ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 76

ซู่เป่าเดินชอปชมชิมไปกับลุงใหญ่รอบหนึ่ง ทานทั้งไอศกรีมหนึ่งอัน วิปครีมรสสตรอเบอรีสองกล่อง และมูสเค้กหนึ่งชิ้น แล้วยังมีปีกไก่ทอด น่องไก่ทอด ขาหมูตุ๋น...

และสุดท้ายซื้อเข็มเงิน

จากนั้นถึงกลับบ้านอย่างพึงพอใจ

นายหญิงซูหัวเราะคิกคัก “ซู่เป่ากลับมาแล้ว ได้เวลาทานข้าวพอดีเลย”

ซู่เป่าส่ายหน้า “คุณยายคะ ท้องซู่เป่ากลมกิ๊กเลยค่ะ”

นายหญิงซูถามด้วยความสงสัย “ไปทานอะไรมาล่ะ”

ซู่เป่าสีหน้าจริงจัง “ทานข้าวสิบจานค่ะ”

นายหญิงซูทั้งรู้สึกตลกทั้งรู้สึกจนใจ “ซู่เป่า พูดโกหกไม่ดีนะรู้ไหม”

ซู่เป่าจึงทำได้แค่พูดอย่างเชื่อฟัง “งั้นคุณยายอย่าด่าหนูนะ ที่จริงหนูทานไอศกรีมหนึ่งอัน มูสเค้กสองชิ้น สตรอเบอรีสองกล่อง...”

เจ้าแก้มก้อนนับนิ้วมือตัวเองว่าทานอะไรไปบ้าง

นายหญิงซู “...”

ซู่เป่าเหลือบมองนายหญิงซูอย่างรวดเร็ว “ไหนคุณยายบอกว่าจะไม่โกรธยังไงล่ะคะ”

นายหญิงซูพูดปลอบว่า “สบายใจได้ ยายไม่โกรธหนูหรอก แต่คราวหน้าไม่อนุญาตให้ทานแบบนี้แล้วนะ เป็นเด็กต้องทานข้าวถึงจะถูก”

ซู่เป่าพูดอ้อนนายหญิงซูด้วยความดีใจ “ได้ค่ะคุณยาย ขอบคุณค่ะคุณยาย”

คุณยายดีที่สุดเลย

มีคุณยายที่ดีแบบนี้ เธอต้องรีบเรียนแพทย์แผนจีนโดยเร็วเพื่อที่จะได้รักษาขาของคุณยายให้หายดี

เจ้าแก้มก้อนขึ้นไปชั้นบนอย่างดีอกดีใจ

และในขณะนั้นเองเธอรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของน้ำเต้าวิญญาณจึงรีบกลับห้องทันที

นายหญิงซูมองไปที่ห้องของซู่เป่าด้วยสายตาอ่อนโยน แต่พอหันหน้ามากลับด่าซูอีเฉินเป็นชุด

“แกนี่ก็จริง ๆ เลย ให้กินขนมตั้งเยอะขนาดนั้น เด็กมันไม่รู้ความ แกเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่รู้ความด้วยเหรอ”

ซูอีเฉินลูบจมูกพลางคิดว่าซู่เป่าเป็นคนทานแท้ๆ แต่เขากลับโดนด่า

เขาพูดว่า “ก็ซู่เป่าบอกว่าอยากทานนิครับ”

เจ้าแก้มก้อนมองเขาตาปริบๆ ด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย แล้วใครจะอดใจไหว

นายหญิงซูตำหนิต่อว่า “เธอบอกอยากทานแกก็ให้ทานเลยหรือไง แกต้องรู้จักปฏิเสธสิ”

ไม่มีหลักการเลยสักนิด แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอไม่ได้อยู่ด้วย ถ้าหากเธออยู่ด้วยละก็จะไม่ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจแน่นอน

ซูอีเฉินกระแอมไอ “ผมยังมีประชุม”

เขาพูดจบก็เดินจากไปทันที

นายหญิงซูถลึงตาโต

ถ้าจะบอกว่าในตอนแรก ซู่เป่าเป็นเพียงความหวังที่เธอมีต่ออวี้เอ๋อร์เท่านั้น

แต่ตอนนี้ค่อยๆ ไม่เหมือนเดิม

ซู่เป่าไม่ใช่สิ่งชดเชยความเสียใจและหล่อเลี้ยงความรู้สึกอีกต่อไป แต่เป็นของล้ำค่าที่คนตระกูลซูประคบประหงมอย่างแท้จริง

“ไม่ทานข้าวแล้วจะเอาอะไรไปบำรุงร่างกาย”

นายหญิงซูบ่นพึมพำ จากนั้นเข้าห้องครัวไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับมื้อดึก

--------

ที่ชั้นบน ซูเหอเวิ่นเดินออกจากห้องอย่างไม่อินังขังขอบ แล้วลงไปดื่มน้ำหนึ่งแก้วที่ชั้นล่าง

จากนั้นเดินขึ้นชั้นบนผ่านห้องของซู่เป่าไปอย่างไม่อินังขังขอบ

เพิ่งเข้าห้องของตัวเองไปได้ไม่นานก็เปิดประตูออกมาอีก แล้วเดินลงไปชั้นล่างและหยิบนมหนึ่งกล่อง

ซูเหอเหวินที่นั่งอยู่บนโซฟาชั้นหนึ่งเห็นแล้วถึงกับขมวดคิ้ว “นายอยากไปหาซู่เป่าใช่ไหม”

อยากไปก็ไปสิ

เดินไปเดินมาให้เขามองจนตาลายอยู่ได้

ซูเหอเวิ่นส่งเสียงเชอะ “ใครอยากไปหาเธอ ฉันก็แค่คอแห้งเลยมาหาอะไรดื่ม ฉันไม่ได้อยากไปหาเธอสักหน่อย”

ซูเหอเหวินมองเขาปากแข็งอยู่เงียบๆ

ตอนซูเหอเวิ่นเดินไปเดินมา เดินมาแล้วก็เดินไปจนฟ้าค่อยๆ มืดลง ในที่สุดเขาก็เคาะประตูห้องของซู่เป่า

“เข้ามาได้ค่ะ” ซู่เป่าพูดเสียงแจ๋ว

ซูเหอเวิ่นมองซ้ายมองขวาด้วยความประหม่าราวกับสายลับกำลังบอกรหัสลับ จากนั้นรีบเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ที่ห้องตรงข้าม

ซูเหอเหวินถือโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเฉยชา...

ฮึๆ ปากแข็งนักใช่ไหม

ซูเหอเหวินไม่เข้าใจว่าซูเหอเวิ่นเพิ่งอยู่กับซู่เป่าแค่ครึ่งวัน พอกลับมาทำไมถึงเปลี่ยนไป

น้องสาวน่ารำคาญจะเสียชีวิต แล้วเขายังเดินไปเดินมา ถ้าเป็นเขาละก็ไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลาแบบนี้แน่นอน

ซูเหอเหวินทำหน้ามุ่ย จากนั้นปิดประตูห้องแล้วไปอ่านหนังสือ

ตอนซูเหอเวิ่นเข้าไปก็เห็นซู่เป่านอนอยู่บนเตียง

เธอยกเท้าเล็กๆ ขึ้นสูงๆ แล้วมองนิ้วเท้าของตัวเองเต้นระบำ

ซูเหอเวิ่น “เธอกำลังทำอะไรน่ะ”

ซู่เป่าแกว่งขาน้อย ๆ ไปมา “หนูกำลังลดน้ำหนักค่ะ

เขาถามอย่างหมดคำพูด “เธออายุเท่าไหร่ เด็กต้องลดน้ำหนักที่ไหนกันล่ะ”

พอลดน้ำหนักแล้ว แก้มเล็กจ้ำม่ำก็จะไม่มีและก็จะไม่น่ารักอีกแล้ว

ตอนนี้ดีแค่ไหน เหมือนกับมะเขือเทศ

ซู่เป่าวางขาลง แล้วนอนกางแขนกางขาอยู่บนเตียง “ก็ได้... ถ้าไม่ลด อีกปะเดี๋ยวหนูจะฝืนทานข้าวได้อีกแค่จานเดียว”

ถ้าไม่ทานเลยละก็คุณยายจะต้องเป็นห่วง

ซูเหอเวิ่นถามด้วยความประหลาดใจ “เธอยังอยากทานข้าวอีกจานเหรอ”

เยี่ยมมาก คนอื่นลดน้ำหนักเพื่อให้หุ่นดี แต่เธอลดน้ำหนักเพื่อทานให้ได้เยอะขึ้น

เห็นชัดๆ ว่าตอนชอปปิงตอนบ่าย เธอทานไปทั่วทุกร้านแล้ว

ซู่เป่าจิ้มท้องกลมๆ น้อยๆ อย่างกลัดกลุ้ม

“เฮ้อ ทำไมพุงถึงเล็กแบบนี้นะ ทำไมตั้งแต่คอลงมาถึงไม่ใช่พุงทั้งหมดเลยล่ะ”

ซูเหอเวิ่น “...”

--------

ทันใดนั้นซู่เป่าพลันเงยหน้าขึ้น “ใช่สิ ป้าอ้วน ป้าเสียชีวิตยังไงคะ”

ตัวพองขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะทานจนท้องแตกเสียชีวิตหรอกนะ

ซู่เป่ามองไปทางด้านหลังของซูเหอเวิ่น

ซูเหอเวิ่นหลังแข็งทื่อ “ป้า ป้าอ้วนอยู่ตรงไหนเหรอ”

คงไม่ได้...อยู่ข้างหลังเขาใช่ไหม...

ซู่เป่าชี้ไปยังด้านหลังเขา “อยู่บนศีรษะด้านหลังของพี่ไง”

เธอใช้สีหน้าอารมณ์อันใสซื่อและน่ารักที่สุด แต่พูดให้คนตกใจกลัวมากที่สุด

ซูเหอเวิ่นรีบวิ่งไปหาซู่เป่าอย่างรวดเร็ว แล้วนั่งลงข้างซู่เป่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ซู่เป่าตกใจ “พี่กลัวมากเลยเหรอคะ”

ซูเหอเวิ่นเม้มปาก “เปล่า ฉันแค่ยืนเหนื่อยแล้ว เลยอยากนั่งสักหน่อย”

ซู่เป่ามองซูเหอเวิ่น จากนั้นมองไปทางเก้าอี้โซฟาที่อยู่ข้างๆ

ถ้าเหนื่อยมากก็ไปนั่งที่เก้าอี้สิ แต่เขากลับมานั่งข้างๆ เธอ

ซู่เป่ามองทะลุแต่ไม่พูด และยังชักสีหน้าจริงจัง

“อืม ๆ ครั้งหน้าถ้าพี่รู้สึกเหนื่อยอีกก็บอกตรง ๆ นะ”

ซูเหอเวิ่น “....”

ครั้งหน้า... ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว

--------

ซูเหอเวิ่นเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ เพื่อปกปิดความเก้อเขิน

“แล้วถามได้ความว่าไงบ้าง ป้าอ้วนบอกหรือยังว่าเขาเสียชีวิตยังไง”

ท้ายที่สุดแล้วซูเหอเวิ่นก็ข่มความอยากรู้อยากเห็นในใจไว้ไม่ได้

ผีผู้หญิงตัวพองเหมือนนักมวยซู่โม่ สรุปแล้วเธอเสียชีวิตยังไงกันแน่

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเหอเวิ่นคลุกคลีกับผี นับตั้งแต่คืนวันนั้นที่เขาเห็นผีน้าสาวขี้เหร่ ก็รู้สึกว่ามุมมองที่มีต่อโลกเปลี่ยนไป

ราวกับเปิดประตูสู่โลกใหม่...

กลัวแต่ก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้...

ในเวลานี้ ผีจองหองที่กำลังถูกจี้ฉางคุมตัวไว้อยู่

เธออ้าปากกว้างมาก ๆ จนน่าเกลียดน่ากลัว

แล้วจี้ฉางก็ยกมือขึ้นและล่วงเข้าไปดึงผีสาวหลี่เหมยออกมาจากปากเธอ

ปากของซู่เป่าอ้ากว้างเป็นรูปตัวโอ “โอ้โห้ ดึงออกมาได้จริงๆ ด้วย”

ซูเหอเวิ่นถามด้วยความสงสัยว่า “ดึงอะไรออกมา”

ซู่เป่าพูดว่า “เมื่อสักครู่ป้าอ้วนทานน้าขี้เหร่เข้าไปค่ะ ท่านอาจารย์จับพวกเขาออกมา”

เธอร้อนรนใจ

มีวิญญาณมาเพิ่มอีกตัว น้ำเต้าวิญญาณก็จะได้เต็มเร็วๆ แต่แน่นอนว่าไม่สามารถกินมันได้

กินสองกลายเป็นหนึ่ง เธอยังต้องจับเพิ่มอีก

หลังจากได้ยินท่านอาจารย์บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอถึงกลับไปออกกำลังกายพลางรอท่านอาจารย์ดึงน้าขี้เหร่ออกมาจากในท้องของป้าอ้วน

แต่ซูเหอเวิ่นเข้าใจผิด

ตอนนี้เขามองไม่เห็นผีแล้ว ในสมองจิตนการภาพที่ผีสาวขี้เหร่โดนผีจองหองดึงออกมาแล้วนึกถึงตัวเองอั้นอุจจาระในห้องน้ำวันนั้นอย่างอธิบายไม่ได้

ซูเหอเวิ่นเบะปากและมีความรังเกียจปรากฏในแววตาของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน