หลี่รั่วผิงพูดเบาๆ ว่า “ฉันฟังนายหน้าอธิบายเนื้อความในสัญญาและฝ่ามือของฉันก็เหงื่อออกตลอดเวลา”
จนในที่สุดนายหน้าก็อธิบายสัญญาจนจบและเธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะยืดเยื้อต่อไป
หลี่รั่วผิงใช้ข้ออ้างในการรับโทรศัพท์ แล้วเดินไปด้านข้างใช้งานโทรศัพท์เพื่อขอยืมเงินสองหมื่นหยวนจากเจ้าพ่อเงินกู้
“ตอนนั้นเงินกู้ดอกเบี้ยสูงยืมง่าย แต่ถ้าใช้คืนไม่ไหว พวกเขาก็กล้าฟันคุณจริงๆ...”
“แต่ฉันไม่สนใจอะไรมากแล้ว ในที่สุดก็โอนเงินไปในวินาทีสุดท้าย”
ในเวลานั้น นายหน้าผงกศีรษะโค้งคำนับและให้ความเคารพเธอ ท่าทีนั้นเหมือนกับผู้จัดการร้านแบรนด์กุชไนท์ที่มีต่อเพื่อนสนิทของเธอเป๊ะ
ความกลัวและไม่สบายใจหลังจากที่เพิ่งกู้เงินดอกเบี้ยสูงก็ถูกความรู้สึกโดนให้เกียรติเข้ามาแทนที่
“ในตอนนั้นการได้อยู่คอนโดราคาห้าพัน ถือเป็นชีวิตที่ทุกคนเคารพนับถือ...”
แม้ในคืนนั้นเธอจะแอบทานบะหมี่ในคอนโดหรูก็ตาม
ซู่เป่าถามด้วยความสงสัยว่า “แล้วเพื่อนสนิทของป้ารวยขนาดนั้น ทำไมไม่ยืมเงินจากเธอล่ะคะ”
หลี่รั่วผิงเอ่ยปากพูดในทันที “ไม่ได้ ที่เพื่อนสนิทยอมเป็นเพื่อนกับฉันก็เพราะคิดว่าฉันบริสุทธิ์และเรียบง่าย...”
เธอเคยโกหกเพื่อนสนิทว่าพ่อแม่ที่อยู่บ้านนอกป่วยหนัก ดังนั้นจึงต้องทำงานและทำโอทีอย่างขยันขันแข็ง และเคยพูดว่าเพียงแค่พ่อแม่ของเธออยู่ดีสุขสบาย ถึงเธอจะเหนื่อยและลำบากแค่ไหนก็ไม่เป็นเลย
ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถยืมเงินจากเพื่อนสนิทได้
ถ้าเพื่อนสนิทรู้ว่าเธอยืมเงินเพื่ออยู่คอนโดค่าเช่าห้าพัน ต้องรู้สึกผิดหวังต่อเธอมากแน่ ๆ และเลิกเป็นเพื่อนกับเธอ
แล้วจะไปเอาเสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์เนมมาจากไหน
จี้ฉางนึกถึงเสวี่ยเอ๋อร์ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผีจองหองต้องเกาะติดเสวี่ยเอ๋อร์
“ไม่เพียงแค่ทะนงเกินตัวถึงที่สุด แต่ยังเสแสร้งจอมปลอมถึงที่สุด”
หลี่รั่วผิงพูดต่อว่า
“เมื่ออยู่คอนโดราคาห้าพันแล้ว ฉันไม่สามารถกลับไปทำงานที่โรงพิมพ์ได้อีก เพราะมันไม่สมฐานะของฉันในตอนนั้นแล้ว”
ต้องเป็นพนักงานออฟฟิศ ต้องเป็นงานที่มีหน้ามีตาถึงจะเหมาะสมกับเธอ
แต่เธอไม่มีวุฒิการศึกษา ไม่มีความสามารถอะไรและไม่มีประสบการณ์การทำงาน เธอจึงสมัครงานพนักงานออฟฟิศที่มีหน้ามีตาไม่ได้
“และในตอนนั้นเองฉันเห็นหน่วยงานของรัฐกำลังรับสมัครลูกจ้างชั่วคราว... พวกเขาเห็นฉันเป็นคนดี น่าสงสารและจริงใจจึงรับฉันเข้าทำงาน”
จี้ฉางแสยะยิ้มเย้ยหยัน คนดี น่าสงสารและจริงใจเหรอ
เสแสร้งละสิ
“หน่วยงานนี้ดีไปหมดทุกอย่าง ทั้งมีหน้ามีตาและไม่ต้องตากแดดตากลม พอเล่าให้คนอื่นฟังต่างก็พากันอิจฉา”
แต่ไม่ดีอยู่อย่างเดียวก็คือเงินเดือนเพียงเดือนละพันหยวน
ใช่ ลูกจ้างชั่วคราว เหตุผลที่หลี่รั่วผิงถูกรับเข้าทำงาน ทั้งหมดเป็นเพราะเงินเดือนของลูกจ้างชั่วคราวนั้นน้อยมาก เธอจึงสมัครได้อย่างราบรื่น
มีที่อยู่และมีหน้าที่การงานที่มีหน้ามีตาแล้ว ทั้งสวมใส่เสื้อผ้าและสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมทุกวัน
ถึงแม้จะแบกหนี้เงินกู้ก้อนโต ถึงจะหักแบ่งบะหมี่แห้งหนึ่งซองไว้ทานสองมื้อ
แต่เธอก็ใช้ชีวิตเป็นในแบบที่คนอื่นอิจฉา
ผ่านไปไม่นานสิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถเติมเต็มความจองหองเกินฐานะของเธอได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอพลั้งปากว่าตัวเองเป็นลูกสาวของผู้บริหารสูงสูดของเฉียงเชิ่งกรุ๊ปโดยไม่ตั้งใจ และที่เธอมาทำงานก็เพื่อหาประสบการณ์ชีวิต
และเผอิญให้คนเห็นรูปคู่ของเธอกับพ่อเพื่อนสนิทโดยไม่ตั้งใจ...
ใช่แล้ว เธอสวมรอยเป็นเพื่อนสนิท...
“ดังนั้นมีเงินมันดีจริงๆ นะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉันเป็นลูกสาวของผู้บริหารสูงสูดของเฉียงเชิ่งกรุ๊ปตัวปลอม แต่กลับไม่มีใครมาตรวจสอบฉัน”
ตอนสวมรอยเป็นเพื่อนสนิท เธอถึงได้รู้ว่ามันสุดยอดแค่ไหน
ทุกคนล้วนประจบสอพอและยกยอปอปั้นเธอ
เธอเลี้ยงข้าวคนอื่นอย่างหน้าใหญ่ใจโต
เอาเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ตัวเองไม่ต้องการแล้วให้คนอื่นและพาคนอื่นไปชอปปิง...
และใช้ชีวิตเป็นสาวสวยและรวยมากอย่างแท้จริง
ซู่เป่าฟังอย่างตั้งอกตั้งใจและถามว่า “ดังนั้น... ป้าคุยโม้โอ้อวดจนเกินจริงจนลมเข้าท้องตัวพองเสียชีวิตเหรอคะ”
หลี่รั่วผิง “...”
จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง
เธอพูดเบาๆ ว่า “ฉันคิดมาตลอดว่าที่เพื่อนสนิทเอาเสื้อผ้าให้ฉันเป็นเพราะดีกับฉัน...”
“แต่ตอนที่ฉันเลียนแบบเธอและเอาเสื้อผ้าให้คนอื่น ฉันถึงได้รู้ว่าหนึ่งในนั้นไม่รู้ว่ามีความรู้สึกเหนือชั้นกว่ามากเท่าใด”
หลี่รั่วผิงแสยะยิ้ม “ดังนั้นที่เธอดีกับฉันขนาดนี้เป็นเพราะมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน นั่นก็คือใช้ฉันเป็นตัวขับความรู้สึกเหนือชั้นกว่าของเธอให้เด่น”
ซู่เป่าขมวดคิ้ว “แล้วป้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นแบบนั้น”
สายตาของหลี่รั่วผิงเหยียดหยาม “ตอนฉันเอาเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ไม่ต้องการแล้วให้คนอื่น ฉันได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขอบคุณและความประหลาดใจของคนอื่น จึงรู้สึกดูถูกในใจ เฮ่อ คนบ้านนอกพวกนี้เหมาะที่จะรับของเหลือจากฉันเท่านั้น”
“ตอนที่เพื่อนสนิทเอาเสื้อผ้าเก่าให้ฉัน เธอก็ต้องคิดแบบนี้แน่ๆ ไม่เช่นนั้น เธอมีเงินมากมายขนาดนั้น ทำไมไม่ซื้อของใหม่ให้ฉันเลยล่ะ”
ซู่เป่า “...”
จี้ฉาง “...”
ทั้งศิษย์และอาจารย์ล้วนหมดคำพูด
ซู่เป่าเด็กขนาดนี้ยังรู้ว่าคิดแบบนี้ไม่ถูก แต่หลี่รั่วผิงกลับดื้อดึงไม่ยอมรับผิด
จี้ฉางถามเบาๆ ว่า “เจ้าฆ่านางแล้วงั้นรึ”
โครงกระดูกทั้งสิบแปดโครงที่ฝังอยู่ใต้สนาม มีโครงกระดูกหนึ่งที่มีอายุไม่เหมือนกับโครงอื่น ๆ
นัยน์ตาของหลี่รั่วผิงเปลี่ยนเป็นคลุ้มคลั่ง “ฉันฆ่าเธอแล้ว ฉันก็สามารถกลายเป็นเธอ ฆ่าเธอแล้ว ฉันก็จะได้แทนที่เธอ...”
“ทำไมโลกนี้ถึงไม่ยุติธรรมแบบนี้ ทำไมเธอถึงคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด แต่ฉันกลับต้องเก็บเสื้อผ้าของคนอื่นมาใส่ตั้งแต่ฉันยังเด็ก”
“ฉันควรเป็นสาวสวยและรวยมาก ฉันเบื่อกับการขายหน้าเวลาถูกเจ้าพ่อเงินกู้ตามทวงหนี้ถึงหน้าบ้าน... ฉันเบื่อกับการใช้ชีวิตที่ไม่หยุดหาคำลวงอื่นมาเพื่อปกปิดเรื่องโกหกเรื่องเดียว...”
เธอไม่เคยคาดคิดถึงความบ้าคลั่งของพวกเงินกู้ดอกเบี้ยสูง พวกเขากล้ามาถึงบ้านจริงๆ และเอามีดปาดคอเธอ
เธอจะทำไงได้
และเธอก็ถูกบังคับด้วย
ตอนแรกเธอยืมแค่สองหมื่น แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นหนี้ร้อยล้าน...
เพียงแค่ฆ่าเพื่อนสนิทและถือโอกาสเข้าไปเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเพื่อนสนิท เพียงเท่านี้เธอก็จะแทนที่เพื่อนสนิทได้อย่างสมบูรณ์แบบ...
เธอถึงจะสามารถชดใช้หนี้เงินกู้ร้อยล้านได้ และถึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างไร้ทุกข์ไร้กังวลได้
ซู่เป่าส่ายหน้าและถอนหายใจเฮ้อ “ช่วยไม่ได้แล้ว”
สายตาของหลี่รั่วผิงเหม่อลอยเล็กน้อยและพึมพำว่า “หลังจากที่ฉันฆ่าเพื่อนสนิท ฉันก็ปฏิบัติกับพ่อแม่ของเพื่อนสนิทเหมือนเป็นพ่อแม่ของฉันและเกลี้ยกล่อมพวกเขาทุกวัน อยากให้พวกเขาก้าวผ่านความเสียใจไปให้ได้...”
“แต่พวกเขาไม่เห็นค่ามันเลย ฉันพยายามเอาอกเอาใจอย่างหนัก แต่พวกเขากลับไม่ปฏิบัติกับฉันเหมือนลูกสาวเลย”
“พวกเขาส่งฉันให้พวกเจ้าพ่อเงินกู้เองกับมือ แค่เพียงเพราะรู้ว่าฉันเป็นคนฆ่าเพื่อนสนิท ทำไมพวกเขาถึงโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้”
พวกเขาสามารถแจ้งตำรวจให้มาจับเธอได้
ทำไมต้องส่งเธอให้กับพวกเจ้าพ่อเงินกู้ล่ะ
ทั้งๆ ที่พวกเขาก็รู้ว่าพวกเจ้าพ่อเงินกู้ฆ่าคนไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นซู่เป่าพลันนึกขึ้นได้ “ดังนั้นป้าก็เลยเสียชีวิตแบบนั้นเหรอคะ แต่ทำไมถึงตัวอ้วนตัวพองแบบนี้ล่ะคะ”
เจ้าแก้มก้อนมองป้าอ้วนด้วยความสงสัย
ป้าอ้วนแกอ้วนจริง ๆ และผิวก็พองเหมือนเป่าลูกโป่ง
ทั้งตัวขาวจั่วไปหมด...
ทันใดนั้นหลี่รั่วผิงพลันหงุดหงิดขึ้นมาและตะคอกด้วยดวงตาแดงก่ำ “พวกมันลากฉันกลับไปที่โรงพิมพ์แล้วยัดฉันใส่เข้าไปในเครื่องจักรและทารุณฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า... เอาเครื่องจักรมาจ่อที่ปากของฉัน...”
พวกเขาหัวเราะเยาะ บอกว่าเธอชอบขี้โม้โอ้อวดนักไม่ใช่เหรอ
ดังนั้นพวกเขาจึงเป่าเธอเหมือนลูกโป่ง ไม่ฟังที่เธอร้องขอความเมตตาและยังเพิกเฉยต่อความสิ้นหวังของเธอ
“เป่าไปเรื่อยๆ ... เป่าจนเส้นเลือดของฉันแตกและเลือดพุ่งกระฉูด”
“เป่าไปเรื่อยๆ ... จนเลือดของฉันไหลจนหมดตัวและเลือดทั้งหมดกลายเป็นน้ำหมึกสีแดงที่พิมพ์หนังสือ”
แม้หลังจากที่เธอเสียชีวิตแล้วก็ยังถูกทำเป็นลูกหนัง ตัวพองมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า จนในที่สุดก็ระเบิดแตกเสียงดังปังเหมือนกับลูกโป่ง
หลี่รั่วผิงทั้งบ้าคลั่งทั้งไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ “พวกมันทำแบบนี้ได้ไง ฉันก็น่าสงสารเหมือนกันนะ”
“ถึงแม้ฉันจะทำผิด แต่ก็เพราะเพื่อนสนิทเอาเสื้อผ้าเก่าและกระเป๋ามาเหยียดหยามฉันก่อน”
“ฉันก็เสียใจที่ฆ่าเพื่อน แต่ในเมื่อคนเสียชีวิตไปแล้วไม่สามารถกลับมาได้ แล้วทำไมถึงปฏิบัติกับฉันเหมือนเธอไม่ได้...”
“สิบปีมานี้ พวกมันเคยรู้บ้างไหมว่าฉันผ่านมาได้ยังไง ฉันต้องเวียนว่ายเสียชีวิตเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า กรีดร้องทั้งวันทั้งคืน เลือดสดสาดกระเซนไปทั่ว... แต่กลับไม่มีใครได้ยิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
สนุกค่ะ รออัพตอนใหม่อยู่นะคะ...
สนุกค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ...
ยังมีใครอ่านอยู่ไหมค่ะเนี่ย ไม่รู้ตัวเอกเป็นยมบาลหรืออันธพาล ใครอ่านอยู่มาคุยกันค่ะ...
เสียดายเวลาที่อ่านมานานก็เลยพยายามอดทนอ่านต่อไปเรื่อยถ้าเนื้อเรื่องยังเป็นแบบนี้สักวันคงเลิกอ่านจริงๆอ่ะ...
อ้าว...ยัยแก่ มหาภัย ยังไงกันหะ อยู่ไปจะมาทำร้าย คุณพี่ชายซูจื่อซี ได้ไง...แกต้องโดนท่านยมบาลน้อย ชำระความ....
ชื่อเรื่อง "ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน" ไอ้เราก็นึกว่า ชีวิตใหม่ที่ว่าคือชีวิตที่ได้เจอคนรอบครัว มีตายายและลุงๆที่รักยัยหนู...แค่นั้น ที่ไหนได้ ที่แท้ชีวิตใหม่คือเป็นมือจับผีตัวน้อย...
🧐รอๆๆๆ...
เป้ยเฉินอวี่ เธอชอบ ซูอีเฉินของฉันไม่ได้!.... รออัพเดตนะค่ะ กำลังสนุก pleaseee...
มีผีร้ายเพิ่มอีกตัว.... ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...
เย้ๆ ท่านหญิงซูเดินได้แล้ว ลุ้นๆแม่ของซูเป่าจะจำอดีตได้มั๊ยน๊า ขอบคุณมากค่ะแอดมิน...