ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 57

ทุกคนมองฉางเฟิง เงียบไม่ส่งเสียงใดๆ

นี่ตกลงว่าหลงตัวเองมากเกินไปหรือไม่เข้าใจการอยู่ร่วมในสังคมกันแน่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะร้องเรียกให้ผู้การของเขาออกมาต่อหน้าฝูงชน...

นี่มันรนหาที่ตายไม่ใช่เหรอ

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เจ้าหน้าที่หัวเราะอย่างเย็นชา

“อวิ๋นหรงคุนอาจารย์ของคุณ จบการศึกษาจากโรงเรียนประถมเยว่คุน หลังเรียนจบก็ไปขันสกรูอยู่ที่โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ห้าปี เนื่องจากถูกตัดสินจำคุกในข้อหาลักทรัพย์สองปี! หลังออกจากคุกก็ไปทำนายชะตาหลอกเอาเงินอยู่ใต้สะพานลอย หลอกลวงเงินค่ารักษาพยาบาลของพี่สาวคนโตมาสามหมื่นหยวน!”

เขาพูดพลางแสดงเอกสารไปด้วย

“ตอนนี้ยังกล้ามาเที่ยวหลอกลวงต้มตุ๋นอยู่ที่นี่อยู่อีก จะเรียกให้ใครมาก็ไร้ประโยชน์ พาตัวไป!”

ทุกคนต่างอึ้ง

หากที่เจ้าหน้าที่พูดมาเป็นความจริง คงไม่ใช่ว่าเดิมทีอวิ๋นไต้ซือก็คือจอมลวงโลกอยู่แล้วหรอกเหรอ...

และเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งยกยอจอมลวงโลกแบบนี้ไป รู้สึกว่าตัวเองราวกับเป็นไอ้โง่...

สายตาที่ทุกคนมองอวิ๋นไต้ซือเปลี่ยนไป

อวิ๋นไต้ซือทั้งโกรธทั้งร้อนใจ นั่นมันเรื่องที่เขาทำในอดีต ต่อมาเขาได้กลายเป็นเซียนแล้ว ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว!

ทุกอย่างที่ทำขึ้นมาเขาทำด้วยความยากลำบาก แต่กลับโดนทำลบายโดยซู่เป่าเสียอย่างนั้น!

อวิ๋นไต้ซือกัดฟัน ถึงเวลานี้ทำได้เพียงแค่แสร้งทำหน้าทรนงอย่างแข็งแกร่งเท่านั้น

“อาตมาไม่ยอมรับความผิดที่พวกประสกกล่าวหามา! นี่พวกประสกกำลังใส่ร้ายป้ายสี อาตมาจะเชิญทนาย...”

ฉางเฟิงเองก็พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว พวกคุณคงจับผิดตัวแล้ว! เมื่อวานอาจารย์ของผมเพิ่งจะช่วยคุณชายน้องของตระกูลซือไป ไม่เชื่อพวกคุณก็โทรหาคุณซือดูสิ!”

เขาอ้างตระกูลซือขึ้นมา พยายามให้เจ้าหน้าที่เกรงกลัว

ในขณะนี้เอง เสียงอันแสนเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “เขาไม่เคยช่วยอี้หรัน”

ซือเย่พาซืออี้หรันเดินออกมาจากฝูงชน!

เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ถึงยังไงผมก็ควรถามอวิ๋นไต้ซือว่า บัตรเครดิตที่ไปหลอกเอามาจากแม่ผมเมื่อวานล่ะ”

อวิ๋นไต้ซืออึ้ง...

ซือเย่ลุกขึ้นยืนมาตกย้ำความผิดของเขาด้วยตัวเอง นี่ยังมาเล่นลิ้นอะไรอีก!

อวิ๋นไต้ซือเม้มปากทำสีหน้าเย็นชา เผยให้เห็นท่าทางที่เกินจะจินตนาการว่าเขาเองก็ไม่มีหนทางอื่นแล้วอย่างทรนง!

เจ้าหน้าที่ใส่กุญแจมืออวิ๋นไต้ซือเลยจากนั้นกดหัวและพาตัวออกไป

ทุกคนมองอวิ๋นไต้ซือที่ถูกใส่กุญแจมือ ความรู้สึกในใจยิ่งยากจะอธิบายออกมาเป็นคำสั้นๆ ได้

พวกเขามองไปทางพ่อกับแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์ ในใจอดไม่ได้ที่จะคับแค้นอยู่บ้าง

ตั้งแต่แรกก็เป็นพวกเขาที่พูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าอวิ๋นไต้ซือช่วยคุณชายน้อยตระกูลซือ พวกเขาก็เลยกล้าพูดยกยออวิ๋นไต้ซือแบบนี้

สุดท้ายตัวเองกลายเป็นตัวตลก!

พ่อและแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์เองก็อิหลักอิเหลื่อเป็นอย่างมาก

เห็นซือเย่มา ก็รีบออกไปรับหน้าทันที

“คุณซือ คุณก็มาแล้วเหรอ...”

ซือเย่ใช้สายตาเย็นชามองไปที่พวกเขาเลย

เขาพูดกับซูอีเฉินว่า “ขอโทษด้วยนะครับ แม่ของผมแก่แล้วเลยเลอะเลือน พอคนอื่นหลอกล่อให้เธอดีใจ เธอก็แอบเอาการ์ดเชิญไปให้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง”

ซูอีเฉินพูดขึ้นว่า “จนใจ เมื่อกี้ผมให้คนไล่พวกเขาออกไป เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพวกเขาถึงยังอยู่ที่นี่”

คำพูดนี้ราวกับตบฉาดหนึ่ง ตบเพียะๆๆ ไปบนหน้าของครอบครัวเสวี่ยเอ๋อร์!

ทุกคนต่างทำหน้ามีความหมายลึกซึ้ง อ๋อ ที่แท้ก็เป็นการ์ดเชิญที่หลอกเอามา!

“ฉันก็ว่า! เมื่อกี้ทำไมถึงได้เข้ากับจอมลวงโลกได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ยกยอตัวเองขึ้นไป ที่แท้ก็เป็นจอมลวงโลกเหมือนกันนี่เอง”

“ตระกูลหลานเป็นตระกูลเล็กๆ ที่ต่ำต้อยตระกูลหนึ่ง ไม่สิ นับไม่ได้ว่าเป็นตระกูลเลยด้วยซ้ำ เอ๊ะ เมื่อกี้ผมก็ยังสงสัยว่าคนประเภทนี้เข้ามาที่นี่ได้ยังไง”

“น่ารังเกียจจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหลอกคนแก่เพื่อเอาการ์ดเชิญ บอกว่าคุณซือไหว้วานให้พวกเขามารับชมพิธี! หน้าด้านเกินไปแล้วหรือเปล่า”

“ฮ่าๆ เมื่อกี้เขายังเข้ากับจอมลวงโลกเป็นปี่เป็นขลุ่ย บอกว่าเด็กน้อยของพวกเขากับคุณชายน้อยของตระกูลซือเป็นคู่แท้ที่สวรรค์สร้างด้วย!”

“นี่ช่างจริงๆ เลย จับคนตระกูลซือเขาก็จะได้ดูดทรัพย์อย่างเต็มที่น่ะสิ!”

พ่อกับแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์หน้าเริ่มแดง!

เดิมอยากจะมาเพื่อหาเส้นสายเพิ่ม อยากจะมาชุบตัวเอง

ไม่นึกเลยว่าจะถูกซือเย่ฉีกหน้า...

พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์พูดขึ้นอย่างอิหลักอิเหลื่อว่า “เราเองก็ไม่รู้...”

ซูอีเฉินขี้เกียจจะฟังพวกเขาพูดจาไร้สาระ จึงถามขึ้นต่ออย่างเย็นชาว่า “เมื่อกี้ใครเป็นคนต้อนรับ”

ท่าทางของเขาน่ากลัวจนถึงขีดสุด

หนักงานที่ต้อนรับตัวสั่นงันงก “เป็น เป็นพวกเขาที่ยืนกรานจะเข้ามา บอกว่าตระกูลซือไหว้วาน ไม่เชื่อก็โทรหาตระกูลซือดู...”

“ผม ผมจะไล่พวกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ครับ!”

พนักงานรีบเรียก รปภ. สองสามคนมาทันที ไม่ให้โอกาสตระกูลหลานเลยสักนิด ไล่ออกไปเลย!

ครอบครัวเสวี่ยเอ๋อร์จนมุมจนถึงขีดสุด...

เสวี่ยเอ๋อร์คิดว่าทำไมตัวเองถึงถูกไล่ให้ออกไปอีกแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

เธอแบกรับไม่ไหว เมื่อกี้อวิ๋นไต้ซือก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ในอนาคตเธอจะแตกต่างจากทุกคน

ถึงขั้นได้ครองคู่กับคุณชายน้อยตระกูลซูเลยนะ!

ทำไมแค่พริบตาเดียวก็ถูกไล่ออกไปแบบนี้ ดูไม่ได้เอาเสียเลย!

เสวี่ยเอ๋อร์น้ำตาคลอ มองไปรอบๆ อย่างลุกลี้ลุกลน มองไปทางซืออี้หรันที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จาอยู่หลังซือเย่

แต่ซืออี้หรันทำสีหน้าเย็นชา ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอ กลับกันดันจ้องแต่ซู่เป่า

เสวี่ยเอ๋อร์ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น...

ในที่สุดขยะก็ถูกไล่ออกไปแล้ว

ซู่เป่ามองบนศีรษะของเสวี่ยเอ๋อร์ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ซูอีเฉินพูดขึ้นว่า “ซู่เป่า เป็นอะไรไปเหรอ”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะ”

อีกด้าน พนักงานพูดขึ้นอย่างอึกๆ อักๆ “ประ ประธานซูคะ เรื่องตัดริบบิ้นนั่น...”

พวกเขาหัวโตกันหมดแล้ว!

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา พลาดฤกษ์ดีมานานแล้ว

บริษัทเข้าตลาดหุ้น ตัดริบบิ้น กลัวจริงๆ ว่าเรื่องจะราบรื่นหรือไม่

ตอนนี้ไม่เพียงแต่มีจอมลวงโลกสองคนปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น ยังพลาดฤกษ์งามยามดีอีก ต่อให้ต่อไปบริษัทเข้าตลาดหุ้นอย่างราบรื่น แต่ก็ยังติดค้างในใจอยู่บ้าง

คนที่พิถีพิถันเป็นอย่างมาก ยิ่งกลัวเข้าไปกันใหญ่

ซูอีเฉินขมวดคิ้ว กำลังจะพูด

ซู่เป่าก็หยิบเจ้าเต่าแก่ขึ้นมาตบๆ แล้วยัดใส่เข้าไปในกระเป๋า

“ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ซู่เป่าจะทำนายให้เอง!”

ซู่เป่านับนิ้ว เลียนแบบท่าทางของจี้ฉาง ยัยตัวน้อยดูแล้วทำการอย่างมีแบบแผน

“สิบโมงสิบแปดนาที จะมีแสงธรรมงคลตกลงมาจากฟากฟ้า นับเป็นฤกษ์ยามที่ดี”

ทุกคน “...”

อะไรน่ะ...

นี่คงไม่ได้ล้อเล่นอะไรกันใช่ไหม เด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำ เธอจะไปเข้าใจอะไร

“ประธานซู นี่...” พนักงานลำบากใจจะตายอยู่แล้ว

ซูอีเฉินอุ้มซู่เป่าขึ้นมา พูดอย่างหนักแน่นว่า “งั้นก็สิบโมงสิบแปดนาที!”

เขาเชื่อซู่เป่า

ต่อให้ไม่มีแสงอันเป็นมงคลตกลงมาจากฟ้า นั่นก็ต้องเอาอย่างที่ซู่เป่าของพวกเขาว่า!

ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไรไปชั่วขณะ

ว่ากันว่าตระกูลซูตามใจซู่เป่าเป็นอย่างมาก ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง...

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็ยังปล่อยให้เธอทำตามใจ

เห็นได้ชัด ไม่มีใครเชื่อที่ซู่เป่าบอกว่าแสงอันเป็นมงคลจะตกจากฟ้าตอนสิบโมงสิบแปดนาทีอะไรนั่น

พิธีใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ทุกคนต่างนั่งในตำแหน่งของตัวเองตามที่พนักงานต้อนรับนำไป

ซู่เป่าดื่มน้ำในแก้วน้ำที่มีหลอดดูดของตัวเองที่กอดเอาไว้

ซืออี้หรันเดินเข้ามา

เขาอยู่ในชุดสูทตัวน้อยตัวหนึ่ง และยังผูกเนกไทหูกระต่ายอีกด้วย ดูเคร่งขรึม เด็กอายุยังน้อยก็ดูมีความน่าเคร่งขรึมน่าเคารพแล้ว

เขามองไปรอบๆ อย่างระงับอารมณ์และคำพูด เห็นซู่เป่าที่นั่งอยู่แถวหน้า

เห็นเพียงแต่เธอกำลังดื่มน้ำอยู่ ใบหน้าน้อยๆ แก้มยุ้ยๆ...

ทำให้คนอยากเอื้อมมือไปหยิกที่ใบหน้าของเธอเป็นอย่างมาก...

ซือเย่พาซืออี้หรันเดินไปทางซู่เป่า ยิ่งใกล้ถึงซู่เป่ามากเท่าไร ใบหน้าน้อยๆ ของซืออี้หรันก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น

ซู่เป่าเงยหน้าขึ้น ก็เห็นซืออี้หรันที่กำลังเม้มปากพลางทำหน้าบึ้งตึง

“นี่ พี่อี้หรัน!” ซู่เป่ายกมือขึ้นอย่างดีใจ “นั่งตรงนี้สิ!”

เจ้าเด็กน้อยตบที่ที่นั่งข้างตัว

ซืออี้หรันไม่เหลียวตามองเลยสักนิด ส่งเสียง ‘อืม’ ด้วยท่าทางเย็นชาเป็นอย่างมาก แต่ทว่ากลับเดินไปข้างกายซู่เป่าด้วยท่าทางมือและเท้าแกว่งอย่างพร้อมเพรียง...

ซือเย่ ??

ทำไมลูกชายของเขาถึงเดินอย่างมือและเท้าแกว่งพร้อมเพรียงกัน ตอนเช้าก็ไม่พบปัญหานี้ คงไม่ได้มีผลข้างเคียงอะไรใช่ไหม...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน