ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 61

สายตาของโจวอวี่สบกับสายตาของซูลั่ว ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย

“คุณซูคะ!”

ซูลั่วไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ถึงนึกถึงคำพูดของซู่เป่าเมื่อครู่ ในใจก็เศร้าสร้อยอย่างไม่มีเหตุผล!

ถ้าดวงความรักของเขาคือโจวอวี่ ฉันจะฆ่าคนเสียคืนนี้เลย!

ซูลั่วไม่พูดไม่จา มองโจวอวี่ที่เดินผ่านไปอย่างสีหน้าไร้อารมณ์

โจวอวี่อยู่ในชุดเดรสสีเทาเงิน เหมือนสีของทักซิโด้ของเขาเป๊ะ

โจวอวี่มายืนอยู่ข้างๆ ซูลั่ว บวกกับซู่เป่า ราวกับครอบครัวสามคนอย่างนั้น

นักข่าวจมูกไว รีบถ่ายภาพแชะๆ ทันที

ถ้าปล่อยภาพนี้ออกไป คงได้มีหัวข้อสนทนาของอาทิตย์ถัดไปแน่!

โจวอวี่เงยหน้าขึ้น ขนตายังมีน้ำตาเกาะอยู่ ใบหน้าดูจริงใจ

“คุณซูคะ เมื่อกี้ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ ถ้ามีละก็ งั้นฉันก็ต้องขอโทษคุณซูด้วยนะคะ...”

ซูลั่วแสยะยิ้มมุมปาก แต่นัยน์ตากลับไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย

“เฮ้อ...ไม่มีใครบอกเหรอว่าคุณน่ารำคาญมาก” เขาก้มเล็กน้อย ดวงตาเผยการเหน็บแนมออกมานิดหน่อย

สีหน้าของโจวอวี่สั่นเครือ!

“ฉัน...” เธอกัดริมฝีปาก “เป็นเพราะเสียงของฉันเหรอคะ คุณซูคะ นี่เป็นเสียงจริงๆ ของฉัน ถ้าคุณไม่ชอบ วันนี้ฉันจะเริ่มซ้อมเสียง... ”

ซูลั่วหัวเราะเยาะอย่างไม่ออกความเห็น

ซู่เป่ากระพริบตา มองนี่ทีมองนั่นที ทำท่าราวกับคิดอะไรอยู่

เธอพาดตัวบนไหล่ของซูลั่ว ถามซืออี้หรันที่อยู่อีกฝั่งอย่างกระซิบกระซาบ

“พี่อี้หรันคะ นี่เรียกว่าผีตามหลอกหลอนใช่ไหม!”

ซืออี้หรัน “อืม”

ซู่เป่าหยักหน้า ได้เรียนรู้อีกแล้ว

“คุณน้า คุณน้านี่ช่างเป็นผีตามหลอกหลอนจริงๆ” เธอเรียนรู้เดี๋ยวนั้นและใช้เดี๋ยวนั้นเลย

โจวอวี่กัดริมฝีปาก กระซิกๆๆ “ซู่เป่า ว่าพี่แบบนี้ไม่ได้นะ...”

อันที่จริงโจวอวี่เองก็รู้ว่าตัวเองถูกรังเกียจ แต่ที่เธอยืนอยู่ตรงนี้อย่างผีตามหลอกตามหลอนก็เพราะอยากสร้างกระแส

นักข่าวตรงหน้ายังคงถ่ายภาพแชะๆ เธอทนอีกหน่อยก็พอ...

รอรูปปล่อยออกไป มีประเด็นกับนักแสดงชายยอดเยี่ยมซู เธอต้องดังอย่างรวดเร็วแน่ๆ!

ขอแค่มีประเด็นมีกระแส ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่เป็นไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าคนที่ตกเป็นข่าวด้วยคือซูลั่ว!

เธอยอม!

มัดใจคุณหนูผู้สูงส่งตระกูลซูอีก เธอก็ยิ่งไม่บินไม่ได้!

แต่ทว่าวินาทีต่อมา กลับได้ยินซูลั่วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “รูปที่พวกคุณถ่ายไปวันนี้ ถ้าปล่อยออกไปแม้แต่รูปเดียว...”

ซูลั่วมองไปรอบๆ แบบไม่เจาะจง หน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม ยกมือดันแว่นตากรอบทอง

ทันใดนั้นเหล่านักข่าวก็รู้สึกว่าข้างหลังเย็นวาบๆ จึงรีบพูดขึ้นว่า “ได้ครับคุณซู!”

“งั้นคุณซูครับ รูปคุณกับคุณหนูซู่เป่าเมื่อกี้ล่ะได้ไหมครับ...”

มีคนจี้ถามอย่างไม่ยอมแพ้

ซูลั่วยิ้มอย่างงดงาม “รูปนี้ได้”

เหล่านักข่าวเข้าใจในทันที สายตาที่มองไปทางโจวอวี่แปลกๆ เล็กน้อย

นักแสดงยอดเยี่ยมซูไม่เคยมีข่าวซุบซิบกับดาราสาวคนไหนมาก่อนเลยจริงๆ แต่กิจกรรมประเภทเดินพรมแดง งานโปรโมตภาพยนตร์หรือละคร เขาจะไม่ปฏิเสธร่วมถ่ายภาพกับนักแสดงหญิง

กระทั่งมีนักแสดงหญิงจับมือของเขา เขาก็ให้จับอย่างใจกว้าง

ตอนนี้ ต้องรังเกียจโจวอวี่ขนาดไหน...

“เหอะๆ” ในแววตาของเหล่านักข่าวต่างมีความครุ่นคิด

โจวอวี่รู้สึกเหมือนหน้าของตัวเองราวกับถูกกดให้ถูไปกับพื้น เจ็บเป็นอย่างมาก...

ซูลั่วไม่รอให้โจวอวี่พูดอะไรอีก หันหน้าแล้วเดินออกไปเลย

ตอนแรกอยากจะพักผ่อน แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ใดๆ แล้ว

ซูลั่วยกมือขึ้นลูบศีรษะของซืออี้หรัน แล้วพูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะ”

ผมที่หวีจนเรียบแปล้ของซืออี้หรัน ถูกทำให้ยุ่งเหยิงในทันใด...

ใบหน้าของเขาบูดบึ้ง เดินตามอยู่ข้างหลัง

ซู่เป่าพาดตัวอยู่บนไหล่ของซูลั่วหัวเราะเหอะๆ “พี่อี้หรัน ผมของพี่เหมือนรังนกเลย”

ซืออี้หรัน “...”

เมื่อนักข่าวเห็นภาพนี้ จึงรีบคว้ากล้องขึ้นมา!

ข่าวซุบซิบเรื่องความรักของดาราชายยอดเยี่ยมซูไม่มีแล้ว

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลซูกับตระกูลซือสามารถเล่นข่าวได้ ถ้าสองตระกูลนี้จับมือร่วมงานกันจริงๆ อย่างนั้นแวดวงธุรกิจของเมืองหลวงก็ต้องสั่นสะเทือน...

ซูลั่วกับซู่เป่ากลับมาในงานแล้ว

สองลุงหลานต่างนั่งบนโซฟา นอนเอกเขนก

ในความนักเลงของซูลั่วมีความสง่างามอยู่นิดหน่อย แม้จะเป็นการเอนตัวพิงพนัก แต่ขายาวๆ นั่งไขว่ห้าง มีท่วงท่าอีกแบบที่อธิบายไม่ถูก

ซู่เป่าเหมือนเป็นอัมพาตไปแล้ว นั่งนิ่งกลมเป็นก้อนแป้ง

เธอลูบท้องน้อยๆ ของตัวเอง พูดกับท้องน้อยๆ ว่า “เป็นเด็กดีนะ ลุงสี่ไม่ให้เธอกินเค้กนี่ เราจะทำอะไรได้”

“โอ๋ๆๆ ! ลูกอมก็ไม่ให้กิน! เครื่องดื่มก็ยังไม่ได้ดื่มเลยสักอึก น่าเวทนาจริงๆ เลย”

ลุงสี่ซูลั่ว “...”

ลูกไม้เยอะจริงๆ เลย

คนโตหนึ่งคน คนเล็กหนึ่งคนยังไม่ทันได้เงียบสักชั่วครู่ ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาสนิท

ท่าทีดูกระตือรือร้น พุดฉอดๆ ไม่หยุด

“คุณหนูซู่เป่า หนูช่วยฉันทำนายหน่อยสิ ภรรยาของฉันจะคลอดเมื่อไรเหรอ เป็นเด็กผู้ชายหรือว่าเด็กผู้หญิง”

“ซู่เป่าๆ ช่วยพี่ทำนายหน่อยได้ไหมจ๊ะ เมื่อไรพี่จะรวย”

“คุณหนูน้อยซู…”

ซ้ายก็คุณหนูซู่เป่า ขวาก็คุณหนูน้อยซู

ซูลั่วถูกเสียงดังใส่จนไม่ไหว แต่ก็ไม่มีที่ให้ไปแล้ว วันนี้เขารับผิดชอบเป็นบอดี้การ์ดคนหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้จึงทำได้เพียงหลับตาพักสมอง ทำเป็นว่าไม่ได้ยินเสียงเจ๊าะแจ๊ะจอแจรอบข้าง

ในเสียงอันวุ่นวายนั้น ได้ยินเสียงไร้เดียงสาของซู่เป่าอยู่เป็นครั้งคราว

“คุณยายคะ อีกสามวันหลานของคุณยายจะตกฟากแล้วนะ!”

ผู้หญิงมีอายุเล็กน้อยคนหนึ่งตกใจ โพล่งออกมาตามสัญชาตญาณว่า “ไร้สาระ! หลานสะใภ้ฉันเพิ่งจะท้องได้แปดเดือนเอง”

ยังเร็วเกินไปจากวันครบกำหนดคลอด!

หญิงมีอายุผิดหวังนิดหน่อย นี่มันต่างกันเกินไป ตอนแรกเธอคิดว่าซู่เป่ามีความสามารถจริงๆเสียอีก บอกว่าครึ่งเดือนเธอยังจะเชื่อเลย!

หญิงมีอายุอดไม่ได้ที่จะพึมพำต่อว่า “หลานสะใภ้ฉันอย่างน้อยที่สุดก็อีกหนึ่งเดือนถึงจะคลอด จริงๆ เลย...ไม่แม่นเลยสักนิด”

ยังอีกตั้งสองเดือน นอกเสียจากว่าหลานสะใภ้จะมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเขา อย่างเช่นไปท้องกับคนอื่นมา…

ซู่เป่าส่ายหน้า ท่านอาจารย์บอกไว้แล้ว เรื่องการทำนาย คนเชื่อก็เชื่อไป ถ้าไม่เชื่อก็อย่าเปลืองเวลากันแบบนี้เลย

หญิงมีอายุเบะปากเดินออกไป

เหล่าคนที่อยู่ข้างๆ ยังคงจี้ถามต่อ ซู่เป่าเองก็อธิบายไปต่อตัวตัว

“อ๋อ พี่สาวอยากรวยเหรอ เป็นแบบไหนถึงจะนับว่ารายเหรอ”

หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “มีเงินในชั่วข้ามคืน! มีเงินเยอะมากๆ มีเงินเยอะกว่าประธานซู!”

เธอเบือนหน้าไปมองซูอีเฉินที่อยู่ไม่ไกลอย่างเคารพทีหนึ่ง

แต่เมื่อได้ฟังคำพูดที่ไร้เดียงสาแต่กลับเคร่งขรึมของซู่เป่าที่ว่า “งั้นพี่สาว พี่ก็ทำได้แค่ฝันแล้วละ”

เป็นไปไม่ได้ที่จะจะมีเงินเยอะกว่าลุงใหญ่ของเธอ ลุงใหญ่ของเธอเก่งกาจสุดๆ ไปเลย

พี่สาว “...” หึ ไม่แม่น ไม่แม่นเลยสักนิด!

มีคนถามซู่เป่าอย่างไม่หยุด

คนที่ได้รับลางที่ดีใบหน้าเต็มไปด้วยความยิ้มแย้ม คนที่ได้รับผลไม่ดีก็คิดว่าพูดเรื่อยเปื่อย “ไม่แม่นเลยสักนิด ต้องสร้างกระแสออกมาแน่ๆ”

ซูลั่วกอดอก หัวเราะเยาะทีหนึ่ง “ความงมงายสไตล์สมัยใหม่”

ซู่เป่าเงยหน้า ถามอย่างสงสัย “อะไรที่เรียกว่างมงายสไตล์สมัยใหม่เหรอคะ”

ใบหน้าน้อยๆ ของซืออี้หรันเคร่งขรึม ทั้งสองมือวางไว้บนเข่าอย่างเรียบร้อย เม้มปากแล้วพูดขึ้นว่า

“งมงายสมัยใหม่ ก็อย่างเช่นฝันร้าย ตื่นขึ้นมาก็ปลอบตัวเองว่า ฝันร้ายจะกลายเป็นดี! แต่ถ้าฝันดีก็คิดว่า ฉันจะมีโชคแล้ว!”

“ตาขวากระตุกจะมีเรื่องร้าย ตาซ้ายกระตุกจะมีเรื่องดี ตอนที่ตาซ้ายกระตุกคนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่า จะมีเรื่องดีเกิดขึ้น แต่พอตาขวากระตุกก็จะปลอบตัวเองอีกว่า ช่วงนี้ฉันก็แค่เหนื่อยเกินไป หนังตาก็เลยกระตุก”

“นี่ก็คือความงมงายสไตล์สมัยใหม่”

ซู่เป่า “…”

ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมา ตาทั้งสองข้างมองซืออี้หรันด้วยความแวววาว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน