ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 66

ซู่เป่าเข้าห้องเรียนได้ไม่นาน ทันใดนั้นก็มองเห็นเสวี่ยเอ๋อร์

ดวงตาของเธอก็ลุกวาว

ว้าว! มีแกะตัวอ้วนพีนั่งอยู่บนคอของเสวี่ยเอ๋อร์ เออะ ไม่ใช่ นั่นมันผีร้ายตัวใหญ่มหึมา!

เมื่อเห็นซู่เป่ามองมา มันก็เงยหัวขึ้น แล้วจ้องมาที่ซู่เป่าด้วยสายตาอำมหิต ราวกับบอกเธอว่าไม่ต้องยุ่งกับเรื่องของคนอื่นให้มากนัก

จี้ฉางพูดด้วยเสียงต่ำ “นึกแล้วเชียวว่าต้องอยู่ที่นี่ เสี่ยวซู่เป่า วันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว แสดงให้อาจารย์เห็นว่าเจ้าพัฒนาขึ้นหรือเปล่า”

ซู่เป่ากำหมัดแน่น ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกาย

“อืม!”

ขณะนั้นเองก็มีครูสาวเดินเข้ามา มองเห็นซูเหอเวิ่นและซู่เป่า ก็ถามด้วยรอยยิ้ม

“ใช่ซู่เป่าไหม วันนี้มาลองสัมผัสชีวิตวัยประถมกับพี่ชายใช่ไหมคะ”

ซู่เป่าส่ายหัว พลันพยักหน้างึกๆ “อื้อ ๆ”

แน่ล่ะว่ามาเข้าเรียน ถึงอย่างไรก็บอกไม่ได้ว่ามาที่นี่เพื่อจับผี!

ถ้าคุณครูคนสวยตกใจจนฉี่ราดวิ่งออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ทันใส่กางเกงจะทำอย่างไรล่ะ

ครูสาวขบขันกับท่าทางน่ารักของซู่เป่า

“งั้นซู่เป่ากับพี่ชายนั่งด้วยกันเหรอ”

ซูเหอเวิ่นหันหน้ามาทันที

ครูสาวครุ่นคิด อยากจะย้ายเพื่อนร่วมโต๊ะของซูเหอเวิ่นไปนั่งที่อื่นชั่วคราว

กลับเห็นซู่เป่าชี้ไปยังที่นั่งด้านข้างเสวี่ยเอ๋อร์

“ครูคะ หนูอยากนั่งกับพี่เสวี่ยเอ๋อร์”

ครูสาวนึกขึ้นได้ “ใช่ ๆ วันนี้เพื่อนร่วมโต๊ะของเสวี่ยเอ๋อร์ลาหยุด ไม่มาพอดีเลย”

จี้ฉางที่อยู่ข้าง ๆ เลิกคิ้วขึ้นมา

จะโชคดีอะไรเช่นนี้

สีหน้าเสวี่ยเอ๋อร์ไม่ค่อยสู้ดี เธอไม่อยากนั่งกับซู่เป่า

เรื่องที่ซู่เป่าหยิบเช็งโป๋วเลี้ยงสาดบนตัวเธอตอนตั้งแคมป์ครั้งนั้น เธอยังจำได้ดี!

ทว่าเพื่อนผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของเสวี่ยเอ๋อร์หันหน้ากลับมาก็อุทานขึ้น

“ว้าว เสวี่ยเอ๋อร์เธอไม่ได้แค่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลซือ แต่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้กับตระกูลซูอีกด้วยเหรอเนี่ย”

ถ้าอย่างนั้นทำไมซู่เป่าไม่เลือกคนอื่น แต่กลับเลือกเสวี่ยเอ๋อร์

ความลังเลที่อยู่ในใจของเสวี่ยเอ๋อร์ก็หายวับไปทันที

ความรู้สึกเต็มใจปลอม ๆ ได้เกิดขึ้น ทำให้เธอฉีกยิ้มออกมา

“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เมื่อก่อนเคยไปตั้งแคมป์กับซู่เป่าเท่านั้นเอง”

“น้องซู่เป่า มาหาพี่สาวทางนี้” เสวี่ยเอ๋อร์ตบเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างเบา ๆ

ซู่เป่าสะพายกระเป๋าหนังสือ วิ่งตึกตัก ๆ มาด้านข้างเสวี่ยเอ๋อร์แล้วนั่งลงไป

เสวี่ยเอ๋อร์ยิ้มตาเป็นสระอิ อยากจะตีซี้กับซู่เป่า

แต่กลับเห็นซู่เป่าหยิบเต่าแก่ออกมาจากกระเป๋านักเรียน จับมันหงายท้องให้นอนราบไปกับโต๊ะ

หลังจากนั้นก็หยิบนกแก้วออกมา แล้วยัดเข้าไปในลิ้นชัก

เต่าแก่ “ @¥%……!”

เสียวอู่เริ่มย่างก้าว ค่อยๆ เดินเข้าไปหลบในลิ้นชัก

เสวี่ยเอ๋อร์ถึงกับอึ้ง

เพื่อนในห้องก็อึ้งไปตาม ๆ กัน (⊙ˍ⊙)

ครูสาวถึงกับตะลึง

“นี่มันอะไรกัน”

ซูเหอเวิ่นยกมือขึ้นบังรู้สึกขายขี้หน้า

“เอ่อ ซู่เป่า นี่คือ...” ครูสาวค่อย ๆ พูดอย่างระมัดระวัง

ซู่เป่าพูดอย่างน่าเอ็นดู “คุณครูสบายใจได้เลยค่ะ คุณปู่เต่าพูดไม่ได้ และเสียวอู่ก็ไม่ส่งเสียงดัง”

ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ซู่เป่ามาโรงเรียนแล้วพวกเขาอยู่บ้านคงจะเหงามาก ก็เลยร้องงอแงตามซู่เป่ามาด้วย”

ครูสาวกุมขมับ มุมปากก็กระตุก

เต่ากับนกมันรู้สึกเหงาได้เหรอ

ไม่สิ! เด็กน้อยอย่างเธอ จะรู้จักความเหงาได้อย่างไรกันล่ะ

ทว่าครูกลับไม่ได้ว่าอะไร เพียงพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

“ซู่เป่าคะ ที่นี่คือห้องเรียนของพวกเรา ถ้าหากเต่าหรือนกส่งผลกระทบตอนเรียน ครูก็จำเป็นต้องนำพวกมันออกไป ได้ไหมคะ”

วันนี้ก่อนเข้าเรียนช่วงเช้า คณะกรรมการโรงเรียนได้จัดการประชุม

โรงเรียนเอกชนนานาชาติอู่เซี่ยง ผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดก็คือตระกูลซู

ตอนแรกเริ่มที่ชื่อเสียงของนานาชาติอู่เซี่ยงยังไม่เป็นที่รู้จัก การสร้างโรงเรียนและบุคลากรจึงจำเป็นที่จะต้องลงทุนไปกว่าสิบพันล้าน ซึ่งตระกูลซูก็ร่วมลงทุนไปถึงแปดพันล้าน

ดังนั้น เมื่อวันหนึ่งซูอีเฉินขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนให้ช่วยดูแลหลานสาวตัวน้อย ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ต้องรับปากแน่นอน

ครูสาวก็พูดอะไรไม่ได้ เห็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองไม่ขยับ แม้แต่นกแก้วที่อยู่ในลิ้นชักก็แสนเชื่องไม่ส่งเสียงร้อง

ซู่เป่าส่งสายตาปิ๊ง ๆ ไปที่เธอ แล้วยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“ตกลง”

ครูต้องเริ่มสอนแล้ว...

จี้ฉางลอยไปอยู่อีกด้านหนึ่ง จ้องไปยังผีร้ายที่อยู่บนหัวของเสวี่ยเอ๋อร์

ผีร้ายมองมาทางจี้ฉางอย่างระแวดระวัง ทว่าภายในดวงตากลับเต็มไปด้วยความสงสัย

มันสัมผัสไม่ถึงกลิ่นชั่วร้ายจากตัวของจี้ฉาง มองไม่ออกว่าจี้ฉางแท้ที่จริงแล้วเป็นผีอะไร

ด้านจี้ฉางกำลังบอกในสิ่งที่ซู่เป่าไม่รู้มาก่อน

“นี่คือผีจองหอง เสี่ยวซู่เป่า อีกเดี๋ยวตอนเลิกเรียนนัดเสวี่ยเอ๋อร์ไปที่ป่า พาเธอไปที่นั่น”

“บอกเธอไปว่า เลิกเรียนอย่ารีบกลับ ไปเจอกันในป่า”

ซู่เป่าพยักหน้าอย่างช้า ๆ

“อืม ๆ!”

“พาเธอไป!”

“เจอกันในป่า!”

เสวี่ยเอ๋อร์กำลังตั้งใจเรียน พอได้ยินคำพูดก็ซะงัก

“อะไร”

ศีรษะเล็กๆของซู่เป่าค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ สีหน้าแสดงออกถึงความอวดดีนี้เธอเรียนรู้มาจากจี้ฉาง

“เลิกเรียนอย่ารีบกลับ ไปเจอกันในป่า”

เธอเบ่งท่าอวดดี แต่ก็ดูเป็นเด็กน้อยอยู่ดี

“……”

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจวนจะหมดคาบแรก

ครูวางหนังสือลง แล้วมองมายังซู่เป่า

เธอรู้สึกประหลาดใจ เด็กน้อยคนนี้เอาจริงเอาจังตลอดเวลา ท่าทางราวกับว่าตั้งใจจะเข้ามาเรียนจริง ๆ

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของครูสาวเดินมาทางซู่เป่า

“ซู่เป่า เมื่อกี้ฟังครูสอนเข้าใจไหมคะ”

เธอไม่ได้คาดหวังแม้แต่น้อยว่าซู่เป่าจะฟังเข้าใจ แต่เธอกลับเห็นซู่เป่าพยักหน้า

“เข้าใจค่ะ”

“ร้านค้ามีผลไม้ 50 ตะกร้า เช้าขายออกไป 12 ตะกร้า บ่ายขายออกไป 14 ตะกร้า เหลือผลไม้กี่ตะกร้า ตอบ เหลืออีก 24 ตะกร้า”

“คุณลุงคนงานต้องซ่อมถนนความยาว 100 เมตร วันแรกซ่อมได้ 64 เมตร ที่เหลือจะต้องซ่อมให้เสร็จภายใน 6 วัน แบ่งแต่ละวันให้เท่าๆกัน จะต้องซ่อมวันละกี่เมตร ตอบ 6 เมตร”

ครูสาวถึงกับผงะ อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

“ซู่เป่า เธอเก่งมาก!”

ซู่เป่ากลับทำหน้างุนงง

“ครูขา คุณลุงคนงานวันแรกซ่อมได้ตั้ง 64 เมตร ทำไมต่อมาถึงซ่อมได้แค่วันละ 6 เมตร ทำไมเขาไม่ซ่อมให้เสร็จวันเดียวเลยล่ะคะ”

“เอ่อ..”

นั่นสิ ทำไม

เธอคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

ครู่หนึ่งครูสอนคณิตศาสตร์อีกคนก็เดินเข้ามา

“เป็นอย่างไรบ้าง เสี่ยวซู่เป่าตัวน้อยของพวกเรา วันนี้ฟังที่ครูสอนเข้าใจไหม”

ซู่เป่าพยักหน้า “เข้าใจ”

แน่นอนว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ครูพูด แถมคำพูดที่เคยพูดไปเธอก็ยังสามารถท่องได้

ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

ครูสาวชื่นชมซู่เป่าให้ครูคณิตอีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาฟังอย่างไม่ขาดปาก

“ซู่เป่าเก่งมาก ๆ สิ่งที่สอนไปจำได้ทั้งหมดเลย...”

แต่แน่นอนเธอจะไม่ยอมรับ เธอหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเมื่อสักครู่นี้ของซู่เป่า

ช่างน่าอาย เป็นครูมาตั้งหลายปี กลับตอบคำถามของเด็กสี่ขวบไม่ได้

ทว่าครูสอนคณิตศาสตร์คนนั้นกลับรู้สึกสนใจ

“ใช่เหรอ ซู่เป่าเก่งขนาดนี้ งั้นครูลองทดสอบเธอ...”

“ในกระเป๋าเด็กน้อยมีอมยิ้ม 50 ลูก มาร์ชเมลโลว์ 70 ลูก และลูกอมผลไม้ 100 ลูก เด็กน้อยกินอมยิ้ม 50 ลูก มาร์ชเมลโลว์ 60 ลูก และลูกอมผลไม้ 100 ลูก ครูขอถามว่า ตอนนี้เด็กน้อยยังเหลือลูกอมอะไรบ้าง”

ซู่เป่าส่ายหัว

“ตอนนี้เด็กน้อยเป็นโรคเบาหวาน”

ก็เหมือนคุณยายไง

คุณตาเล่าว่าคุณยายแอบกินลูกอมเยอะเกินถึงได้เป็นเบาหวาน

ครูทั้งสองถึงกับชะงัก จากนั้นก็ยิ้มหัวเราะกระจาย

คำตอบนี้ ก็เหมือนจะไม่ผิดนะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน