ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 63

ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะถูกเจ้าเด็กน้อยวัยสี่ขวบคนหนึ่งดูถูก จี้ฉางรู้สึกเพียงว่าหน้าถอดสี

ซู่เป่าวิ่งตึงตังๆ เข้าไปในห้องของซูเหอเวิ่น

คุณชายน้อยทั้งสองของตระกูลซูนี้ มีชื่อว่า ‘เหอเหวินและเหอเวิ่น’ และเรียกได้ว่า ‘ไม่รู้ไม่ชี้’ (*พ้องเสียงกับเหอเหวินและเหอเวิน) น้อยนักที่ซูอีเฉินจะมีเวลามาอยู่เป็นพวกเขา

เด็กหนุ่มสองคนโตมาจนกระทั่งอายุหกเจ็ดขวบ เริ่มเคยชินแล้ว

พวกเขาต่างมีนิสัยเย็นชา ซูเหอเหวินเรียนอยู่ชั้น ป.3 หนักไปทางสายศิลป์ (**สายวิชาศิลปศาสตร์)

ซูเหอเวิ่นเรียนอยู่ ป.1 แต่เป็น ‘หนุ่มสายวิทย์’ ตัวน้อย

เวลานี้พวกเขากำลังอยู่ในห้องของตัวเอง ถือปากกาพยายามทำแบบฝึกหัดเรื่องฟังก์ชั่นเชิงเส้น

ทันใดนั้นเสียงเคาะประตู ‘ก๊อกๆๆ’ ก็ดังขึ้น เขาเงยหน้าพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เข้ามา”

ซู่เป่าลูบศีรษะน้อยๆ เดินเข้าไป ตะโกนเรียกอย่างน่ารักนุ่มนวลว่า “พี่ขา”

ซูเหอเวิ่นขมวดคิ้ว

น้องสาวที่น่ารำคาญมาแล้ว

เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ครั้งนี้จะมาถามอะไรอีกล่ะ”

ครั้งก่อนไม่นึกเลยว่าซู่เป่าจะถามเขาว่าอึสิบจินเป็นจำนวนเท่าไร โจทย์สบประมาทคณิตศาสตร์แบบนี้ เขาไม่ยินดีจะตอบนัก

เขาเรียบเรียงสูตรกองหนึ่ง คิดเต็มหน้ากระดาษ

สุดท้ายเธอก็จำว่า “หนึ่งถัง!”

“หนึ่งถังเหล็ก!”

โดยไม่มั่นใจว่ากี่มิลลิลิตร!

ซู่เป่ากอดกระต่ายน้อย มองซูเหอเวิ่นอย่างเต็มไปด้วยความหวัง “พี่ พรุ่งนี้ตอนพี่ไปโรงเรียน พาซู่เป่าไปด้วยได้ไหม”

ใบหน้าของซูเหอเวิ่นไร้อารมณ์ใดๆ “นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก”

พาเธอไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ชีวิตนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ เขารังเกียจเธอที่สุดราวกับหนอนในอึ

เขายังต้องไปเข้าเรียนอีก ใครจะว่างพาเธอไปกันล่ะ

ซู่เป่าหรี่ตา ทำท่าทางน่าสงสาร “แต่ว่า...”

ซูเหอเวิ่นผลักเธอออกไปนอกห้องอย่างเหลืออด “ไปเล่นตรงโน้นไป อย่ามากวนฉัน”

พูดจบ ก็ได้ยินเสียงปิดประตูดังปัง

นอกห้อง ซู่เป่ามองประตูห้องสูง ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เฮ้อ”

ต้องเป็นเพราะเธอยังน่ารักไม่พอแน่ๆ...

อืม...

กลับไปเปลี่ยนชุดแล้วค่อยมาดีกว่า!

ซู่เป่าวิ่งกลับห้องตึงตังๆ เปลี่ยนเป็นชุดเดรสชีฟองสตรอว์เบอร์รี

“ก็อกๆๆ…”

“พี่...”

“ปัง!”

ครั้งนี้ซู่เป่ายังไม่ทันได้พูดอะไร ซูเหอเวิ่นก็ปิดประตูใส่แล้ว

เดิมจี้ฉางกอดอก ดูความครึกครื้นอยู่ข้างๆ อย่างชั่วร้าย

เห็นซู่เป่าถูกไล่ออกจากห้องสองครั้ง อาจารย์ก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไป

ไม่นึกเลยว่าจะกล้าทำกับลูกศิษย์สุดที่รักของเขาแบบนี้!

“เป๋าน้อย เจ้าไปหายายของเจ้าเสีย ถ้าเจ้าให้ยายของเจ้าพูด ซูเหอเวิ่นย่อมต้องพาเจ้าไปแน่”

นึกไม่ถึงว่าซู่เป่ากลับส่ายหน้า “ไม่ได้สิ! เรื่องของเด็ก ก็ต้องให้เด็กแก้ปัญหาเอง”

“เราไม่ใช่เด็กอายุสามขวบกันแล้ว!”

“ขยับไม่ขยับก็จะฟ้องผู้ใหญ่ ปัญญาอ่อนชะมัด”

จี้ฉาง “…”

ตั้งแต่ผ่านสามขวบจนผ่านวันเกิดอายุสี่ขวบ

เจ้าเด็กน้อยก็เริงร่าสุดๆ

จะขยับไม่ขยับก็จะหยิบยก ‘ไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว’ มาพูด

จี้ฉางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถามขึ้นว่า “เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร”

ซูเหอเวิ่นไม่ใช่เด็กที่เธอพูดแล้วจะเกลี้ยกล่อมได้

เห็นเพียงแต่ซู่เป่าไม่ท้อถอย วิ่งลงไปชั้นล่างยกน้ำผลไม้มาแก้วหนึ่ง ขึ้นมาข้างบนอย่างระวัง

นายหญิงซูตามเข้ามาจากสวนดอกไม้ ถามขึ้นว่า “ซู่เป่า ให้ยายช่วยหนูถือนะ”

เสียงอันแสนน่ารักของซู่เป่าแว่วมา “ไม่ต้องค่ะ! คุณยาย เรื่องของเด็กคุณยายไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ!”

นายหญิงซู “…”

ฉันคือใครฉันอยู่ที่ไหนฉันกำลังทำอะไร

ซู่เป่าถือน้ำผลไม้ขึ้นมาข้างบน จากนั้นเสียงเคาะประตูห้องของซูเหอเวิ่นก็อกๆๆ ก็ดังขึ้นมา

ครั้งนี้รออยู่นานสองนาน ซูเหอเวิ่นถึงเปิดประตูออกอย่างแรง พูดด้วยความโกรธว่า “ตกลงเธอคิดจะทำอะไรกันแน่”

รำคาญจะตายอยู่แล้ว เดิมเขาก็สามารถแก้โจทย์ฟังก์ชันเชิงเส้นได้ เรื่องที่คนอายุแปดขวบเขาเรียนกันแบบนี้ เขามั่นใจว่าแก้ได้อยู่แล้ว!

แต่กลับถูกซู่เป่าขัดจังหวะซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซู่เป่าอึ้ง ขณะนี้เองเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองเหมือนจะไปรบกวนพี่เข้าแล้ว

เธอยกน้ำผลไม้ส่งเข้าไป พูดอย่างเสียงเบาว่า “พี่คะ ดื่มน้ำผลไม้...”

ซูเหอเวิ่นผละน้ำผลไม้ออกไปอย่างเหลืออด พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันไม่ดื่ม! เธออย่ามารบกวนฉันอีกได้ไหม!”

น้ำผลไม้ที่ใส่มาจนเต็มสาดออกไปโดยพลัน กระจายไปบนตัวซู่เป่า...

ซูเหอเวิ่นชะงัก

รอยยิ้มบนหน้าของซูเป่าค่อยๆ หุบลงมา จากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “ขอโทษค่ะ พี่”

เธอยกน้ำผลไม้แล้วหันหลังจากไป

เป็นเธอที่ทำไม่ถูกต้อง เธอไม่ควรไปรบกวนพี่ตอนที่เขากำลังอ่านหนังสืออยู่

งั้น...งั้นก็รอตอนค่ำค่อยถามตอนที่พี่ไม่ยุ่งละกัน

เห็นเงาข้างหลังอันแสนผิดหวังของซู่เป่า ซูเหอเวิ่นก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด

ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วเหรอ ช่างน่ารำคาญจริงเชียว!

“กลับมา” เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชา

ซู่เป่ารีบหันตัวมาทันที ปั้นหน้ายิ้มขึ้นมา “พี่”

ซูเหอเวิ่นยังนึกว่าเธอร้องไห้ขี้มูกโป่งเสียอีก ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เขาอึ้งไปเล็กน้อย

จังหวะวุ่นวายไปหมด

เขาพูดขึ้นว่า “เธอ...หยิบน้ำผลไม้มา”

ซู่เป่าดีใจในทันใด รีบส่งน้ำผลไม้ที่เหลือให้ซูเหอเวิ่น

ซูเหอเวิ่นพูดขอบคุณทีหนึ่งอย่างอึดอัดใจ ได้ยินเพียงแต่ซู่เป่าพูดขึ้นด้วยเสียงเด็กน้อย “ไม่เป็นไรหรอก!”

ซูเหอเวิ่นราวกับอำพราง ยกน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่มคำหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

น้ำส้ม!

เขาเกลียดน้ำส้มที่สุด...

ลอดผ่านแก้ว ซูเหอเวิ่นกลับเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่คาดหวังของซู่เป่า ทันใดนั้นปากไม่เป็นไปตามคำสั่ง เติมน้ำส้มทั้งแก้วลงคอไปทื่อๆ

เห็นซูเหอเวิ่นอัดน้ำส้มไปในรวดเดียว ซูเป่าดีใจเป็นอย่างมาก

“เจอกันนะคะพี่!” เธอหันหลัง แล้วเดินไปอย่างกระโดดโลดเต้น

“…”

ซูเหอเวิ่นมองแก้วเปล่าที่อยู่ในมือ แล้วมองซู่เป่าที่กระโดดโลดเต้น

ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอกเลยล่ะ...

“หึ”

ซูเหอเวิ่นปิดประตูห้อง

ดื่มน้ำส้มแก้วนี้หมด เขาก็ไม่ติดค้างอะไรเธอแล้ว

อยากจะให้เขาพาเธอไปโรงเรียน ยังคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

ตอนค่ำ

กินข้าวเสร็จแล้ว ซู่เป่าก็วิ่งไปทางซูเหอเวิ่นอีก

ในตอนนี้ที่เธอเตรียมจะเคาะประตูนี่เอง ทันใดนั้นหน้าของยัยเด็กน้อยก็ทำทีท่าครุ่นคิด

จี้ฉางถามขึ้นว่า “เป็นอะไรหรือ”

ซู่เป่าพูดขึ้นอย่างกระซิบ “ถ้าพี่ยังอ่านหนังสืออยู่จะทำยังไงดี”

จะรบกวนคนอื่นไม่ได้ ถูกคนรบกวนเป็นเรื่องที่ไม่สบอารมณ์มากๆ

จี้ฉางพูดขึ้นว่า “เจ้าให้น้าสาวขี้เหร่เข้าไปดูก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ”

ดวงตาทั้งสองของซู่เป่าเป็นประกาย

จริงด้วย!

น้าสาวขี้เหร่เป็นผี ทะลุผนังได้

ซู่เป่ายืนมือไปจับทันใด ลากผีสาวออกมาจากน้ำเต้าวิญญาณ

“น้าสาวขี้เหร่!” ซู่เป่าจะขอร้องคนก็ต้องมีท่าทีแบบที่จะขอร้องคน...

โอ๊ะไม่สิ จะขอร้องผีก็ต้องมีท่าทีแบบที่จะขอร้องผี

เธอพูดขึ้นอย่างจริงใจเป็นอย่างมาก “น้าสาวขี้เหร่ ช่วยหนูแอบดูว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่ได้ไหม”

สีหน้าของผีสาวไร้ความอาลัยอาวรณ์

ก่อนจะเรียกให้เธอช่วยงาน ช่วยตัดคำว่าน้าสาวขี้เหร่สี่พยางค์ออกไปได้ไหม

หรือจะเรียกเธอว่าผีบ้าก็ยังดีกว่าน้าสาวขี้เหร่นะ...

ผีสาวบ่นพึมพำ ทะลุผนังไป

ในห้องไม่เห็นร่างของซูเหอเวิ่น เธอจึงหาร่องรอยลอยไปในห้องน้ำ

ทะลุประตูห้องน้ำ เห็นเพียงแต่ซูเหอเวิ่นกำลังนั่งอยู่บนชักโครก กำลังถือหนังสือคณิตศาสตร์อ่านอยู่

เบ่งอึ สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง

ทันใดนั้น ผีสาวก็แฮะขึ้นมาเสียงหนึ่ง

จากการสะท้อนในกระจกแยกโซนเปียกแห้ง ทันใดนั้นเธอก็เห็นเงาร่างของตัวเอง

ในขณะนี้เอง ซูเหอเวิ่นเงยหน้าขึ้นมา

ผีสาวเองก็กำลังเบือนหน้าไปตามสัญชาตญาณ

สายตาทั้งสองด้าน สบกันทั้งอย่างนั้น!

ซูเหอเวิ่น “!!”

“ผี...ผี!”

ซูเหอเวิ่นตกใจจนอึหด ก้นก็ยังไม่ได้เช็ด กางเกงก็ยังไม่ได้ดึงขึ้นมา เปิดประตูแล้ววิ่งเตลิดออกไปข้างนอก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน