ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 65

ซืออี้หรันเม้มปาก ใบหน้าน้อยๆ เย็นชาและเคร่งขรึม

ซู่เป่าถามขึ้นอย่างสงสัย “พี่อี้หรัน พี่อารมณ์ไม่ดีเหรอ”

ซ์ออี้หรันเบือนหน้า “เปล่า”

ซู่เป่าไม่ได้ถามอะไรอีก แต่นั่งลงบนที่นั่ง เลียนแบบท่าทางของซืออี้หรัน วางมือน้อยๆ ไว้บนเข่าอย่างเรียบร้อย

รถโรงเรียนวิ่งไปบนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนอย่างมั่นคง

โรงเรียนประถมเอกชนนานาชาติอู่เซี่ยง เป็นโรงเรียนประถมเอกชนที่ดีที่สุดของจิงตู

นักเรียนที่สามารถเข้าเรียนที่อู่เซี่ยงได้ ล้วนเป็นลูกของครอบครัวคนรวยทั้งสิ้น แย่ที่สุดคงเป็นเหมือนกับตระกูลหลาน

เสวี่ยเอ๋อร์ลงจากรถส่วนตัว โบกมืออย่างเร่งรีบ “แม่คะ ไว้เจอกันค่ะ”

ด้านหลังเธอดูเกร็ง กลัวว่าจะถูกเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมชั้นเห็นว่าตัวเองนั่งรถส่วนตัวมา

อู่เซี่ยงต่างจากโรงเรียนธรรมดาทั่วไป ตระกูลที่มีรากฐานลึกจริงๆ ลูกของพวกเขาจะนั่งรถโรงเรียนมา

นอกรถโรงเรียนสีเหลืองสดใส อันที่จริงติดเกราะหนาเอาไว้ คนขับเป็นพนักงานจ้างใหม่ที่เกษียณจากหน่วยคอมมานโด คุณครูที่ตามไปบนรถอย่างน้อยที่สุดก็คือผู้ที่เกษียณจากหน่วยรบพิเศษ แน่ใจได้ว่าเด็กๆ จะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์

ทุกเดือนแค่ค่ารถโรงเรียนก็สูงไปถึงหนึ่งแสนต่อคน และหมายความว่าเด็กที่เรียนอู่เซี่ยง แค่นั่งรถโรงเรียนหนึ่งปีก็ต้องจ่ายล้านกว่าแล้ว

ครอบครัวเสวี่ยเอ๋อร์ทำใจไม่ได้ที่ต้องจ่ายเงินก้อนนี้...

ฉะนั้นแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์จะเป็นคนมาส่งเสวี่ยเอ๋อร์ที่โรงเรียนตลอด ตัวเธอเองคิดว่าน่าขายหน้าเป็นอย่างมาก

แม่ของเสวี่ยเอ๋อร์พูดกำชับว่า “ดูแลตัวเองด้วยนะ”

เสวี่ยเอ๋อร์เห็นรถโรงเรียนขับเข้ามาไกลๆ จึงรีบพูดขึ้นว่า “หนูรู้แล้วค่ะหม่ามี้ หม่ามี้รีบกลับไปเถอะค่ะ!”

เธอกลัวจะถูกคนอื่นเห็นเข้า แล้วคนอื่นจะหัวเราะเยาะเอาได้ว่าเธอเป็นเด็กที่นั่งรถโรงเรียนไม่ไหว...

สุดท้ายแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูด รีบขับรถออกไป

รถโรงเรียนสีเหลืองสดใสขับเข้ามาในโรงเรียนช้าๆ เสวี่ยเอ๋อร์เร่งฝีเท้าเดินเข้าไป รอจนรถโรงเรียนขับผ่านข้างตัวเธอไป ถึงตอนนั้นคนอื่นก็จะคิดว่าเธอนั่งรถโรงเรียนมา

เธอที่แสนฉลาดหลักแหลมคำนวณเวลาเอาไว้แล้ว

ประตูรถเปิด ฝีเท้าของเสวี่ยเอ๋อร์ก็ช้าลงอย่างเหมาะสม เธอไม่เห็นเงาสะท้อนที่ประตูรถ มีเงาที่ใหญ่กว่าเธอสองเท่าขี่อยู่บนคอของเธออยู่ร่ำไร...

เสวี่ยเอ๋อร์ก้มหน้าก้มตาเดินไปข้างหน้า เสแสร้งต่อคนอื่นว่าตัวเองเพิ่งลงมาจากรถ และเสแสร้งกับเด็กๆ บนรถว่าตัวเองผ่านมา

เธอที่ร้อนตัวสาวเท้าเร็วและกว้างประมาณหนึ่งเมตร ผู้ติดตามของเธอสองคนวิ่งมาไกลๆ ทักทายอย่างดีอกดีใจ

“เสวี่ยเอ๋อร์ เธอเพิ่งมาถึงเหรอ!”

เสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “อืม วันนี้รถโรงเรียนสายนิดหน่อยน่ะ”

เธอพูดถูก ปกติรถโรงเรียนจะมาถึงโรงเรียนในเวลาเจ็ดโมงสี่สิบห้านาที วันนี้เจ็ดโมงห้าสิบนาทีแล้วเพิ่งจะมาถึง

ผู้ติดตามตัวน้อยพูดขึ้นอย่างสงสัย “ทำไมวันนี้รถโรงเรียนถึงมาสายล่ะ”

เสวี่ยเอ๋อร์ส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนว่าลุงคนขับจะไม่ค่อยสบายนิดหน่อยมั้ง!”

ปกติรถโรงเรียนจะตรงเวลาเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ ‘สาย’ อันที่จริงเสวี่ยเอ๋อร์เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

แต่ผู้ติดตามจอมบื้อทั้งสองคนของเธอไม่รู้หรอก!

เด็กทั้งสองคนเผยสายตาที่มีความอิจฉาออกมา “โธ่ แต่ว่าคนที่นั่งรถโรงเรียนมาได้ ก็ดีเลิศอยู่แล้ว”

“ใช่ๆ เด็กโรงเรียนเราที่นั่งรถโรงเรียนมาได้ ก็เป็นแค่คนส่วนหนึ่งเท่านั้น”

เสวี่ยเอ๋อร์ทำหน้าถ่อมตัว “อันที่จริงก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก! นั่งรถโรงเรียนมาก็เท่านั้น ไม่ต่างอะไรจากนั่งรถส่วนตัวมาหรอก”

เธอยิ้มอย่างเขินอาย ไม่ได้วางมาดเลยสักนิด ต่างจากเหล่าคุณหนูคุณชายของตระกูลยิ่งใหญ่พวกนั้น

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงยิ่งชอบเธอ

เดินตามเสวี่ยเอ๋อร์ไปห้องเรียน ระหว่างทางยิ่งเจอเพื่อนๆ มากขึ้น พวกเขาเห็นเสวี่ยเอ๋อร์ ก็เผยสายตาที่ต่างจากเมื่อก่อน

“ว้าว เสวี่ยเอ่อร์ เมื่อวานเธอไปร่วมงานตัดริบบิ้นของเซิ่งซื่อมาใช่ไหม!”

“รูปในเวยป๋อของพี่ชายเรา ฉันเห็นเธออยู่ข้างหลังแน่!”

“ใช่ๆ เธอเจอไอดอลของเราไหม อู้ๆๆ เสวี่ยเอ๋อร์ไม่นึกเลยว่าเธอจะได้ไปงานด้วย! ฮือๆ ฉันเองก็อยากถ่ายรูปกับดาราเยอะๆ”

มีคนหยิบรูปออกมา

เป็นรูปที่ ‘ถ่ายโดยแฟนๆ’ ในงานของดารารูปหนึ่ง วิวด้านหลังของรูปคืองานตัดริบบิ้นของถังหมิงเซิ่งซื่อ ไม่ไกลนักเป็นเสวี่ยเอ๋อร์อยู่ในชุดเดรสเอวแอบบานตรงปลายสไตล์เจ้าหญิง

เธอถูกคุณอาคุณน้ามากมายห้อมล้อมเอาไว้ ทุกคนต่างสนทนากันอย่างมีความสุข

จิตใจอันแสนจองหองของเสวี่ยเอ๋อร์พอใจเป็นอย่างมากในชั่วขณะ!

เธอพูดขึ้นอย่างกระดากปากว่า “อ๊ะ...นี่พวกเธอเจอได้ยังไง ทีแรกพ่อของฉันไปในนามตระกูลซือ พวกเราถ่อมตนกันอยู่แล้ว ไม่รู้ถูกคนรู้ได้ยังไง เอาแต่มารุมเร้าพวกเรา น่ารำคาญมาก”

สายตาที่เหล่าเด็กน้อยมองไปที่เสวี่ยเอ๋อร์ยิ่งนับถือเข้าไปใหญ่!

“ตระกูลซือเหรอ...ใช่ซืออี้หรันที่อยู่ ป.2 นั่นไหม”

“ว้าว ฉันได้ยินว่าพ่อเขาเป็นเทพสงคราม เหมือนว่าจะเป็นทหารยศใหญ่มากๆ คนหนึ่งเลย”

“ฉันยังไม่เคยเจอพ่อของซืออี้หรันเลย! คิดไม่ถึงว่าเสวี่ยเอ๋อร์จะได้ไปในนามของตระกูลซือด้วย!”

“งั้นเธอเป็นอะไรกับซืออี้หรันเหรอ ว้าว พ่อแม่ของพวกเธอดูสนิทกันขนาดนั้น คงไม่ได้เหมือนที่แสดงในทีวี ที่ว่าหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็กหรอกนะ ”

เหล่าเด็กน้อยห้อมล้อมเสวี่ยเอ๋อร์ถามกันอย่างไม่หยุด

ใบหน้าของเสวี่ยเอ๋อร์เต็มไปด้วยความเขินอาย “ไอ้หยา พวกเธอเลิกถามเรื่องนี้กันได้แล้ว!”

เธอปิดหน้ากลับไปยังที่นั่ง ซุกหน้าไว้บนบนหนังสือ

อยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้...

พอเสวี่ยเอ๋อร์นึกถึงที่อวิ๋นไต้ซือบอกว่าเธอกับซืออี้หรันเป็นคู่สร้างคู่สมกัน คำพูดและการกระทำเป็นไปในทางด้านนั้น

เด็กน้อย ป.1 แก่แดดจนมีความคิดที่ทำให้คนอื่นต้องอึ้ง ผู้ใหญ่ฟังแล้วก็ไม่อาจเข้าใจได้

แต่แบบเสวี่ยเอ๋อร์นี้ กลับมีความจองหองเป็นอย่างมาก...

เวลานี้ไม่มีใครเห็น คอของเสวี่ยเอ๋อร์มีผีร้ายตนหนึ่งขี่อยู่ มันหัวเราะ ‘หึๆ’ ทีหนึ่ง

“จองหองไปสิ! อวดไปเลย...”

“อายุก็ยังน้อยขนาดนี้ แต่กลับมีความจองหองมากมายขนาดนี้...อู้ ช่างเป็นของบำรุงที่ดีที่สุดของฉันจริงๆ”

ผีร้ายกอดศีรษะของเสวี่ยเอ๋อร์ หรี่ตาอย่างสบาย

อ้าปากกว้างๆ ดูดไอทมิฬจากตัวเสวี่ยเอ๋อร์ทีหนึ่ง...

อีกด้าน ซู่เป่ากำลังเดินตามซูเหอเวิ่นอยู่ข้างหลังอย่างเชื่อฟัง

ซูเหอเหวินกับซืออี้หรันต่างเป็นนักเรียนชั้น ป.2 ซูเหอเวิ่นกับเจ้าตุ้ยนุ้ยเมื่อครู่นั่นพวกเขาเป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.1

ซืออี้หรันเดินอยู่ข้างหลังสุด

ได้ยินเพียงแต่ซู่เป่าที่อยู่ข้างหน้าถามไม่หยุด

“พี่คะ เดี๋ยวหนูไปเรียนชั้นเดียวกับพี่ไหม”

“พี่คะ เดี๋ยวหนูไปนั่งกับพี่ได้ไหม”

“พี่คะ เสวี่ยเอ๋อร์อยู่ห้องไหนเหรอ!”

ในที่สุดซูเหอเวิ่นก็พูดขึ้นอย่างเหลืออด “หุบปาก!”

เขารู้สึกเพียงว่าอิหลักอิเหลื่อเป็นอย่างมาก เด็กคนอื่นต่างมากันแค่คนเดียว แต่เขากลับพาสมุนตัวกะเปี๊ยกคนหนึ่งมาด้วย

ขายหน้าจะตายอยู่แล้ว

ซู่เป่ารีบเอามือปิดปาก พูดอย่างกระซิบกระซาบว่า “โอเค...ขอโทษค่ะ...”

ยัยเด็กน้อยกระพริบตาโตปริบๆ มองซูเหอเวิ่น มือน้อยๆ ปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนา

เห็นซูเหอเวิ่นมองมา จึงรีบเอามือออกจากปากอย่างรวดเร็ว แล้วพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “พี่วางใจได้เลย ซู่เป่าจะไม่ส่งดังรบกวนพี่แล้ว”

อืม เรื่องชมตัวเองละทำด้วยตัวเอง

“แกะอ้วนๆ...แกะอ้วนของฉัน...แกอยู่ที่ไหนนะ...” ซู่เป่ากระซิบกระซาบพูดพึมพำกับตัวเอง

ซูเหอเวิ่น “…”

ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเรียกเธอมาใช่ไหม ก็ยังมาอีก!

ในโรงเรียน เขาจะไปหาแกะอ้วนมาให้เธอจากไหน

ดูเหมือนว่าร้านค้าปลีกจะมีแกะอ้วนขายอยู่ แต่ว่านั่นคือขนม ‘แกะอ้วน’ ที่ทำมาจากแป้งทั้งหมด...

ซูเหอเหวินแยกกับน้องชายและน้องสาวของตัวเองใต้ตึก พูดชืดๆ ว่า “ซูเหอเวิ่น ดูแลเธอให้ดีล่ะ”

ซูเหอเวิ่นหมดคำพูด “รู้แล้วน่า!”

เห็นพี่ชายของตัวเองจากไปอย่างสง่าผ่าเผย ซูเหอเวิ่นอิจฉาจนทนไม่ไหวแล้ว

ยัยตัวปัญหา เขาเองก็ไม่อยากสนใจเหมือนกัน!

แต่จนปัญญา

เห็นยัยบื้อตัวน้อยยืนอยู่ที่เดิม มองนั่นมองนี่อย่างสงสัย ซูเหอเวิ่นจึงคว้าเธอไว้อย่างไม่สบอารมณ์ จูงมือของเธอขึ้นตึก เข้าไปในห้องเรียน

นักเรียนคนอื่นในชั้นเรียนต่างมองมา ทุกคนล้วนหัวเราะล้อซูเหอเวิ่น

“นี่ ซูเหอเวิ่น นี่น้องสาวนายเหรอ ทำไมนายถึงพาน้องสาวนายมาโรงเรียนด้วยล่ะเนี่ย!”

“คนอื่นเป็น ‘พ่อลูกอ่อน’ นายเป็น ‘พี่ลูกอ่อน’ ฮ่าๆๆ...”

เด็กหนุ่มในวัยนี้เกเรที่สุด ดึงเปียของเด็กผู้หญิงบ้าง ก่อกวนบ้าง เป็นช่วงเวลาที่ว่างที่สุด พอเห็นว่าซูเหอเวิ่นพาซู่เป่าเข้ามา ก็ต้องล้อเลียนเป็นธรรมดา

ซูเหอเวิ่นรู้สึกเพียงว่าขายหน้าเป็นที่สุด...

ต่อๆ ไป ถ้าพาน้องสาวมาโรงเรียนอีก เขาก็เป็นหมูแล้ว!

เขาก็จะฉี่ได้ไม่ไกล!

ช้างน้อยของเขาเบี้ยว!

เขาเหมือนกินข้าวแค่ครึ่งเดียว...ก็พบว่ามีหนอนสีเขียวอยู่ครึ่งตัว!

……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน