ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 64

ซู่เป่ากำลังรออยู่ข้างนอกอย่างอดทน

ทันใดนั้นก็มีเสียงประตูเปิดแก๊กดังขึ้น ร่างหนึ่งพุ่งออกมาฟิ้ว มิหนำซ้ำยังเผยให้เห็นก้นซีกหนึ่ง...

ซู่เป่า ∑(°Д°;

เห็นซูเหอเวิ่นทำสีหน้าตกใจกลัว เธอเองก็ตามเข้าไปอย่างลุกลี้ลุกลน

การตามครั้งนี้ ซูเหอเวิ่นที่ไม่กล้าหันหลังไปยิ่งขวัญหนีดีฝ่อ

วิ่งเข้าไปในห้องหนังสือพลางร้องเรียกตะโกนเสียงดัง “พ่อครับๆๆ! ช่วยด้วย”

พอคุณท่านซูกับนายหญิงซูได้ยินเสียง ก็รีบออกมาแล้วถามขึ้นว่า “มีอะไรเหรอ”

ทางเดินชั้นสอง เด็กสองคนกำลังวิ่งอุตลุตกันอย่างดุเดือด

เขาวิ่ง เธอตาม...

ถึงซูเหอเวิ่นติดปีกก็หนีไม่รอด

ซูอีเฉินเพิ่งออกมาจากห้องหนังสือ ก็เห็นซูเหอเวิ่นดึงกางเกงขึ้นพลางวิ่งไปด้วย และซู่เป่าที่วิ่งตามอยู่ด้านหลัง

“เป็นอะไรเหรอ” เขารับซูเหอเวิ่นที่กระโจนเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง

ทันใดนั้นได้กลิ่นประหลาด

ซูอีเฉิน “…”

นี่คือ เข้าห้องน้ำแล้วยังไม่ได้เช็ดก้นเหรอ

ซูเหอเวิ่นตกใจผีจนสติเตลิด “มีผี...!”

ซู่เป่าตามขึ้นมาอย่างกระหืดหระหอบ พูดขึ้นว่า “พี่ ไม่มีผีซะหน่อย!”

เธอเป็นคน ไม่ใช่ผี!

ทำไมพี่ต้องวิ่งอีท่านี้ด้วย

ซู่เป่าหันกลับไปอย่างสงสัย น้าสาวขี้เหร่ต่างหากที่เป็นผี แต่ในสถานการณ์ปกติคนจะมองไม่เห็นน้าสาวขี้เหร่

ผีสาวลอยอยู่ข้างหลัง บนใบหน้ามีความสงสัยเช่นกัน

อะไรกัน นายมองเห็นฉันเหรอ แล้วตอนนี้นายยังมองเห็นฉันหรือเปล่า

ผีสาวขยับเข้าไปใกล้ซูเหอเวิ่น แต่กลับพบว่าสายตาของเขายังคงมองไปทางข้างหลัง

“ตรงนี้มองไม่เห็น...”

จี้ฉางหรี่ตา

เรื่องนี้ ยิ่งมีความผิดปกติ

ซู่เป่าฝันเห็นผีนายหญิงคนนั้นก่อน

แล้วซูเหอเวิ่นก็มาเห็นผีสาวอย่างอธิบายไม่ได้

จี้ฉางก้มหน้า มองซู่เป่า

ทางนี้ซูอีเฉินตบไหล่น้อยๆ ของซูเหอเวิ่น แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีผีหรอก เป็นซู่เป่าต่างหาก”

ซูเหอเวิ่นหันกลับไปอย่างสั่นเครือ เห็นซู่เป่ายืนอยู่ข้างหลังอย่างทีคิดไว้จริงๆ

ข้างหลังซู่เป่าคือคุณปู่คุณย่าที่ตามออกมาเมื่อครู่ และซูเหอเหวินที่ชะโงกหน้าออกมาจากห้องของตัวเอง

นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีใครเลย

ลมจางๆ พัดโชยไป ซูเหอเวิ่นรู้สึกว่าที่ก้นเย็นนิดหน่อย

ซู่เป่ารีบเอามือปิดตาแล้วพูดขึ้นว่า “พี่วิ่งออกมาทั้งที่ไม่ได้ใส่กางเกงได้ยังไงเนี่ย”

ซูเหอเวิ่น “…”

เขารีบดึงกางเกงขึ้นมา แต่รู้สึกไม่ดีเลย

ตัวเองโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยขายหน้าเท่านี้มาก่อน!

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้เช็ดก้น ซู่เหอเวิ่นก็อยากรีบไปอาบน้ำเสียทันที แต่เมื่อนึกถึงภาพเมื่อครู่แล้ว...

เขากัดฟันพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ผมเห็น...ผีสาวที่ขี้เหร่มากๆ ตนหนึ่งจริงๆ นะครับ”

ผีสาวที่กำลังจะพูดขึ้นรู้สึกถึงการโจมตีแสนจุดโดยพลัน

เธอขี้เหร่ขนาดนี้จริงๆ เหรอ

สงสัยในชีวิตของผี!

จี้ฉางถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ”

ผีสาวส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ พอเข้าไปถึงก็เห็นเขากำลังปลดทุกข์อยู่ จากนั้นพอเงยหน้าขึ้นมาก็สบตากัน”

เมื่อเกิดเรื่องขึ้นจนคนตระกูลซูทั้งตกใจและประหลาดใจ ซูอีเฉินพูดขึ้นว่า “เหอเวิ่น ไปอาบน้ำก่อนเถอะ”

สันหลังของซูเหอเวิ่นสั่นระรัว...

ซู่เป่าถามขึ้น “พี่กลัวใช่ไหม ถ้าพี่กลัวละก็...”

เธอยังพูดไม่ทันจบ ซูเหอเวิ่นก็หึขึ้นมาเสียงหนึ่ง กดฟันพูดว่า “ใครกลัวกัน”

พูดจบก็เดินเข้าห้องไปอย่างทื่อๆ

ซูอีเฉินขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “ซู่เป่า กลับห้องไปกับคุณยายก่อนนะ”

พูดจบก็ย่างเท้าตามไป กลับห้องไปเป็นเพื่อนซูเหอเวิ่น

จี้ฉางเลิกคิ้ว ในตาเผยให้เห็นความไม่เข้าใจ

ตกลงซูเหอเวิ่นเห็นผีสาวได้ยังไง

ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “หลี่เหมยเจ้าลองเข้าไปดูอีกทีสิ”

ซู่เป่าจ้องจี้ฉาง “อาจารย์อย่าคิดไม่ดีนะ”

จี้ฉาง “…”

ซู่เป่ามองเงาภาพข้างหลังของซูเหอเวิ่นที่จากไป แล้วมองมือน้อยๆ ของตัวเอง

เมื่อครู่เธอไม่ได้ทำพลาดขั้นตอนอะไรใช่ไหม

อืม น่าจะไม่มี

ไม่มีอยู่แล้ว

ในห้อง

ซูเหอเวิ่นเห็นพ่อของตัวเองอยู่ด้วย จึงสบายใจไม่น้อย

รอเขาอาบน้ำเสร็จออกมา ก็ไม่เห็นอะไรอีก

ซูอีเฉินกำลังมองสมุดทดเลขบนโต๊ะของเขา เห็นเขาออกมา จึงถามขึ้นอย่างชืดๆ ว่า “เมื่อกี้เห็นจริงๆ เหรอ”

ซูเหอเวิ่นเม้มปาก พูดอย่างเสียงเบาว่า “ผมอาจจะตาฝาดไปมั้งครับ!”

ซูอีเฉินกำลังพูด แต่ไม่รู้นึกอะไรขึ้นได้ พูดเพียงแค่ว่า “แกจำไว้เลยนะ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ก็ต้องปกป้องน้องสาวแกให้ดี”

ซูเหอเวิ่นพูดขึ้นว่า “แต่น้องบอกว่าพรุ่งนี้จะตามผมไปโรงเรียน”

ปลายนิ้วของซูอีเฉินชะงักเล็กน้อย แทบจะไม่ลังเลอะไรแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นแกก็พาเธอไป”

ซู่เป่าไม่ใช่เด็กที่ทำอะไรไม่มีเหตุผล เธออยากตามไป เธอต้องมีเหตุผลของเธอแน่ๆ

ซูเหอเวิ่นพูดขึ้นว่า “พ่อครับ พ่อไม่กลัวว่าจะตามใจจนซู่เป่ากลายเป็นแบบหานหานเหรอ...”

ซูอีเฉินลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีทาง”

ซูเหอเวิ่นเบะปาก ไม่ออกความเห็นใดๆ

น้องสาวอะไรกัน น่ารังเกียจอย่างที่คิดไว้จริงๆ

อีกด้านหนึ่ง

เมื่อซูอีเฉินกลับถึงห้องหนังสือก็ต่อสายโทรศัพท์

“แจ้งทางโรงเรียนประถมนานาชาติอู่เซี่ยง ให้ส่งชุดนักเรียนและกระเป๋ามาชุดหนึ่ง”

“แล้วก็ เพิ่มความปลอดภัยของโรงเรียนด้วย”

วันรุ่งขึ้น

ซู่เป่าตื่นนอนตั้งแต่เช้า สะพายกระเป๋าใบน้อยไว้บนหลังของเธอ

เจ้าเด็กน้อยอยู่ในชุดนักเรียนของโรงเรียน เนื่องจากเป็นชุดนักเรียนแบบสั่งทำรวมและรีบส่งมา แต่ซู่เป่าใส่แล้วก็ยังหลวมโพรกอยู่นิดหน่อย

กระโปรงตัวน้อยแขวนไว้บนเอวสูงๆ หมวกก็บังหน้าบังหน้าจนมิด เจ้าเด็กน้อยพยายามเงยหน้าขึ้น มองผู้คนจากใต้ปีกหมวก

คุณท่านซูดันปีกหมวกของเธอขึ้นไป พูดกำชับว่า “ถึงโรงเรียนแล้วต้องระวังตัวให้ดีนะ”

นายหญิงซูเป็นห่วงอยู่ตลอด จึงพูดบ่นขึ้นมาว่า “ให้ยายตามไปด้วยไหม โธ่ เด็กขนาดนี้ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ข้างๆ ได้ยังไง”

ซูจื่อซีเอากระเป๋าล้วงมือข้างเดียว รอซูจื่อหลินไปส่งตัวเองที่โรงเรียนอนุบาล

ได้ยินแล้วก็หัวเราะเยาะทีหนึ่ง “พวกเราก็ไปกันได้ทั้งนั้น ทำไมน้องจะไม่ได้ล่ะครับ”

ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ จากนั้นก็ขึ้นรถไปเลย

ก็เอาแต่ทะนุถนอมน้อง ก่อนหน้านี้เขาก็โตมาแบบนี้ แม่เองก็เอาแต่โอ๋น้อง

แล้วเขาล่ะ

โยนโทรศัพท์เครื่องหนึ่งให้เขา ให้เขาเล่นเอาเอง

ตอนที่เขาอยากนอนกับแม่ แม่ก็บอกว่าลูกผู้ชาย ไม่มีเหตุผลต้องติดแม่

ต่อให้ดึกดื่นเที่ยงคืนเขาจะตกใจตื่นแล้วกลัว แม่ก็จะให้เขาฝึกความกล้าหาญเองอย่างไร้หัวใจ

ตอนนั้นบ้านตระกูลซูไม่มีใคร หลังจากลุงใหญ่รับพี่ทั้งสองคนกลับมาก็ลืมเขา

พวกเขาก็ยังผ่านกันมาทั้งแบบนี้นี่

ซูจื่อซีมองซู่เป่าที่เป็นดั่งดาวล้อมเดือนผ่านทางหน้าต่างทีหนึ่ง ทำเสียงหึขึ้นมาทีหนึ่ง

ดวงตามีความไม่สบอารมณ์เป็นเรื่องจริง แต่อิจฉาก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน...

มีเพียงตอนที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเท่านั้น เขาถึงเผยความอิจฉาที่แท้จริงออกมาเล็กน้อย

ทันใดนั้น ซู่เป่าที่อยู่ด้านนอกก็หันหน้ามองมา

ซูจื่อซีรีบชักสายตากลับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมทันที

ซูอีเฉินอุ้มซู่เป่า แล้วส่งเธอขึ้นรถโรงเรียนไป

“ให้ลุงใหญ่ไปด้วยไหม” เขาถาม

ซู่เป่าโบกมือน้อยๆ “ไม่ต้องค่ะๆ!”

เธอไปได้น่า!

“จริงสิลุงใหญ่ วันนี้อย่าลืมพาซู่เป่าไปเดินเล่นนะคะ!”

พิธีตัดริบบิ้นเมื่อวาน เธอกินอิ่มจนผล็อยหลับไป เลยลืมไปเดินเล่นซะสนิท

ต้องซื้อเข็มเงินมารักษาโรคให้คุณยาย!

ซูอีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ได้ ตอนเที่ยงลุงใหญ่ไปรับเธอนะ”

เขาฝากฝังซู่เป่ากับซูเหอเหวินและซูเหอเวิ่น

ซูเหอเหวินหนุ่ม ป.2 ขึ้นรถไปก่อนก้าวหนึ่ง

ซูเหอเวิ่นทำได้เพียงจูงซู่เป่า ใบหน้าเย็นชา “นี่ ฉันบอกเธอไว้ก่อนเลยนะ ไปถึงโรงเรียนแล้วห้ามร้องไห้เป็นอันขาด!”

เขาหันไปมองซู่เป่า แล้วขู่ว่า “ไม่งั้นฉันไม่สนใจเธอแน่!”

ซู่เป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะพี่”

เดิมซูเหอเวิ่นอยากจะข่มขู่อีกสักสองประโยค เห็นใบหน้าเล็กๆ กลมป๊อกของซู่เป่า ก็อึ้งจนพูดไม่ออก

เขาจูงซู่เป่าขึ้นรถไปด้วยใบหน้าขึงขัง

ซู่เป่าเดินตามพี่ชายอย่างเชื่อฟัง พอขึ้นรถเหล่าเด็กประถมตัวน้อยต่างก็ประหลาดใจ

“นี่ ซูเหอเวิ่น ทำไมนายถึงลากยัยตัวกะเปี๊ยกมาด้วยล่ะ!”

“ฮ่าๆ เด็กขนาดนี้ เธอเข้าเรียนได้เหรอ”

นี่เป็นรถรับส่งของโรงเรียนประถมเอกชนนานาชาติอู่เซี่ยง หนูน้อยมากมายต่างชะเง้อชะแง้ออกมา มองซู่เป่าที่ตัวเตี้ยจ้ำม่ำอย่างประหลาดใจ

ที่นั่งข้างหลังสุด มีเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่

แตกต่างจากหนูน้อยตัวเล็กคนอื่นๆ ที่เอนไปเอนมา เขาราวกับเป็นทหารตัวน้อยที่ผ่านการอบรมมาก่อนอย่างนั้น นั่งหลังตรง บนใบหน้าแสนไร้เดียงสาเผยให้เห็นความหนักแน่นอย่างหนึ่ง

พอซู่เป่าเงยหน้าขึ้นก็เห็นซืออี้หรัน ทันใดนั้นใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา “ฮาย! พี่อี้หรัน!”

ซืออี้หรัน “…”

ทำยังไงดี

วันนี้เขาไม่ได้พกลูกอมมาด้วย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน