ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 56

ใบหน้าเปื้อนยิ้มของซู่เป่าค่อยๆ หายไป

“ซู่เป่าไม่ได้ดวงอาภัพซะหน่อย” เธอกัดริมฝีปาก “ซู่เป่ามีวาสนานะ!”

ซูอีเฉินตบๆ ซู่เป่า แล้วปลอบด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ใช่แล้ว อะไรกันซู่เป่าคือวาสนาตัวน้อยต่างหาก”

สีหน้าของเขาราวกับน้ำค้างแข็ง พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ใครเป็นคนรับผิดชอบจัดสถานที่ ไล่จอมลวงโลกสองคนนี้ออกไปซะ!”

พนักงานถูกหน้าภูเขาน้ำแข็งของซูอีเฉินทำให้ตกใจ ไม่กล้าพูดอะไร...

ชวีเสี่ยงผู้ช่วยของซูอีเฉินเดินเข้าไปเลย จากนั้นผายมือเชิญ “เชิญเถอะครับ!”

ท่าทางของอวิ๋นไต้ซือแข็งกระด้างเป็นอย่างมาก พูดอย่างเฉยเมยว่า “ฉางเฟิง เก็บข้าวของ รออยู่ตรงนี้เจ้าทุกข์ไม่เชิญก็ช่างเถิด”

เขาโกรธเป็นอย่างมาก คิดว่าตระกูลซูไม่รู้ดีไม่รู้ชั่วเลยจริงๆ!

ฉางเฟิงหึเสียงหนึ่ง “เราอุตส่าห์มาช่วยพวกคุณปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายอย่างไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องบาดหมางเก่า พวกคุณยังไม่เคารพอาจารย์ของผมถึงขนาดนี้อีก! ต่อไปถ้าพวกคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็อย่ามาขอร้องให้อาจารย์ผมช่วยก็แล้วกัน!”

ฉางเฟิงอายุยังน้อยเลือดลมไหลเวียนดี ไม่คิดเลยว่าจะกล้าแค้นซูอีเฉิน

ซูอีเฉินหัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง กำชับชวีเสี่ยงผู้ช่วยว่า “แจ้งตำรวจซะ”

เก่งกาจนักใช่ไหม งั้นก็ไม่ต้องไปแล้ว

สีหน้าของอวิ๋นไต้ซือสั่นเทาขึ้นมาโดยพลัน!

ทุกคนต่างรีบโน้มน้าวขึ้นมาทันที “ไอ้หยา ประธานซู อย่าโกรธเลยนะๆ....ศิษย์ของอวิ๋นไต้ซือคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมาอยู่บ้าง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี...”

“ใช่แล้วๆ อวิ๋นไต้ซือท่านดีมากๆ แม้จะไม่ชอบเจรจา แต่หากเรามีคำถามอะไร เขาก็จะตอบพวกเรา”

“ประธานซู ไม่ต้องถึงขั้นแจ้งตำรวจหรอกน่า! ไม่ต้องถึงขั้นนั้นเลยจริงๆ! ไอ้หยา ทุกคนถอยกันคนละก้าวใจกว้างดุลทะเลและท้องนภาไม่ใช่เหรอ...”

ซูอีเฉินไม่เคลื่อนไหวใดๆ

กล้าบอกว่าซู่เป่าของพวกเขามีดวงอาภัพเหรอ

เขาไม่ควรค่าแก่ใจกว้างดั่งทะและท้องนภาอะไรหรอก

แม้แต่หลานสาวตัวน้อยของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ ไม่ว่าทะเลจะกว้างอีกแค่ไหนท้องนภาจะใหญ่อีกสักเพียงไรจะมีประโยชน์อะไร

อวิ๋นไต้ซือสังเกตจากสีหน้าและคำพูด สบตากับสายตาของซูอีเฉินพอดี ในใจตกตะลึงอย่างอดไม่ได้

เขาคว้าแส้จามรี ทำสีหน้าอยู่เหนือเรื่องบนโลกอย่างนั้น แล้วพูดขึ้นว่า “อาตมาไม่อยากโต้แย้งกับปุถุชน ฉางเฟิง เราไปกันเถอะ”

ทันใดนั้นขณะนี้เอง จู่ๆ เสวี่ยเอ๋อกลับคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้!

ใบหน้าของเสวี่ยเอ๋อร์เต็มไปด้วยความจริงใจ “ท่านไต้ซือคะ ท่านอย่าโกรธไปเลยค่ะ น้องซู่เป่ายังเด็กเกินไป เธอไม่ประสีประสา...ซู่เป่าไม่ได้ตั้งใจทำให้ท่านไต้ซือโกรธนะคะ!”

จากนั้นมองไปทางซู่เป่า แล้วพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “น้องซู่เป่า ท่านอวิ๋นไต้ซือเก่งกาจมากเลยนะ! น้องซู่เป่าทำแบบนี้ไม่ถูกนะ รีบขอโทษท่านไต้ซือเถอะ!”

บางคนอดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งใจ แต่เสวี่ยเอ๋อร์ช่างจิตใจดีจริงๆ มิน่าล่ะอวิ๋นไต้ซือถึงบอกว่ามีชะตาที่ดี...

อวิ๋นไต้ซือผิวเผินดูไม่พูดอะไร แต่ความจริงแล้วนั้น แทบอยากจะผละเสวี่ยเอ๋อร์ออกไป!

ถ่วงเอาไว้คิดจะแสดงอะไรกันแน่!

คำพูดนี้ ผีร้ายที่โดดไปโดดมาตนนั้น ในที่สุดก็หยุดลงบนศีรษะของเสวี่ยเอ๋อร์!

เสวี่ยเอ๋อร์คิดว่าตัวเองได้รับความสนใจ จึงยิ่งพยายามแสดงออกในทันใด “ซู่เป่า เธอพูดขอโทษอวิ๋นไต้ซือ โอเคไหม!”

ซู่เป่าหันหน้าไป “ไม่โอเค!”

ซูอีเฉินเองก็หัวเราะอย่างเย็นชา “เธอนับเป็นอะไรกัน ยืนอยู่ในตำแหน่งไหน มีคุณสมบัติอะไรมาให้ซู่เป่าของเราขอโทษ”

เสวี่ยเอ๋อร์อึ้ง กัดริมฝีปากด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในทันที ราวกับเสียใจเป็นอย่างมาก เกือบจะร้องไห้โฮแล้ว

เธอปล่อยแขนเสื้อของอวิ๋นไต้ซืออย่างไม่สบอารมณ์

“ขอโทษค่ะ...” เธอพูดขอโทษอย่างทำท่าจะร้องไห้ “อาซูคะ เสวี่ยเอ๋อร์ก็แค่ไม่อยากให้ทุกคนทะเลาะกัน...”

“แต่ว่าเสวี่ยเอ๋อร์โง่จริงๆ ไม่รู้จักพูด จนทำให้คุณอาโกรธ...ฮือๆๆ”

ซูอีเฉินรำคาญเป็นอย่างมาก

เขาไม่เข้าใจ เป็นเด็กเป็นเล็กตัวแค่นี้เลี้ยงยังไงถึงได้เป็นโรคเสแสร้งแกล้งทำแบบนี้

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์รีบพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ขอโทษนะคะประธานซู เสวี่ยเอ๋อร์มีเจตนาดี แต่ว่าเด็กนี่คะ ความคิดเรียบง่ายพูดไม่เป็น ขอคุณช่วยอภัยด้วยเถอะค่ะ!”

ทุกคนต่างประสานเสียงโน้มน้าวกันต่อไป สรุปคือไม่อยากขัดใจซูอีเฉิน แต่ก็ไม่อยากล่วงเกินอวิ๋นไต้ซือ...

ส่วนอวิ๋นไต้ซือ เขาเพียงแค่อยากจะรีบไป แต่ถูกคนที่เกลี้ยกล่อมอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยความหวังดีขวางเอาไว้ ในใจหงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว

จี้ฉางยักคิ้ว หันมองทีหนึ่ง ในตาประกายความเลวร้ายออกมาเล็กน้อย

“ซู่เป่า เจ้าลองถามอวิ๋นไต้ซือดูสิ เก่งกาจขนาดนี้ทำนายดวงชะตาของตัวเองในอีกชั่วครู่ว่าจะเป็นเช่นไรออกมาได้หรือไม่”

ซู่เป่าทำตามอย่างเชื่อฟัง “ท่านอวิ๋นไต้ซือ ท่านเก่งกาจขนาดนี้ ทำนายดวงชะตาของตัวเองได้ไหมคะ”

อวิ๋นไต้ซือขมวดคิ้ว

ฉางเฟิงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “หมอไม่รักษาตัวเองฉันใด ผู้ทำนายดวงชะตาย่อมไม่รู้ชะตาของตนแน่ชัดฉันนั้น เธอเข้าใจไหม”

ซู่เป่าส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หนูไม่เข้าใจ หนูเป็นแค่เด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง”

ฉางเฟิง “…”

ซู่เป่าถามขึ้นอีก “ไต้ซือทำนายออกมาไม่ได้ เพราะงั้นไต้ซือก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้นนี่”

เธอเบะปาก บ่นพึมพำประโยคหนึ่ง “ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ”

ฉางเฟิง “…”

เด็กคนนี้ จะน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!

“งั้นเธอก็เข้าใจแล้วสินะ” ฉางเฟิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา

ซู่เป่าเอียงศีรษะ “หนูเข้าใจสิ!”

ฉางเฟิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

อวิ๋นไต้ซือพูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชา “เอาละ ฉางเฟิง ไม่ต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กหรอก! อาตมายุ่งมาก ไปกันเถอะ!”

ทุกคนต่างรู้สึกแปลกนิดหน่อย ทำไมอวิ๋นไต้ซือราวกับร้อนใจจะไปให้ได้อย่างนั้น

“อวิ้นไต้ซือ ทำนายดูเถิด!”

“ใช่แล้ว! ไม่ค่อยมีคนรู้ความเก่งกาจของอวิ๋นไต้ซือนี่ ทำนายให้พวกเขาได้รู้เถอะครับ”

อวิ๋นไต้ซือเห็นสายตาของทุกคนที่จับจ้องมา จนปัญญา!

ทำได้เพียงแค่จำใจทำ หลังผ่านไปชั่วครู่ก็พูดขึ้นว่า “อาตมาจะเจอกับปัญหาเล็กน้อย แต่คนยืนตรงไม่ต้องกลัวเงาเอียง ไม่มีอะไรร้ายแรง”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไต้ซือ ท่านทำนายผิดแล้ว ซู่เป่าจะทำนายให้ท่านเอง!”

พูดจบ เธอก็ล้วงในกระเป๋าสะพายใบน้อยของเธอ ล้วงออกมาได้เพียงเจ้าเต่าแก่ตัวหนึ่งเท่านั้น

ตอนที่เจ้าเต่าแก่ออกมาก็งุนงงไปหมด คอหด มองนั่นทีมองนี่ที

ทุกคนแสยะยิ้มมุมปาก

ซู่เป่าลงมาจากอ้อมแขนของซูอีเฉิน นั่งยองอยู่กับพื้นแล้วพูดว่า “ไต้ซือ ท่านดูให้ดีนะ!”

สิ้นเสียง ‘เห้ย’ ก็กลิ้งเจ้าเต่าแก่ออกไป

เจ้าเต่าแก่สี่ขาชี้ขึ้นบน กลิ้งไปรอบหนึ่ง ชนเข้ากับมุมกำแพงแล้วก็เด้งกลับมา หมุนติ้วๆๆ มาหยุดอยู่ข้างเท้าของซู่เป่า

ซู่เป่าจ้องเจ้าเต่าแก่ ใบหน้าน้อยๆ เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม “อืมๆๆ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”

ทุกคน “…”

ไม่สิ เธอก็แค่โยนเต่าตัวหนึ่งเท่านั้น เธอมาที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองอะไรกัน

ถ้าแบบนี้ทำนายชะตาได้ละก็ พวกเขาแต่ละคนก็คงเป็นไต้ซือกันหมดแล้ว

ฉางเฟิงหัวเราะเยาะ “ฮ่าๆ เธอทำนายออกมาได้ว่ายังไงเหรอ”

ซู่เป่านับนิ้ว “ไต้ซือมีโชคใหญ่แล้ว!ทั้งชีวิตไม่ต้องกังวลเรื่องกินข้าว”

“พี่ชายที่กินอึก็ไม่โชคดีอย่างนี้อีกแล้ว! ทำได้แค่กินอึไปสิบปี”

อวิ๋นไต้ซืออึ้ง นี่มันบ้าอะไรกัน

ซู่เป่าพูดต่อไปว่า “ไต้ซือหลอกลวงเงินมาเยอะแยะมากมาย อีกเดี๋ยวจะถูกคุณอาตำรวจจับตัวไป จากนั้นก็ออกมาไม่ได้อีก!”

ทุกคนเพิ่งจะตอบสนองกลับมา ที่แท้กินข้าวที่เธอบอกคือกินข้าวอะไร...

ฉางเฟิงโกรธเป็นอย่างมาก “เธอพูดจาซี้ซั้วอะไรน่ะ”

อาจารย์ของเขาเป็นผู้สูงส่งบรรลุทางเต๋า ทุกคนต่างเคารพนับถือ ต่อให้ผู้นำในสถานีตำรวจต่างเคยเชิญอาจารย์ของเขาก็ตาม

จะถูกจับได้ยังไง!

ขณะที่กำลังพูดอยู่ ก็เห็นข้างประตูมีตำรวจสองสามนายเดินเข้ามา ตรงดิ่งมาตรงหน้าของอวิ๋นไต้ซือ

“ใครคืออวิ๋นไต้ซือครับ!”

ทุกคนชี้ไปทางอวิ๋นไต้ซือตามสัญชาตญาณ

ฉางเฟิงรีบพูดขึ้นว่า “คุณเจ้าหน้าที่ครับ นี่อาจารย์ของผมครับ เมื่อเดือนก่อนยังไปพบกับนายของพวกคุณ...”

พูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินหัวหน้าตำรวจพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พาตัวไป!”

ฉางเฟิงอึ้ง ร้อนใจเป็นอย่างมาก “จับตัวอาจารย์ผมทำไม พวกคุณไม่รู้เหรอว่าอาจารย์ของผมเป็นใคร”

“ผู้การของพวกคุณล่ะ เรียกผู้การของพวกคุณมาซะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน