ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 60

โจวอวี่อดไม่ได้ที่จะแอบมองซูลั่ว ในใจเต้นตึกตักๆ

นักแสดงชายยอดเยี่ยมซูแสนหน้าเนื้อใจเสือ นิสัยแตกต่างจากภาพลักษณ์ ทั้งอันธพาลทั้งเลว

ยากจะทำให้คนใจไม่เต้นระรัว...

แต่โจวอวี่เพิ่งรู้ว่าซูลั่วเป็นหนึ่งในแปดลูกชายแห่งตระกูลซู ตระกูลซูเชียวนะ! นั่นเป็นตระกูลไฮโซที่แท้จริง!

ถ้าได้แต่งเข้าไป...

นัยน์ตาของโจวอวี่เป็นประกาย พูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวานว่า “คุณซูคะ ซู่เป่าเหมือนจะชอบกินเค้กมากๆ เลยนะคะ! ถ้างั้นฉันไปหยิบมาให้เธออีกสองชิ้นดีไหมคะ”

ซูลั่วยักคิ้ว พูดชืดๆ ว่า “ไม่ต้องแล้ว”

ขืนกินลงไปอีก หน้าท้องน้อยๆ คงได้แตกแน่

ซูลั่วอุ้มซู่เป่าขึ้นมา ยกมือขึ้นไปรับกระดาษทิชชู่เปียกในมือของชวีเสี่ยงมา เช็ดปากให้ซู่เป่าอย่างลวกๆ

“ยัยหน้ามอม แอบกินก็ต้องรู้จักเช็ดให้สะอาดด้วย เข้าใจไหม” เขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม จากนั้นก็ดีดจมูกของซู่เป่า

ซู่เป่าเอามือปิดจมูกโดยพลัน พูดขึ้นว่า “รู้แล้วน่า!”

โจวอวี่เห็นซูลั่วตามใจซู่เป่าขนาดนี้ จึงรีบแสดงท่าทีว่ารักเด็กเป็นอย่างมากออกมา

“ฮ่าๆ ซู่เป่าน่ารักจังเลย! มั่ว มาให้พี่กอดสักทีสิ!”

โจวอวี่ยื่นมือออกไป ยืมหวานๆ

คิ้วน้อยๆ ของซู่เป่าขมวดเป็นปมแน่น ถามขึ้นอย่างจริงจังว่า “คุณน้าคะ ในคอคุณน้ามีเสมหะติดอยู่ใช่ไหมคะ”

คนรอบข้างต่างตะลึง เห็นใบหน้าน้อยๆ ของซู่เป่าดูจริงจัง ไม่นานก็หัวเราะเบาๆ ออกมา

สีหน้าของโจวอวี่สั่นเครือ หัวเราะแล้วพูดว่า “นี่ ซู่เป่าหนูนี่แกล้งคนเก่งจังเลยนะ!”

ซู่เป่าพยักหน้า เข้าใจแล้ว “งั้นก็มีรองเท้าแตะติดอยู่ข้างหนึ่ง”

โจวอวี่ “…”

อีกด้าน ซืออี้หรันพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “นี่เรียกว่าแกล้งทำ”

ซูลั่วแสยะยิ้ม ชำเลืองมองซืออี้หรันทีหนึ่ง แล้วพูดต่อขึ้นว่า “เข้าใจแล้ว อืม”

น้ำเสียงของเขาแข็งทื่อ เลวมากแค่ไหนก็ยั่วคนมากเท่านั้น

ซู่เป่าหยักหน้าอย่างแรง “อืมๆ ! เข้าใจแล้ว”

สีหน้าของโจวอวี่เขียวป่นแดงไปชั่วขณะ ทันใดนั้นน้ำตาก็คลอเบ้า

“คุณซูคะ...”

โจวอวี่น้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก ดูท่าทางน้ำตาใกล้จะไหลพรากลงมาแล้ว อธิบายอย่างอ่อนแรงว่า “ฉันไม่ใช่...”

แต่ซูลั่วไม่เห็นเธออยู่ในสายตาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาอุ้มซู่เป่าแล้วออกไปเลย

คนรอบๆ ต่างหัวเราะเยาะ “ไอ้หยา เด็กน้อยนี่ก็จริงๆ เลย พูดความจริงอะไรกัน!”

“คุณชายน้อยซือเขาก็พูดไม่ผิดนะ ฉันรู้สึกมาตลอดว่าบางคนก็ช่างน่าคลื่นไส้จริงๆ”

“โตขนาดนี้แล้วยังบีบเสียงพูดอย่างกับเด็ก เสแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา ยัยที่หนีบเส็งเคร็ง”

โจวอวี่ส่ายหน้า น้ำตาก็ไหลพรากลงมาตามการส่ายหน้าของเธอ “ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะ เสียงของฉันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”

พอร้องไห้ขึ้นมา เสียงนั้นก็ราวกับยิ่งอู้อี้ขึ้นไปอีกอย่างนั้น กลายเป็นว่าจะยิ่งดูแกล้งทำจนสุดขีดไปอีก

ทุกคนต่างเดินไปอย่างไร้คำพูด

พวกเขาไม่ได้ทำสีหน้าดีอะไรใส่โจวอวี่ ถ้าไม่ใช่เพราะโจวอวี่เป็นดาราในสังกัดถังหมิงเซิ่งซื่อ วันนี้ก็คงไม่มีคุณสมบัติจะมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ

เดิมทีพวกเขามาหาซู่เป่า ต่างมีคำที่คับแค้นใจอยู่ อย่างเช่นอยากถามว่าช่วงนี้ตัวเองราบรื่นไหม เมื่อไรจะรวย ดวงชะตาดีไหม...

สุดท้ายกลับไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกโจวอวี่ทำพังหมดแล้ว

ซูลั่วพาซู่เป่าเดินไปที่สวนดอกไม้หลังที่จัดงาน ที่นี่คนเยอะเกินไป เสียงดัง

เดินไปได้ครู่หนึ่งไม่นานเขาก็พบความผิดปกติ พอหันกลับไป พบว่าซืออี้หรันกำลังเดินตามอย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง

ซูลั่วเลิกคิ้ว “ตามพวกเรามาทำไม”

ใบหน้าน้อยๆ ของซืออี้หรันดูเคร่งขรึม พูดขึ้นว่า “พ่อผมให้ผมดูแลเธอให้ดี”

ซูลั่วหรี่ตา หันหน้าเดินไปทางข้างหน้า “แบบนี้นี่เอง...”

คุณชายน้อยแห่งตระกูลซือ คงไม่น่าจะเชื่อฟังขนาดนั้น

แม้จะไม่ค่อยได้เจอเท่าไร แต่ก็ได้ยินว่านิสัยของเขาเหมือนพ่อของเขามาก กระทั่งเย็นชากว่าพ่อของเขาเสียด้วยซ้ำ

เรื่องที่ไม่ยอมทำ ไม่มีใครไปบังคับเขาได้ทั้งนั้น

ฉะนั้นที่เขาตามซู่เป่ามา คือเรื่องที่ยอมทำงั้นเหรอ

เอ่อ แปลกจัง!

เด็กคนนี้ ระมัดระวังตั้งแต่เด็ก!

ซูลั่วนั่งบนม้านั่งยาวตัวหนึ่ง ซู่เป่าก็นั่งข้างๆ เขา

นักแสดงชายยอดเยี่ยมซูจ้องซู่เป่า แล้วถามขึ้นว่า “ซู่เป่า เธอรู้ได้ยังไงว่าสิบโมงสิบแปดนาทีจะมีแสงอันเป็นมงคล”

แม้ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นหลังเวทีเขาจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ต่อมาก็ได้สอบถามพนักงาน จึงได้รู้ต้นสายปลายเหตุ

ใครจะไปรู้ตอนที่เขาเพิ่งเห็นแสงอันเป็นมงคลลำนั้น เขาประหลาดใจแค่ไหน!

ซู่เป่ากำลังเปิดกระเป๋า ดูเจ้าเต่าแกด้านใน

พลางพูดขึ้นว่า “ซู่เป่าทำนายเอาน่ะสิ!”

ซูลั่วเกิดความสนใจ พิงอยู่บนพนักของม้านั่งแล้วเอามือเท้าหน้า “เธอทำนายได้ยังไง”

ทันใดนั้นซู่เป่าก็หยิบเจ้าเต่าแก่ออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ทำนายแบบนี้”

พูดจบก็วางเต่าไว้บนพื้น พอหันมา!

เจ้าเต่า พดเนกด....

ซูลั่วตกใจจนพูดไม่ออก เจ้าเด็กน้อยคนนี้ พกเจ้าเต่าแก่ที่บ้านมาด้วยจริงๆ

ใส่ไว้ในกระเป๋า และไม่กลัวว่าจะหายใจไม่ออก

ซูลั่วมองใบหน้าเล็กๆ ของซู่เป่าที่เต็มไปด้วยความจริงจัง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ซู่เป่าทำนายออกมาได้ว่าอะไร”

ซู่เป่าชูนิ้วชี้ขึ้น พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ลุงสี่ ลุงจะมีโชคเรื่องความรักนะ! ช่วงนี้ออกจากบ้านต้องระวังตัวหน่อยนะ!”

ซูลั่ว “…”

พูดจบซู่เป่าก็นับนิ้วอีก “ลุงสี่จะถูกปีศาจจัดการ”

ซูลั่วอึ้ง “ปีศาจอะไรเหรอ”

ซู่เป่า “ปีศาจน้อยที่ทรมานคน”

ซูลั่ว “…”

เขาขำขึ้นมาเบาๆ รอยยิ้มแผ่กระจาย ไหล่ขยับเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

“หึ...พูดจาเลอะเทอะไปเรื่อย”

โชคเรื่องความรัก มิหนำซ้ำยังถูกจัดการอีก

ขี้นกตกลงมาทับหัวเขาจนแบะก็เป็นไปได้ แต่โชคเรื่องความรัก เป็นไปไม่ได้!

ซูลั่วยกมือขึ้น แกะผมอันแสนยุ่งเหยิงของซู่เป่าออก พูดอย่างไม่แยแสว่า “งั้นก็ลำบากแล้วจริงๆ”

ซู่เป่าพยักหน้า “อืม! ลำบากมากๆๆ ลุงสี่น่าอนาถมากๆ”

ซูลั่ว “…”

เหอะ ยิ่งพูดก็ยิ่งไร้เหตุผล

นิ้วอันแสนเรียวยาวของซูลั่วจับผมของซู่เป่าขึ้นมา ถักเปียอย่างชำนาญ

ถึงยังไงเป็นถึงนักแสดงชายยอดเยี่ยม ย่อมต้องใส่ใจตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ช่วยซู่เป่าสางผมอย่างสบายๆ

ไม่นานนัก ผมอันแสนยุ่งเหยิงของซู่เป่าก็กลายเป็นเปียก้างปลาอันแสนน่ารักสองอัน แม้จะไม่ได้ใช้หวีหวีให้เรียบขนาดนั้น แต่ก็ดูยิ่งเป็นธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด

“สวยมาก” ซูลั่วชม

ซู่เป่ายิ้มเหอะๆ “ขอบคุณค่ะลุงสี่!”

ซืออี้หรันชำเลืองมองซู่เป่าอย่าง ‘ไม่แยแส’ ทีหนึ่ง เห็นเพียงแต่ดวงตาของเธอหยี ยิ้มทีหนึ่ง เผยให้เห็นลักยิ้มตื้นๆ สองข้าง

น่ารักสุดๆ ไปเลย

ซืออี้หรันชักสายตากลับ มองไปที่นิ้วเท้าของตัวเอง

ซูลั่วกำลังพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเสียงแชะๆ ก็ดังขึ้นมา

ซูลั่วมีความรู้สึกไวต่อกล้องเป็นอย่างมาก ไม่นานก็พบนักข่าวที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ

ทันใดนั้นดวงตาของนักข่าวคู่นั้นก็ดึงดูดราวกับหลอดไฟอย่างนั้น สว่างเสียจนไม่ไหว!

ชายหนุ่มที่ราวกับตัวร้ายคนหนึ่ง แต่กลับมุ่งมั่นถักเปียให้กับเจ้าเด็กน้อยคนหนึ่ง...

ภาพนี้ มีพลังการโจมตีเสียจริง!

ซูลั่วชักสายตากลับ และไม่สนใจ

องค์หญิงน้อยที่ตระกูลซูทะนุถนอมเป็นที่สุด ทั้งโลกควรได้รับรู้

ให้ดูออกหน้าออกตาขนาดนี้ไปเลย!

พวกเขาอยากให้ซู่เป่ามีชีวิตเป็นเป้าที่ทุกคนต่างต้องอิจฉา...องค์หญิงน้อยของพวกเขา ไม่ว่ายังไงก็จะเป็นองค์หญิงของพวกเขาตลอดไป

เห็นซูลั่วไม่ตอบสนอง ทันใดนั้นพวกนักข่าวจึงกระวนกระวาย

“คุณซูคะ มองทางนี้หน่อยค่ะ!”

“คุณซู นี่คือหลานสาวของคุณใช่ไหมคะ น่ารักจังเลย!”

“หนูซู่เป่า ยิ้มหน่อย!”

ซูลั่วพาดมือบนไหล่ของซู่เป่า ยิ้มกับกล้องอย่างลวกๆ

เดิมทีเขาเกลียดการถ่ายรูปเป็นที่สุด

แต่ถ้าอยู่กับเจ้าเด็กน้อย ความฝืนใจนั้นก็ยังพอรับได้!

กำลังคิด ทันใดนั้นซูลั่วก็เห็นเงาสีเทาเงินเงาหนึ่งเดินเข้ามาในสวนดอกไม้...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน