูดขึ้นว่า “เมื่อวานตอนที่ฉันพูดคุยกับนายหญิงซือ นายหญิงก็พูดถึงท่านกับฉัน! บอกว่าสองสามวันก่อนคุณชายน้อยซือถูกโรงพยาบาลแจ้งการฉุกเฉิน ช่วยชีวิตได้ยาก หมอบอกให้คุณซือพาคุณชายน้อยกลับบ้าน...”

“แต่ท่านอวิ๋นไต้ซือได้ลากคุณชายน้อยซือกลับมาจากประตูนรก!”

“วันนี้ตระกูลซือเป็นคนให้พวกเรามาเอง นายหญิงซือยังบอกอีกว่าถึงท่านจะตกระกำลำยากแต่ก็จะยังศรัทธา ท่านไม่รับคำขอบคุณใดๆ ของพวกเขา หากมีวาสนาได้พบท่าน ให้พวกเราขอบคุณท่านด้วย!”

“ท่านดูสิ นี่มีวาสนาได้พบกันจริงๆ ด้วย!”

คำพูดของแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ ขมวดคำโน้มน้าวอวิ๋นไต้ซือและคำว่า ‘พวกเรามาแทนตระกูลซือ’ เอาไว้ด้วยกันแบบลงตัวอย่างเฉลียวฉลาด

สายตาของทุกคนที่มองครอบครัวเสวี่ยเอ๋อร์เริ่มแตกต่างออกไปอย่างที่คิดไว้จริงๆ!

มาแทนตระกูลซือ...

ทุกคนจึงดูเป็นมิตรขึ้นมาในทันใด ทุกคนต่างชื่นชมอวิ๋นไต้ซือไปตามๆ กัน

อวิ๋นไต้ซือดีใจเป็นอย่างมาก!

เขาคิดว่าแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์น่าสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงมองไปทางเสวี่ยเอ๋อร์ พยักหน้าด้วยใบหน้าที่ลึกซึ้งคาดเดาไม่ถูก

“เด็กคนนี้ มีวาสนา”

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ “ยังต้องขอให้ไต้ซือชี้แนะ นี่หมายความว่ายังไงเหรอคะ”

อว๋นไต้ซือบี้เครา แล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อวานตอนที่อาตมาช่วยคุณชายน้อยตระกูลซือ อาตมามองหน้าและดวงชะตาของเขา ยังหวังว่าคุณชายน้อยมีบุญแลวาสนายิ่งนัก ชะตากรรมเช่นนี้ยากจะมีคนที่สอง”

“ไม่นึกเลยว่า วันนี้จะได้พบเห็นคนที่สอง!”

“ลูกของสีกา โหงวเฮ้งและชะตาพอดีกับคุณชายน้อยซือเป็นอย่างมาก! สวรรค์บรรจงสร้างขึ้นโดยแท้ สวรรค์ส่งมาให้เป็นคู่กัน หากได้ครองคู่กันทั้งคู่ก็จะรุ่งโรจน์”

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์อึ้งไปเลย นี่หมายความว่า อีกหน่อยเสวี่ยเอ๋อร์ของเธอจะได้ดิบได้ดีอย่างนั้นเหรอ

แล้วก็อาจได้คบกับคุณชายน้อยตระกูลซือเหรอ

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์เองก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ได้เกี่ยวดองกับตระกูลซือ อย่างนั้นพวกเขาจะยังต้องกังวลอะไรอีก!

เขารีบพูดขึ้นว่า “ขอบคุณครับไต้ซือ คำพูดของอวิ๋นไต้ซือทำเอาพวกเราหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก! หลังเสร็จพิธีอยากจะนิมนต์อวิ๋นไต้ซือไปเป็นแขกที่บ้านได้ไหมครับ...”

อวิ๋นไต้ซือเงยหน้ามองเขาทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีกว่า “หน้าผากของเจ้าสูงและหนา จุดอิ้งถังตรง เป็นคนมีวาสนาสูงส่ง แต่คิ้วหนากดทับดวงตา ช่วงวัยกลางคนไปแล้วจะยากลำบากมาก ยากจะก้าวหน้า โดยเฉพาะช่วงนี้โชคลาภติดขัด ควรทำบุญกุศลให้มาก”

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์รีบพยักหน้า

สุดยอดไปเลย!

ตรงทุกอย่างเลยว้าว!

“สมแล้วที่เป็นอวิ่นไต้ซือ!” พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้น

เขาสรรเสริญอวิ๋นไต้ซือในทันใด เยินยอจนอวิ๋นไต้ซือลอยไปแล้ว

อวิ๋นไต้ซือทำทีท่าเฉยเมย หลับตาลงครึ่งหนึ่ง ท่าทางดูลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูกเป็นอย่างมาก...

ทุกคนเองก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก หากคำพูดของแม่เสวี่ยเอ๋อร์ยังอธิบายอะไรไม่ได้ วันนี้อวิ๋นไต้ซือได้มาฟันธงแล้ว...

นั่นต้องเป็นการสานสัมพันธ์ไมตรีแล้วค่อยว่ากัน!

ผ่านไปชั่วครู่ บ้านเสวี่ยเอ๋อร์กับอวิ่นไต้ซือต่างถูกยกยอจนลอยไปแล้ว

ขณะนี้พนักงานนำธูปเทียนและกระดาษเงินมาแล้ว ยังมีผ้าแดงอีกท่อนหนึ่ง

เสวี่ยเอ๋อร์แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา ถามขึ้นว่า “ท่านอาจารย์อวิ๋นไต้ซือ ของพวกนี้คืออะไรเหรอคะ!”

อว๋นไต้ซือพูดชืดๆ ว่า “นี่คือธูปเทียนและกระดาษเงิน”

เสวี่ยเอ๋อร์กระพริบตา “ว้าว เก่งจังเลย เอามาทำอะไรเหรอคะ”

ในฐานะที่เป็นเด็กน้อย จึงกระชับความสัมพันธ์ได้ง่ายที่สุด

ธรรมดาไม่มีผู้ใหญ่คนไหนจะเย็นชากับเด็ก

เสวี่ยเอ๋อร์พยายามใช้จุดแข็งของตัวเองให้เกิดประโยชน์ ฉวยโอกาสตีสนิทอวิ๋นไต้ซือ

อวิ๋นไต้ซือชี้ไปที่โพเดียมด้านนอก แล้วพูดขึ้นว่า “ใช้สำหรับเปิดงานแถลงเข้าตลาดหุ้น...”

ในขณะนี้เอง ทันใดนั้นเขาก็เห็นลูกบอลเปิดงานที่ถูกขยับไปทางทิศตะวันออกหนึ่งฟุตถูกย้ายกลับมาอีกแล้ว

อวิ๋นไต้ซือขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

ฉางเฟิงรีบพูดขึ้นว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ให้พวกคุณย้ายลูกบอลเปิดงานไปทางตะวันออกหนึ่งฟุตแล้วไม่ใช่เหรอ”

พนักงานที่รับผิดชอบตกแต่งสถานที่จัดงานเดินมาแล้วพูดขึ้นอย่างยิ้มสู้ว่า “คือแบบนี้ครับ หัวหน้าใหญ่เบื้องบนบอกว่าจะขยับ...”

ฉางเฟิงพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมไม่สนว่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่อะไรของพวกคุณ แต่ในเมื่อเชิญอาจารย์ของผมมาแล้วก็ควรเคารพการจัดของอาจารย์ผม! ทั้งหมดนี้ก็เพื่อพวกคุณทั้งนั้น! คนที่ให้พวกคุณย้ายลูกบอลเปิดงานเขาเข้าใจไหมว่าอะไรคือฮวงจุ้ย”

เขาเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงอันเย็นชาของซูอีเฉินดังขึ้นมา “ผมเป็นคนสั่งให้ขยับเอง คุณมีปัญหาเหรอ”

เมื่อเห็นซูอีเฉิน คำพูดของฉางเฟิงก็หยุดกึกในทันใด!

ซู่เป่าเห็นสถานการณ์หลังเวที ใบหน้าน้อยๆ ก็ตะลึงอย่างอดไม่ได้

เห็นเพียงแต่ผีสาวใบหน้าขาวซีดตนหนึ่ง กำลังโดดไปโดดมาอยู่บนศีรษะของอวิ๋นไต้ซือและเสวี่ยเอ๋อร์!

สภาพแบบนี้ รู้สึกราวกับสุนัขกำลังเลือกหาที่ปลดทุกข์อย่างนั้น...

เมื่อนึกถึงสุนัขปลดทุกข์ ซู่เป่าก็นึกถึงคำสาบานที่ฉางเฟิงบอกว่าจะกินอึสิบจินเมื่อวานขึ้นมาในทันใด

เธอรีบถามขึ้นมาว่า “พี่ชาย เมื่อวานพี่บอกว่าจะตีลังกากินอึสิบจิน วันต่อๆ มาพี่กลับไปกินหรือยัง”

ฉางเฟิง “…”

ซู่เป่าสงสัยเป็นอย่างมาก “พี่ ตีลังกากินอึจะเลอะหน้าไหม ทำใจกินกลืนลงไปได้ไหม ท้องเล็กๆ นี่อิ่มหรือยัง”

ฉางเฟิง “…”

“เมื่อวานซู่เป่าถามพี่เหอเวิ่น พี่เหอเวิ่นบอกว่าอึสิบจินน่าจะประมาณหนึ่งถังใหญ่แน่ะ!”

อือ...หนึ่งจุดสองคูณด้วยสิบกว่าถังเหล็กอะไรสักอย่าง...ซู่เป่าจำรายเละเอียดที่พี่เหอเวิ่นพูดไม่ได้แล้ว

เธอยื่นมือออกไปทำท่าทาง “ก็ถังใหญ่ๆ แบบนี้!”

ถ้าพี่ชายท่านนี้กินหมดจริงๆ งั้นเขาก็เก่งมากจริงๆ !

ซู่เป่าใช้สายตาแสดงความนับถือมองไปที่ฉางเฟิง

ฉางเฟิง “ยัย...ยัย...!!”

สีหน้าของอวิ๋นไต้ซือดูไม่ได้เลย ยัยเด็กบ้านี่อีกแล้ว!

ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนยัยเด็กบ้านี่ก็จะตามไปที่นั่น คอยเป็นวิญญาณตามหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้นจริงๆ!

อวิ๋นไต้ซือพูดขึ้นด้วยใบหน้าแสนเย็นชา “เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาหยาบคายออกมา มีอย่างที่ไหนกัน!”

ซู่เป่าพยักหน้า “ใช่ๆ ก็คือถังใบใหญ่ๆ! ไต้ซือจอมลวงโลกท่านก็กินแล้วหรือ”

อวิ๋นไต้ซือ “…”

จี้ฉางหัวเราะคิกคักขึ้นมาทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้

ศิษย์ตัวน้อยของเขาทำไมถึงได้น่ารักขนาดนั้นนะ

บางทีก็สงสัยว่าเธอตั้งใจหรือเปล่า

จี้ฉางมองไปที่ผีร้ายที่โดดไปโดดมาอยู่บนศีรษะของอวิ๋นไต้ซือและเสวี่ยเอ๋อร์

เอ่อ...ผีจอมปลอมเอ้ย!

เป็นอย่างที่คิด...

แต่ทว่าตอนนี้คนเยอะ ยากจะจัดการ

“ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจนาง” จี้ฉางพูดกระซิบกับซู่เป่า “ตอนค่ำอาจารย์จะพาเจ้าออกไปนอกบ้าน”

ซู่เป่าพยักหน้า “อืมๆ!”

สีหน้าของอวิ๋นไต้ซือราวกับตับหมู ยัยหนูน้อยสมควรตาย กล้าดียังไงมาบอกว่าเขาเป็นจอมลวงโลก!

เขาพูดสะบัดแส้จามรีพูดด้วยเสียงเย็นชา “ลบหลู่ฟ้าลบหลู่ดิน ไม่เคารพต่อสรรพสิ่ง! ข้ามองโหง้วเฮ้งบนหน้าเจ้าแล้ว ช่างช่างมีดวงอาภัพยิ่งนัก!”

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

คำพูดนี้ไม่ผิด คุณหนูผู้สูงส่งแห่งตระกูลซูกลับมาเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คนในแวดวงมากน้อยก็ต้องเคยได้ยิน

เด็กคนนี้ แม่ตายไปตั้งแต่อายุได้สองขวบกหว่า ตอนสามขวบแม่เลี้ยงก็แท้งลูกในท้อง พ่อของเธอก็ล้มละลายติดคุก...

หลังเพิ่งกลับมาตระกูลซู ก็ได้ยินว่าก็ทำให้ลุงรองกับป้าสะใภ้รองต้องหย่ากัน

ความจริงจะเป็นยังไงตอนนี้ยังไม่พูด แต่ถ้าพูดโดยรวมแล้ว ซู่เป่าก็ ‘เป็นตัวซวยทำให้พ่อ เป็นตัวซวยทำให้แม่ เปนตัวซวยทำให้ลุงแท้ๆ...’ จริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน