ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 62

เห็นซู่เป่าใช้ดวงตากลมโตมองตัวเองปิ๊งๆ

กระดูกสันหลังของซืออี้หรันสั่นเครือ เม้มปากแล้วพูดว่า “มีอะไรเหรอ”

ซู่เป่านับนิ้ว “ว้าว พี่อี้หรัน นี่เป็นครั้งแรกที่พี่พูดเยอะที่สุดเลย! เก่งมากๆ!”

เธอยังคิดว่าแต่ละครั้งเขาจะพูดได้เพียงแค่ห้าคำ!

ซืออี้หรัน “…”

เขานึกว่า เธอจะชมที่เขาเข้าใจอะไรมากมาย...

ซูลั่วราวกับจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เปลี่ยนเป็นท่าทางที่สบายยิ่งขึ้น เท้าคางมองไปที่เด็กน้อยทั้งสองคน

เด็กน้อยนะเด็กน้อย ช่างไร้เดียงสาเสียจริง

จุดโฟกัสดูแปลกๆ

พิธีเข้าตลาดหุ้นของถังหมิงเซิ่งซื่อจบลง เนื่องจากซู่เป่ากินจนอิ่มเกินไป...

จึงผล็อยหลับไป

ซูลั่วอุ้มเธออย่างระวัง ซูอีเฉินเดินมา ถอดสูทด้านนอกออกแล้วคลุมบนตัวเธอ

ชายหนุ่มดุจเทพเจ้าสองคน กำลังปกป้องร่างน้อยๆ ผ่านพรมแดงที่เต็มไปด้วยกล้อง หลังจากทักทายกับซือเย่ก็ขึ้นรถและจากไป

ซืออี้หรันยืนอยู่ที่ประตูของงาน มองรถของตระกูลซือค่อยๆ ขับออกไปอย่างเงียบๆ

ซือเย่พูดขึ้น “ไปกันเถอะ!”

ซืออี้หรันตอบอืมเสียงหนึ่ง สุดท้ายมองเงารถของตระกูลซูทีหนึ่ง

ถ้าครั้งหน้าได้เจอกันอีก เขาจะพกลูกอมมาให้เธอสองเม็ด

ที่ต้องเอามาสองเม็ดเพราะว่าเธอชอบกิน

ที่ไม่ให้เพิ่มอีกเม็ด เป็นเพราะกลัวว่าเธอจะฟันผุ...

ข้างรถของตระกูลซือ มีชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ยคนหนึ่งยืนอยู่ ส่งซือเย่กลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

คนคนนี้สูงราวหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร กระดุมรั้งพุงอันอุดมสมบูรณ์ของเขาได้อย่างลำบาก ราวกับอีกสิบห้านาทีต่อมาจะกระเด็นออกไปดังปังอย่างนั้น

นี่คือเจ้าของถังหมิงเซิ่งซื่อ ถังเถียนเถียน

แม่ของถังเถียนเถียนคลอดฝาแฝดติดกันสองคู่ ล้วนเป็นผู้ชายทั้งหมด เมื่อตั้งครรภ์ท้องที่สามจึงหวังว่าจะคลอดออกมาเป็นลูกสาว ดังนั้นเพื่อความโชคดี จึงตั้งชื่อลูกในท้องว่าถังเถียนเถียน (*ตรงนี้แปลว่าหวานนิยมตั้งชื่อลูกผู้หญิง)

คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่คลอดออกมาจะเป็นถังเถียนเถียน

คุณแม่ตระกูลถังท้อแท้ใจ แม้แต่ชื่อก็ขี้เกียจจะคิดใหม่ จึงเลยตามเลยให้ชื่อถังเถียนเถียน

เมื่อส่งตระกูลซูกับตระกูลซือเสร็จ กระดูกสันหลังของถังเถียนเถียนที่ตึงก็ได้ผ่อนคลายลง

“บรรพบุรุษตัวน้อยตระกูลซู...” สายตาของถังเถียนเถียนดูสงสัย “นั่นมันบรรพบุรุษตัวน้อยจริงๆ!”

แม่ของเขาป่วย ป่วยด้วยโรคแปลกประหลาด ถังเถียนเถียนได้ยินเรื่องที่ซู่เป่าช่วยชีวิตคุณชายน้อยซือกลับมา และได้เห็นแสงอันเป็นมงคลเมื่อครู่อีก

ไม่รู้ว่าเขาจะมีโอกาสนี้ไหม เชิญบรรพบุรุษตัวน้อยมาดูอาการให้แม่ของเขา...

ถังเถียนเถียนเดินเข้าไปข้างในพลางกำชับกับผู้ช่วยข้างๆ

“จำไว้นะ ต่อไปขอแค่คุณหนูน้อยซูมา ไม่ต้องขออนุญาตไม่ต้องรายงาน แล้วเชิญเชฟขนมหวานที่ดีที่สุดของเสิ่งเฉิงมาทำเค้กให้คุณหนูตัวน้อยกินถึงที่เลย”

“คุณหนูตัวน้อยกินหวานเกินไปไม่ได้ ไม่ชอบรสช็อกโกแลต ชอบเค้กผลไม้ ชอบลูกอมผลไม้ เขียนสิ่งเหล่านี้ลงไปในคู่มือพนักงานด้วย”

ผู้ช่วย “???”

คู่มือพนักงาน ทำไมต้องเขียนของพรรค์นี้ด้วย...

ซู่เป่าเคลิ้มอยู่ในความฝัน รู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองตัวเองอยู่

เธอเบือนหน้าไป แต่กลับเห็นนายหญิงคนหนึ่งอยู่ในชุดสมัยราชวงศ์ถังสีเขียวยืนอยู่ตรงหน้า จ้องเธอตาเขม็ง

ซู่เป่าตกใจกลัว ลืมตาขึ้นอย่างแรง

จี้ฉางที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจ จึงถามขึ้นว่า “เป็นอะไรหรือ”

สายตาของซู่เป่ายังมีความตกใจหลงเหลืออยู่ จึงพูดขึ้นว่า “อาจารย์ หนูฝันเห็นยายคนหนึ่ง”

จี้ฉางอึ้ง ถามขึ้นว่า “ยายหน้าตาเป็นอย่างไรหรือ”

ซู่เป่ายกมือขึ้นมาทำท่าทาง “ตาของเธอเว้าลงไป แก้มเองก็บุ๋มลงไป ดวงตาตรงนี้เป็นสีเขียว...”

“เจ้าเคยเห็นนางมาก่อนหรือไม่” จี้ฉางถาม

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่เคย”

จี้ฉางหรี่ตา เนื้อหนังและกระดูกยุบ ตาเขียว ราวกับคนตาย

ที่สำคัญคือ ซู่เป่าไม่เคยเห็นเธอมาก่อน

ครั้งก่อนที่ซู่เป่าฝันเห็นซืออี้หรัน ก็เป็นเพราะเธอเคยเห็นซืออี้หรันในชีวิตจริงมาก่อน

ตอนนี้ผีที่บุกเข้ามาในฝันของเธอ แต่เธอกลับไม่เคยเห็นมาก่อน

นี่หมายความว่า เริ่มมีผีมาหาซู่เป่าแล้ว...

สีหน้าของจี้ฉางยิ่งมีความเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ เขาถามขึ้นว่า “เป๋าน้อย เจ้ายังฝันถึงสิ่งอื่นด้วยหรือไม่”

ซู่เป่าส่ายหน้า ถามอย่างสงสัย “อาจารย์ มีอะไรเหรอ”

สีหน้าของอาจารย์ ราวกับมีความเคร่งเครียดเล็กน้อย

จี้ฉางพูดขึ้นว่า “เป๋าน้อย ต่อไปฝันถึงอะไรก็ต้องบอกอาจารย์เข้าใจหรือไม่”

สีหน้าของเขาซับซ้อน ถามขึ้นว่า “เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดอาจารย์จึงมาอยู่ข้างกายเจ้า”

ซู่เป่าที่เพิ่งตื่นมีความสะลึมสะลือเล็กน้อย เธอขยี้ตาแล้วพูดว่า “รู้สิ! อาจารย์ท่านกำลังสอนซู่เป่าอยู่ใช่ไหม แม่เป็นคนให้อาจารย์มา...”

คำพูดที่อาจารย์พูดไว้ก่อนหน้านี้ เธอยังจำได้ดี!

จี้ฉางเงียบไปชั่วครู่

ทีแรกคิดว่าที่เขาเจอกับซูจิ่นอวี้เป็นเรื่องบังเอิญ และรับปากกับเธอว่าจะปกป้องซู่เป่าเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง

ต่อมาจึงได้พบว่า ชะตาของซู่เป่าไม่มีอะไรปกป้อง ต้องทำบุญกุศลเพื่อต่อชีวิต

มาวันนี้อีก...

จี้ฉางเปิดตำราของตนเองเล่มนั้น เห็นเพียงแต่ใต้ชื่อของซู่เป่าปรากฏหมายเหตุสีแดงมาบรรทัดหนึ่ง

(ถ้านางทำให้คนตายตอนยามสาม ห้ามไว้ชีวิตคนเกินยามห้า)

เก่งแบบนี้ ราวกับว่าจะมีแค่ยมบาลใช่ไหม

จี้ฉางกระวนกระวายใจ

ตอนแรกที่เขาพบกับซูจิ่นอวี้ที่กำลังจะตายเป็นเพียง ‘ความบังเอิญ’ จริงๆ จึงมาอยู่ข้างกายซู่เป่าอย่างถูกจังหวะ

“เป๋าน้อย ยังจำน้ำเต้าวิญญาณที่อาจารย์ให้เจ้าได้หรือไม่”

ซู่เป่ายกมือขึ้น

แขนเล็กๆ ที่ขาวราวกับรากบัว สวมด้ายแดงเส้นหนึ่งเอาไว้ที่ข้อมือ บนด้ายผูกน้ำเต้าลูกน้อยๆ ห้อยไว้ลูกหนึ่ง

“อยู่นี่ไง!” ซู่เป่าพูด

จี้ฉางยกมือขึ้น ปลายนิ้วสัมผัสน้ำเต้าวิญญาณเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้อาจารย์ไม่เคยบอกเจ้า น้ำเต้าวิญญาณลูกนี้ต้องเติมมันให้เต็ม”

“หากเติมไม่เต็ม ซู่เป่าอาจจะจากไปได้...”

ความสัปหงกของซู่เป่าหายไปในชั่วพริบตา เธอเบิกตาโพลงแล้วถามขึ้นว่า “ไปไหนเหรอ”

เธอเพิ่งจะได้รู้จักลุง คุณยายแล้วก็คุณตา...ซู่เป่าไม่อยากจากไป

จี้ฉางพูดขึ้นว่า “ไปในที่ที่ไกลแสนไกล และกลับมาไม่ได้อีก”

ซู่เป่าเม้มปาก ทันใดนั้นก็ปีนขึ้นมา วิ่งไปทางห้องน้ำตึงๆๆ

เธอเปิดก๊อกน้ำ เติมน้ำไปในน้ำเต้าวิญญาณ

น้ำเต้าวิญญาณเพิ่งจะมีขนาดเท่าเล็บมือ ก๊อกน้ำซ่าๆๆ กรอกน้ำลงไปในปากน้ำเต้า แต่ราวกับกรอกเข้าไปไม่ได้เลย

จี้ฉางยิ้มมุมปาก

“เป๋าน้อย...” เขาลูบหน้าผากแล้วพูดขึ้นว่า “ที่น้ำเต้าวิญญาณเรียกว่าน้ำเต้าวิญญาณ เป็นเพราะมันใส่เฉพาะวิญญาณอย่างไรเล่า”

ซู่เป่าตอบ ‘ห๊ะ’ เสียงหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “งั้นทำยังไงดี”

จี้ฉางพูดขึ้น “ใส่วิญญาณ ใส่จนเต็มก็ได้แล้ว”

จี้ฉางพลิกหน้าตำรา ดูไปด้วยพลางพูดไปด้วย

“หากใส่วิญญาณเร่ร่อน ต้องใส่ให้ได้ร้อยดวง”

“หากใส่ผีตายโหง ต้องใส่ให้ได้สี่สิบเก้าดวง”

“ใส่ผีร้ายก็เก่งกาจแล้ว เพียงใส่ให้ได้สิบแปดดวง”

ซู่เป่าพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”

เธอขยับปากน้ำเต้ามาดูทีหนึ่ง แล้วถามขึ้นว่า “อาจารย์ น้าสาวขี้เหร่ที่อยู่ในน้ำเต้าเต็มน้ำเต้าหรือยัง”

จี้ฉางหัวเราะเยาะ “นั่นยังอีกไกลเลย”

ใบหน้าของซู่เป่าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “น้าสาวขี้เหร่นี่ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ”

ตอนลอยออกมาตัวใหญ่เท่ากับคน แต่แค่น้ำเต้าวิญญาณอันเล็กๆ แค่นี้กลับเติมไม่เต็ม

ผีน้าสาวขี้เหร่ “…”

นี่ๆ เธอเรียกร้องฉันมากไปไหม!

ทันใดนั้นซู่เป่าก็พูดขึ้นว่า “อาจารย์ ผีที่อยู่บนหัวของเสวี่ยเอ๋อร์ตนนั้น ก็เป็นผีร้ายใช่ไหม”

จี้ฉางหยิบพู่กันขึ้นมาจดบันทึกอะไรบางอย่างบนตำรา พูดพลางก้มหน้า “ใช่แล้ว!”

ซู่เป่าดีใจโดยพลัน “หนูจะไปหาพี่เหอเวิ่น!”

พูดจบ ก็วิ่งแจ้นออกไปอย่างรวดเร็ว

จี้ฉาง “??”

ไปหาซูเหอเวิ่นทำไม

เขาลอยตามออกไป จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “เจ้าจะไปหาซูเหอเวิ่นทำไมหรือ”

ซู่เป่ามองจี้ฉางทีหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“อาจารย์โง่จริงๆ ซู่เป่าจะไปหาเสวี่ยเอ๋อร์ นั่นก็ต้องไปที่ที่เธออยู่สิ! เสวี่ยเอ๋อร์เรียนที่เดียวกับพี่เหอเวิ่น ถ้าซู่เป่าจะไปโรงเรียนนั้นก็ต้องไปหาพี่เหอเวิ่นสิ!”

ซู่เป่าพูดจบ ยังมองจี้ฉางด้วยความเห็นใจทีหนึ่งด้วย

“เพราะอาจารย์ตายมานานแล้วแน่ๆ สมองเลยละเลือนหมดแล้ว”

จี้ฉาง “…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน