ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 59

คนที่เมื่อครู่เห็นซู่เป่านับนิ้วคำนวณฤกษ์ รู้สึกเจ็บหน้าตัวเองนิดหน่อย ต่างมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูกกันไปหมด

มีคนพูดว่า “เหลือเชื่อเกินไปแล้ว...ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ทำไมถึงกะเวลาได้แม่นยำขนาดนั้น สิบโมงสิบแปดนาทีพอดีเป๊ะเลย!”

“คนเขาคงไม่ได้ทำนายออกมาจริงๆ หรอกใช่ไหม...”

“รู้สึกว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ ถ้าบอกว่าอวิ๋นไต้ซือเป็นคนทำนายออกมาผมยังเชื่อหน่อย คุณหนูผู้สูงส่งตระกูลซูคนนั้นเพิ่งจะกี่ขวบเอง...”

อาจเป็นเพราะพูดมั่วไปเรื่อย แล้วพูดถูกพอดีแน่ๆ

ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไร้สาระเกินไปแล้ว

สายตาของทุกคนมีความตกตะลึงและประหลาดใจเป็นอย่างมาก ซู่เป่ายังคงนั่งอยู่ในที่นั่งของตัวเองอย่างสงบ ไม่สะทกสะท้านอะไรอยู่แล้ว

กว่าจะรอถึงตัดริบบิ้นเสร็จ หลังพิธีกรพูดขอบคุณจนกระทั่งอำลา ทุกคนต่างพาขึ้นลุกขึ้น

ซูอีเฉินกับเหล่าผู้รับผิดชอบของถังหมิงเซิ่งซื่อต่างถูกห้อมล้อมเอาไว้อยู่ตรงกลาง ออกมาไม่ได้ชั่วขณะ

คนใหญ่คนโตอย่างซือเย่เช่นนี้ ย่อมถูกห้อมล้อมเป็นธรรมดา ทุกคนต่างคว้าโอกาสกระชับความสัมพันธ์

ซือเย่กำชับซืออี้หรันด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ดูแลน้องซู่เป่าให้ดีนะ”

บนใบหน้าน้อยๆ ของซืออี้หรันไร้ความรู้สึกส่วนเกิน เพียงแต่พยักหน้าอย่างซึมกระทือ

เมื่อครู่คุยกับซู่เป่าดูให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่พอคุยกับพ่อตัวเองกลับทำส่งๆ เสียอย่างนั้น

ซือเย่หมดคำพูดจริงๆ!

ซู่เป่าลากชวีเสี่ยงไปแล้วพูดขึ้นอย่างดีอกดีใจว่า “คุณอาเร็วหน่อยสิคะ ซู่เป่าอยากกินเค้ก”

ซืออี้หรันล้วงกระเป๋ามือเดียวอย่างเท่ๆ ตามหลังซู่เป่าไปเงียบๆ

“เค้กน้อยๆ เค้กน้อยๆ...” ซู่เป่าเห็นเค้กก้อนน้อยๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะวางชาและอาหารว่าง ตาทั้งสองเป็นประกาย

เธอเขย่งเท้า ยังสูงไม่พอ อีกนิด...

ชวีเสี่ยงกำลังจะช่วยเธอหยิบ ข้างๆ กลับมีมือน้อยๆ โผล่ออกมา

ซืออี้หรันหยิบเค้กก้อนน้อยๆ ลงมาส่งให้เธอ “เอานี่”

ซู่เป่าดีใจจนพูดว่า ‘ขอบคุณค่ะพี่อี้หรัน’ เสียงหนึ่ง จากนั้นก็ถือเค้กก้อนน้อยๆ ไปนั่งบนม้านั่งข้างโซฟาอย่างระวัง แล้วอั้มกัดคำหนึ่ง

“หวานจริงๆ เลย! หวานกว่ารักแรกซะอีก” เจ้าเด็กน้อยพยักหน้า สีหน้าท่าทางมีเหตุผลเต็มประดา

ชวีเสี่ยงขำพรืดออกมา “หนูรู้ไหมว่ารักแรกคืออะไร”

ในปากของซู่เป่ากำลังเคี้ยวเค้กอยู่ พูดพึมพำงึมงำฟังไม่ชัดเจน “ที่เกาะปู้จี๋น่ะ! คุณปู่ที่ขายแตงโมก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้น”

เธอกวักมือเรียกเลียนแบบท่าทางของผู้ใหญ่ “รีบมาเร็วเข้าๆ แตงโมลูกใหญ่สดๆ จ้า แตงโมหวานกว่ารักแรก! ถ้าได้กินแตงโมของพ่อค้าแล้ว จะลืมเขาคนนั้นทันที!”

ชวีเสี่ยงอึ้ง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่าๆ ออกมา

เห็นใบหน้าน้อยๆ อันแสนกลมป๊อกของซู่เป่าแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มทีหนึ่ง!

น่ารักเกินไปแล้ว!

ซืออี้หรันหันหน้าไป น่ารักมาก...แต่ก็ได้แค่นี้ อืม

คิดแบบนี้ในใจ แต่กลับมองไปรอบๆ อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ดูว่าตรงไหนยังมีเค้กสตรอว์เบอร์รีก้อนน้อยๆ อีกบ้าง

ซู่เป่ากินอย่างดีอกดีใจ กินไปด้วยพลางเบือนหน้าไปมองชวีเสี่ยง ทันใดนั้นก็ถามขึ้นว่า “คุณอาคะ ทำไมคุณอาถึงชื่อชีเสี่ยงล่ะค่ะ ตอนที่คุณอาเกิดร้องเจ็ดทีเหรอคะ เพราะงั้นก็เลยชื่อชีเสี่ยง” (*ชีเสี่ยงพ้องเสียงกับคำว่าเสียงดังเจ็ดครั้ง)

ชวีเสี่ยงยิ้มหน้าบาน หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดครีมที่ติดอยู่ข้างปากของซู่เป่าราวกับแม่แท้ๆ พลางพูดไปด้วยว่า

“ชื่อชวีเสี่ยงต่างหาก ไม่ใช่ชีเสี่ยงซะหน่อย! ชวี ชีอี...ชวี่”

ซู่เป่าถามขึ้น “ชีอีชวี่คืออะไรอีกเหรอคะ”

ใบหน้าน้อยๆ ของซืออี้หรันเคร่งขรึม พูดแทรกขึ้นว่า “เป็นพินอินของตัวอักษรจีนน่ะ”

สมกับเป็นหนูน้อยที่ยังไม่ได้เข้าโรงเรียนอนุบาลจริงๆ ไม่รู้แม้แต่ความรู้ระดับประถม

ซู่เป่าเข้าใจในทันที “อ๋อ! พินอิน...”

ตอนที่ซืออี้หรันคิดว่าเธอเข้าใจ ซู่เป่าก็ถามขึ้นอีกว่า “อะไรคือพินอินเหรอ”

ซืออี้หรัน “…”

ชวีเสี่ยงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “พอซู่เป่าเรียนหนังสือก็จะรู้เองแหละ!”

ซู่เป่าพยักหน้า เข้าใจแล้ว

เจ้าเด็กน้อยแอบจำคำว่า ‘เรียนหนังสือ’ อย่างเงียบๆ

ที่พี่อี้หรันเก่งขนาดนั้น ก็เป็นเพราะเรียนหนังสือ

แล้วก็พี่เหอเวิ่น อึสิบจินเป็นจำนวนเท่าไรเขาก็รู้...เพราะว่าเรียนหนังสือ

เรียนหนังสือช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!

ซู่เป่ายกมือขึ้น “งั้นซู่เป่าก็อยากเรียนหนังสือแล้ว!”

ชวีเสี่ยงพูดขึ้น “ได้เลย เดี๋ยวเราคุยกับลุงใหญ่ของหนูดีไหม”

ซู่เป่าพยักหน้า “อืมๆๆ!”

ซืออี้หรันเงียบไม่พูดอะไร เห็นซู่เป่ากินเค้กก้อนน้อยๆ ที่อยู่ในมือหมดแล้ว ก็รีบเดินไปทางโต๊ะวางน้ำชาและของว่างทันที

จุดประสงค์ของเขาชัดเจน หยิบเค้กก้อนน้อยๆ สองชิ้นแล้วกลับมาเลย

เค้กก้อนน้อยๆ ใหญ่แค่ครึ่งฝ่ามือของซู่เป่า ในชั่วพริบตาซู่เป่าก็กินไปแล้วห้าชิ้น ขณะนี้ถึงลูบท้องน้อยๆ แล้วพูดอย่างยังไม่หนำใจว่า

“อร่อยจริงๆ เลย ต่อไปซู่เป่าจะมาทำงานกับลุงใหญ่ทุกวันเลย!”

ชวีเสี่ยงพูดหยอกล้อว่า “เมื่อกี้ซู่เป่าบอกว่าอยากเรียนหนังสือไม่ใช่เหรอ”

ซู่เป่าอึ้ง บนใบหน้าน้อยๆ เต็มไปด้วยการครุ่นคิด

ใช่แล้ว ต้องไปโรงเรียนจะมาทำงานได้ยังไงกัน!

“งั้นวันจันทร์จนถึงวันศุกร์ก็ไปเรียนหนังสือ วันเสาร์กับวันอาทิตย์มาทำงานได้ไหมคะ” เจ้าเด็กน้อยครุ่นคิดอย่างตั้งใจ

ชวีเสี่ยงอดไม่ได้ที่จะขำ “ซู่เป่ามืออาชีพจริงๆ!”

ทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข

เห็นซู่เป่าอยู่ตรงนี้ พวกไฮโซคุณหญิงคุณนายบางกลุ่มก็ล้อมเข้ามา หยอกล้อซู่เป่า

“คุณหนูน้อยซู ทำไมหนูถึงมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ!”

“คุณหนูน้อยซูชอบกินเค้กสินะ!”

หนึ่งในไฮโซที่อยู่ในชุดเดรสเอวแคบบานปลายขาสีเทาเงิน ถามขึ้นอย่างจีบปากจีบคอ “สวัสดี เธอชื่ออะไรเหรอ!”

ซู่เป่าพูด “หนูชื่อซูจื่อซู่ ซู่เป่า”

สาวงามคนนั้นอึ้ง “ซูจื่อซูเหรอ”

ทำไมถึงมีคนตั้งชื่อว่าจื่อซูนะ...

แต่ไม่อยากใช้สายตาสงสัยอย่างหนึ่งมองเธอ จึงพูดขึ้นว่า “ชื่อซูจื่อซู่...เอ๊ะ พี่อี้หรัน คำว่าซู่พินอินเขียนยังไงเหรอ”

ใบหน้าน้อยๆ ของซืออี้หรันเย็นชา สอนเธอไปประโยคหนึ่ง

ซู่เป่ารีบหันหน้าไปแล้วพูดขึ้นว่า “ซืออู่ซู่ รู้หรือยัง พี่ก็ไม่เคยเรียนหนังสือใช่ไหม เพราะงั้นก็เลยไม่เข้าใจพินอิน”

เจ้าเด็กน้อยมองไปที่คุณน้าตรงหน้าด้วยสีหน้าเห็นใจ

โตขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเรียนหนังสือ น่าสงสารจับใจ

ไฮโซสาวอึ้ง เอามือปิดปากแล้วขำ จากนั้นก็พูดอีกว่า “ซู่เป่าหนูนี่น่ารักจริงๆ!”

แต่ไม่คิดว่าซู่เป่าจะถามขึ้นว่า “คุณน้าคะ ที่คอคุณน้ามีอะไรติดอยู่ใช่ไหมคะ! น้ากินอะไรแล้วกลืนไม่ลงเหรอ”

ไฮโซสาวอึ้ง “อะไร...”

ซู่เป่า “เสียงของคุณน้าแปลกมาก ไม่น่าฟังเลย คุณน้าป่วยหรือเปล่าคะ เพราะงั้นก็เลยพูดจาดีๆ ไม่ได้”

สีหน้าของเจ้าเด็กน้อยดูจริงจัง ถามถึงอาการป่วยจริงๆ แต่ไม่ได้ด่าว่าคนนั้นป่วยสมองกลับ

สีหน้าของไฮโซสาวอิหลักอิเหลื่อนิดหน่อย

คนที่อยู่รอบข้างกลับเงียบ คิดว่าซู่เป่าพูดถูกแล้ว!

ไฮโซสาวคนนี้ชื่อว่าโจวอวี่ ชอบพูดจาบีบเสียง ดัดจริต

บอกว่าเป็นไฮโซสาว แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอไปเบียดเข้าไปในแวดวงไฮโซสาวได้ยังไง

โจวอวี่เป็นเพียงนักแสดงไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง เป็นดาราเบอร์เล็กๆ คนแรกที่เซ็นสัญญากับถังหมิงเซิ่งซื่อ

ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้หญิงชั้นสูงในแวดวงที่มีชื่อเสียงจริงๆ จึงดูถูกโจวอวี่ กระทั่งพอเธออ้าปากก็คิดว่าเธอเสแสร้งจนน่าคลื่นไส้

ในขณะนี้เอง ซูลั่วที่อยู่ในชุดทักซิโด้สีเทาเงินก็เดินเข้ามา

ผมของเขาหวีตั้งขึ้นมา หวีจนเป็นทรงโมฮอก

เขายังคงสวมแว่นตากรอบทองที่ดูเป็นเอกลักษณ์ เสื้อเชิ้ตเป็นผ้าไหมอย่างดี ปลดกระดุมตรงปกเสื้อสองเม็ดอย่างสบายๆ เป็นอย่างมาก เข้าคู่กับสูทตัวนอกสีเทาเงินอันเปล่งประกาย...

ราวกับสารเลวคนหนึ่ง

ซู่เป่ารีบยัดเค้กที่เหลือเข้าปากในรวดเดียวทันที!

ซูลั่วหมดคำพูด ยักคิ้วแล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “จิ๊ ซู่เป่าของเรากำลังแอบกินอะไรน่ะ”

ซู่เป่าส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่ได้แอบกินซะหน่อย”

ซูลั่วยื่นนิ้วออกมา เช็ดครีมที่อยู่ข้างปากเธอออก “หึ...ยัยจอมซน ถูกเปิดโปงแล้ว”

ซู่เป่าเบิกตาโพลง เอ่อ เข้าใจผิดแล้วๆ

ต่อไปถ้าเธอแอบกินอีก ต้องอย่าลืมเช็ดปาก!

อืม!

อีกด้าน โจวอวี่ระงับอารมณ์และคำพูด ขยับเข้าไปใกล้ซูลั่วอีกหน่อยเงียบๆ

ชุดเดรสบนตัวเธอเองก็เป็นสีขาวเงินเช่นกัน เมื่อขยับเข้ามาใกล้แบบนี้ ดูแล้วราวกับว่าเป็นคู่รักของซูลั่วอย่างนั้น...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน