ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 68

ผีร้ายที่เกาะอยู่บนคอเสวี่ยเอ๋อร์กำลังดูดเลือดราวกับยุงตัวใหญ่ที่กำลังหิวโซ ทันใดนั้นร่างกายขนาดใหญ่ของมันก็เปล่งแสงออกมา

เสวี่ยเอ๋อร์เย็นวาบบริเวณคอ แล้วก็รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย

ใต้ตาของเธอค่อย ๆ เริ่มปรากฏรอยหมองคล้ำสีเขียวอมเทาขึ้นมา

ครูสอนภาษาอังกฤษกลับขึ้นไปยืนบนเวที และประกาศกร้าว

“พวกเธอจำเอาไว้! ฉันไม่สนว่าผู้ปกครองของพวกเธอจะใหญ่โตหรือรวยแค่ไหน แต่ว่าอยู่ที่นี่ กฎของฉันก็ต้องเป็นกฎ”

พูดมาถึงตรงนี้ก็มองไปยังซูเหอเวิ่น เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ซูเหอเวิ่น นี่น้องสาวของเธอใช่ไหม ครูได้ยินมาว่าตอนน้องสาวเธอเข้ามาอยู่ในบ้านเธอ ก็ทำให้ลุงรองและป้ารองของเธอทะเลาะกันจนได้หย่า”

แววตาของครูสอนภาษาอังกฤษแฝงไปด้วยความเย้ยหยันประชดประชัน

เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนตรงไปตรงมาไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร คิดอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ

โดยส่วนตัวแล้วเธอเองก็ไม่ชอบซูเหอเวิ่น เด็กคนนี้เก่งวิทยาศาสตร์มาก แต่ภาษาอังกฤษกลับไม่ได้เรื่องเลย ยิ่งตอนนี้พาน้องที่มีสิทธิพิเศษมาเรียนด้วยอีก ดันเป็นเป้าหมายที่เธอต้องการจะโจมตีอยู่พอดิบพอดี

เธอคิดว่าคนที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงแบบซูเหอเวิ่นโจมตีได้ง่าย เธอหยิบชอล์กพลางพูดต่อไปด้วยความหยิ่งยโส

“เด็กเอาแต่ใจแบบน้องสาวเธอน่ะ ควรจะมีใครสักคนคอยสั่งสอน เธอก็อย่าไปทำตัวเหมือนน้องเธอล่ะ”

ได้ทีก็ถือโอกาสสอนวิชาชีวิตให้ซูเหอเวิ่นสักหน่อย

คิดไม่ถึงว่าซูเหอเวิ่นจะลุกขึ้นยืนอย่างเดือดดาล พลางเอาหนังสือฟาดลงบนโต๊ะ

น้ำเสียงเย็นชาเปล่งออกมาจากปากเขา “น้องสาวของผม คุณไม่มีสิทธิ์มาสอน! ตัวเองเป็นครู แทนที่จะตั้งใจสอนแต่กลับเอาเวลามาพูดเรื่องคนอื่น คุณนี่มันเป็นขยะของอาชีพครูจริงๆ ”

“หมายเลข 51 บนตารางธาตุ จะว่าไปก็คือคนแบบครูหวังนั่นแหละ”

เขาเก็บกระเป๋าพลางพูดต่อ “อีกเรื่องนึง ลุงรองกับป้ารองของผมเขาหย่ากัน ก็เป็นเพราะตัวป้ารองเอง ไม่เกี่ยวกับน้องสาวผมสักนิด ป้าของผมตอนนี้ยังนอนอยู่ในคุก ครูหวังอยากจะลองเข้าไปนอนในคุกสักหน่อยไหมล่ะ”

ครูสอนภาษาอังกฤษถึงกับตกตะลึง ไม่คิดว่าซูเหอเวิ่นที่ปกติไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจากลับกล้าเถียงเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีไฟร้อนสุมอยู่ในอก

“ธะ เธอ...”

เธอพึมพำในใจ คิดไปถึงว่าหมายเลข 51 บนตารางธาตุนั้นหมายถึงอะไร

ซูเหอเวิ่นถือกระเป๋าเดินผ่านเวทีบรรยายของเธอแล้วหยุดกระทันหัน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาหนึ่งประโยค

“รู้ไหมว่าหมายเลข 51 บนตารางธาตุคืออะไร ก็คือพลวงไงล่ะ สัญลักษณ์ก็คือ Sb”

พูดเสร็จก็สะบัดกระเป๋าพาดหลัง เดินออกไปด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์

เสียงฮือฮาดังขึ้นมาในชั้นเรียน เพื่อน ๆ ในห้องต่างพากันมองซูเหอเวิ่นเดินออกไปด้วยความชื่นชม

ถึงแม้จะ...แต่ว่า...

เท่มากกกกกก

แววตาของนักเรียนหญิงพากันเปล่งประกาย

เสวี่ยเอ๋อร์มองไปที่ซูเหอเวิ่น แล้วมองเพื่อนผู้หญิงคนอื่น ๆ มองซูเหอเวิ่นด้วยสายตาที่เลื่อมใส ตัวเธอเองก็รู้สึกว่าซูเหอเวิ่นก็ไม่เลว

ซูเหอเวิ่นเดินออกไปไม่หันกลับมา ครูสอนภาษาอังกฤษโกรธจวนจะระเบิดลง ตะโกนด่าเสียงแหลม

“หลังจากนี้เธออย่าแม้แต่จะคิดเข้าห้องเรียนของฉันแม้แต่ก้าวเดียว! ฉันไม่มีลูกศิษย์ที่ไม่เคารพครูบาอาจารย์แบบเธอ!”

น่าสงสารที่ซูเหอเวิ่นไม่สนใจเธอเลย

ครูหวังโมโหจนอกแทบจะระเบิดออกมา

ที่ทางเดินด้านนอก

ซู่เป่าใช้ทั้งสองมือยกเต่าไว้บนหัวของเธอ ส่วนเสียวอู่ก็ยืนอยู่บนหลังเต่า

“เฮ้ออ” ซู่เป่าถอนหายใจ

“เฮ้ออ” เสียวอู่ก็ถอนหายใจเหมือนกัน

จี้ฉางที่รู้สึกเบื่อมาตั้งนานแล้ว บอกว่าจะไปเดินเล่นในโรงเรียน

ถังจื่อหางเดิมทีหดหู่มากๆ เจอฉากนี้เข้าไปก็ระบายยิ้มออกมา

ในเวลาเดียวกันซูเหอเวิ่นก็เดินมา มองเห็นซู่เป่ายืนพิงกำแพงอย่างตั้งใจ ก็พูดแทบไม่ออก

“ไปได้แล้ว” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

“อ๊ะ ไปไหนเหรอ”

“เธออยากกินเนื้อแกะไม่ใช่เหรอ จะพาเธอไปกิน”

อยู่ที่โรงเรียนก็ค่อนข้างจะมีปัญหานิดหน่อย แต่ซูเหอเวิ่นก็เข้าใจในอำนาจเงินมาตั้งแต่เด็ก

พวกเขารวย อย่าว่าแต่เนื้อแกะเนื้อวัวเลย ทุกอย่างสามารถหามาให้เธอได้เมื่อเธอต้องการ

ซู่เป่าพอได้ยินเรื่องของกินก็ตาลุกวาว

เธอชะโงกไปที่หน้าต่าง เพื่อมองเข้าไปในห้อง เห็นเพียงแค่เสวี่ยเอ๋อร์ที่ถูกดูดเลือดจบซูบหมดแล้ว

ซู่เป่านับนิ้ว อืม...ออกไปแปปเดียว คงไม่เป็นไรมั้ง

ถึงอย่างไรเสวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอ

แน่นอนว่าเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่

คิดได้แบบนี้ ซู่เป่าก็รีบหยิบกระเป๋าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วเอาเต่ากับเสียวอู่ยัดเข้าไปข้างใน!

“ปะ ไปกัน” ซู่เป่ารอไม่ไหวถึงขนาดกลืนน้ำลาย

“......”

ถังจื่อหางมองครูหวังที่อยู่ในห้องเรียนสลับกับมองซู่เป่า

อิจฉาจัง แต่ว่าเขาไม่กล้าไป

ยามนี้ในโรงเรียนเป็นสถานที่ที่สงบและไร้ผู้คน บางคราวก็มีเสียงอ่านหนังสือดังลอดมาจากห้องเรียน

บนสนามกีฬาตอนนี้มีห้องที่กำลังเรียนวิชาพละอยู่ ครูพละก็เป่านกหวีดเสียงดังเป็นระยะ ๆ

ในเวลาว่างมีนักเรียนจับกลุ่มกันสองสามคน เดินถือของกินที่ซื้อมาจากร้านมินิมาร์ท บ้างก็พูดคุยหัวเราะกันสนุกสนาน

ซูเหอเวิ่นพาซู่เป่าเดินไปรอบ ๆ โรงเรียน คนหนึ่งก็หล่อเท่ คนหนึ่งก็น่ารักน่าชัง

“พี่คะ เราจะไปไหนกัน”

“โรงอาหาร”

การบริหารจัดการของโรงเรียนประถมนานาชาติอู่เซี่ยงเคร่งครัดมาก โดยปกติหากเข้ามาในโรงเรียนแล้ว ถ้าไม่มีผู้ปกครองมารับก็จะออกนอกบริเวณโรงเรียนไม่ได้

ซูเหอเวิ่นครุ่นคิด หรือเขาจะโทรศัพท์หาพ่อให้มารับกลับดีไหมนะ

ทว่าโรงเรียนไม่อนุญาตให้พกโทรศัพท์ หรือแม้แต่พวกนาฬิกาสมาร์ทวอช ถ้าจะโทรหาพ่อก็จะต้องไปบอกครูที่ปรึกษาก่อน

ช่างมันเถอะ

ซูเหอเวิ่นชำเลืองมองซู่เป่าที่อยู่ด้านข้าง ขาสั้น ๆ ของเธอเดินตามเขามาติด ๆ

ให้ลูก เอ้ย ไม่ใช่ ให้น้องอิ่มก่อนค่อยว่ากัน...

ซูเหอเวิ่นพาซู่เป่ามาถึงโรงอาหาร ก็เดินตรงไปยังศูนย์อาหาร

สองฝั่งของโรงอาหารมีทั้งร้านค้ามินิมาร์ท และศูนย์อาหาร โรงเรียนเอกชนระดับไฮเอนด์แน่นอนว่าเรื่องอาหารการกินก็ต้องดีมาก หากแต่ว่าของแพงมันก็เป็นเรื่องจริง

ศูนย์อาหารไม่ได้เหมือนกับร้านค้าแผงลอยตามข้างถนน พ่อค้า แม่ค้าทุกคนจะมีหน้าร้านเล็กๆเป็นของตัวเอง มีทั้งเก้าอี้ โซฟา หน้าต่าง บางร้านประดับประดาไปด้วยลวดลายดอกไม้ ตกแต่งไฟระยิบระยับเหมือนดวงดาว แต่ละร้านโชว์ให้เห็นถึงความหรูหรามีระดับ

“เถ้าแก่ เอาเนื้อแกะหนึ่ง กับขาแกะย่างอีกสอง”

ซู่เป่ารีบสั่งเพิ่ม “เอากุ้งอีกหนึ่งตัวค่ะ คุณปู่เต่าก็ต้องกิน”

ซูเหอเวิ่นย่นหน้าผาก “เอากุ้งเป็นๆเพิ่มอีกหนึ่งจาน”

“เอ่อ ตอนนี้ยังค่อนข้างเช้า วัตถุดิบยังไม่...”

ซูเหอเวิ่นหยิบบัตรศูนย์อาหารออกมา “ฉันจ่ายสองเท่าของราคาเดิม”

“โอเค! รอสิบนาที!”

ซู่เป่าจ้องตาโต

ว้าวว

“พี่ชายเก่งมาก” เธอชื่นชมด้วยความประหลาดใจ

ซูเหอเวิ่นไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย

“ฮึ! จุ้นหน่า” เขาเบือนหน้าหนี หยิ่งชะมัด

ไม่นานเกินรอหม้อไฟ เนื้อแกะ และขาแกะย่างก็มาเสิร์ฟ ซู่เป่าเอาเต่าออกจากกระเป๋า และป้อนกุ้งเข้าไปในปากมันหนึ่งตัว

แล้วก็หยิบแอปเปิ้ลยื่นไปให้เสียวอู่ เสียวอู่อ้าปากแล้วคาบแอปเปิ้ลหนึ่งชิ้น เดินเตาะแตะไปตามแขนของซู่เป่าจากนั้นกระโดดลงไปที่โต๊ะยืนติดกับเต่าเพื่อกินอาหาร

ซู่เป่าก็ยื่นมือน้อยๆออกมา เพื่อจะหยิบขาแกะย่าง

“ถึงคิวซู่เป่ากินแล้ว” เธอพูดออกมาอย่างดีใจ

ซูเหอเวิ่นขมวดคิ้ว “เดี๋ยวก่อน”

ซู่เป่าเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความสงสัย เห็นซูเหอเวิ่นหยิบถุงมือที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาสวมให้ซู่เป่า

ลูกค้าของศูนย์อาหารล้วนแต่เป็นนักเรียนชั้นประถม ก็สมควรที่จะมีถุงมือ ซูเหอเวิ่นค่อยๆบรรจงสวมถุงมือให้ซู่เป่า

“ขอบคุณค่ะ พี่ชาย” ซู่เป่าพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ในขณะเดียวกันกลิ่นหอมของขาแกะย่างก็ทำให้น้ำลายไหล

“……”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน