ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 78

หลี่รั่วผิงพูดเบาๆ ว่า “ฉันฟังนายหน้าอธิบายเนื้อความในสัญญาและฝ่ามือของฉันก็เหงื่อออกตลอดเวลา”

จนในที่สุดนายหน้าก็อธิบายสัญญาจนจบและเธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะยืดเยื้อต่อไป

หลี่รั่วผิงใช้ข้ออ้างในการรับโทรศัพท์ แล้วเดินไปด้านข้างใช้งานโทรศัพท์เพื่อขอยืมเงินสองหมื่นหยวนจากเจ้าพ่อเงินกู้

“ตอนนั้นเงินกู้ดอกเบี้ยสูงยืมง่าย แต่ถ้าใช้คืนไม่ไหว พวกเขาก็กล้าฟันคุณจริงๆ...”

“แต่ฉันไม่สนใจอะไรมากแล้ว ในที่สุดก็โอนเงินไปในวินาทีสุดท้าย”

ในเวลานั้น นายหน้าผงกศีรษะโค้งคำนับและให้ความเคารพเธอ ท่าทีนั้นเหมือนกับผู้จัดการร้านแบรนด์กุชไนท์ที่มีต่อเพื่อนสนิทของเธอเป๊ะ

ความกลัวและไม่สบายใจหลังจากที่เพิ่งกู้เงินดอกเบี้ยสูงก็ถูกความรู้สึกโดนให้เกียรติเข้ามาแทนที่

“ในตอนนั้นการได้อยู่คอนโดราคาห้าพัน ถือเป็นชีวิตที่ทุกคนเคารพนับถือ...”

แม้ในคืนนั้นเธอจะแอบทานบะหมี่ในคอนโดหรูก็ตาม

ซู่เป่าถามด้วยความสงสัยว่า “แล้วเพื่อนสนิทของป้ารวยขนาดนั้น ทำไมไม่ยืมเงินจากเธอล่ะคะ”

หลี่รั่วผิงเอ่ยปากพูดในทันที “ไม่ได้ ที่เพื่อนสนิทยอมเป็นเพื่อนกับฉันก็เพราะคิดว่าฉันบริสุทธิ์และเรียบง่าย...”

เธอเคยโกหกเพื่อนสนิทว่าพ่อแม่ที่อยู่บ้านนอกป่วยหนัก ดังนั้นจึงต้องทำงานและทำโอทีอย่างขยันขันแข็ง และเคยพูดว่าเพียงแค่พ่อแม่ของเธออยู่ดีสุขสบาย ถึงเธอจะเหนื่อยและลำบากแค่ไหนก็ไม่เป็นเลย

ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถยืมเงินจากเพื่อนสนิทได้

ถ้าเพื่อนสนิทรู้ว่าเธอยืมเงินเพื่ออยู่คอนโดค่าเช่าห้าพัน ต้องรู้สึกผิดหวังต่อเธอมากแน่ ๆ และเลิกเป็นเพื่อนกับเธอ

แล้วจะไปเอาเสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์เนมมาจากไหน

จี้ฉางนึกถึงเสวี่ยเอ๋อร์ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผีจองหองต้องเกาะติดเสวี่ยเอ๋อร์

“ไม่เพียงแค่ทะนงเกินตัวถึงที่สุด แต่ยังเสแสร้งจอมปลอมถึงที่สุด”

หลี่รั่วผิงพูดต่อว่า

“เมื่ออยู่คอนโดราคาห้าพันแล้ว ฉันไม่สามารถกลับไปทำงานที่โรงพิมพ์ได้อีก เพราะมันไม่สมฐานะของฉันในตอนนั้นแล้ว”

ต้องเป็นพนักงานออฟฟิศ ต้องเป็นงานที่มีหน้ามีตาถึงจะเหมาะสมกับเธอ

แต่เธอไม่มีวุฒิการศึกษา ไม่มีความสามารถอะไรและไม่มีประสบการณ์การทำงาน เธอจึงสมัครงานพนักงานออฟฟิศที่มีหน้ามีตาไม่ได้

“และในตอนนั้นเองฉันเห็นหน่วยงานของรัฐกำลังรับสมัครลูกจ้างชั่วคราว... พวกเขาเห็นฉันเป็นคนดี น่าสงสารและจริงใจจึงรับฉันเข้าทำงาน”

จี้ฉางแสยะยิ้มเย้ยหยัน คนดี น่าสงสารและจริงใจเหรอ

เสแสร้งละสิ

“หน่วยงานนี้ดีไปหมดทุกอย่าง ทั้งมีหน้ามีตาและไม่ต้องตากแดดตากลม พอเล่าให้คนอื่นฟังต่างก็พากันอิจฉา”

แต่ไม่ดีอยู่อย่างเดียวก็คือเงินเดือนเพียงเดือนละพันหยวน

ใช่ ลูกจ้างชั่วคราว เหตุผลที่หลี่รั่วผิงถูกรับเข้าทำงาน ทั้งหมดเป็นเพราะเงินเดือนของลูกจ้างชั่วคราวนั้นน้อยมาก เธอจึงสมัครได้อย่างราบรื่น

มีที่อยู่และมีหน้าที่การงานที่มีหน้ามีตาแล้ว ทั้งสวมใส่เสื้อผ้าและสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมทุกวัน

ถึงแม้จะแบกหนี้เงินกู้ก้อนโต ถึงจะหักแบ่งบะหมี่แห้งหนึ่งซองไว้ทานสองมื้อ

แต่เธอก็ใช้ชีวิตเป็นในแบบที่คนอื่นอิจฉา

ผ่านไปไม่นานสิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถเติมเต็มความจองหองเกินฐานะของเธอได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอพลั้งปากว่าตัวเองเป็นลูกสาวของผู้บริหารสูงสูดของเฉียงเชิ่งกรุ๊ปโดยไม่ตั้งใจ และที่เธอมาทำงานก็เพื่อหาประสบการณ์ชีวิต

และเผอิญให้คนเห็นรูปคู่ของเธอกับพ่อเพื่อนสนิทโดยไม่ตั้งใจ...

ใช่แล้ว เธอสวมรอยเป็นเพื่อนสนิท...

“ดังนั้นมีเงินมันดีจริงๆ นะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉันเป็นลูกสาวของผู้บริหารสูงสูดของเฉียงเชิ่งกรุ๊ปตัวปลอม แต่กลับไม่มีใครมาตรวจสอบฉัน”

ตอนสวมรอยเป็นเพื่อนสนิท เธอถึงได้รู้ว่ามันสุดยอดแค่ไหน

ทุกคนล้วนประจบสอพอและยกยอปอปั้นเธอ

เธอเลี้ยงข้าวคนอื่นอย่างหน้าใหญ่ใจโต

เอาเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ตัวเองไม่ต้องการแล้วให้คนอื่นและพาคนอื่นไปชอปปิง...

และใช้ชีวิตเป็นสาวสวยและรวยมากอย่างแท้จริง

ซู่เป่าฟังอย่างตั้งอกตั้งใจและถามว่า “ดังนั้น... ป้าคุยโม้โอ้อวดจนเกินจริงจนลมเข้าท้องตัวพองเสียชีวิตเหรอคะ”

หลี่รั่วผิง “...”

จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง

เธอพูดเบาๆ ว่า “ฉันคิดมาตลอดว่าที่เพื่อนสนิทเอาเสื้อผ้าให้ฉันเป็นเพราะดีกับฉัน...”

“แต่ตอนที่ฉันเลียนแบบเธอและเอาเสื้อผ้าให้คนอื่น ฉันถึงได้รู้ว่าหนึ่งในนั้นไม่รู้ว่ามีความรู้สึกเหนือชั้นกว่ามากเท่าใด”

หลี่รั่วผิงแสยะยิ้ม “ดังนั้นที่เธอดีกับฉันขนาดนี้เป็นเพราะมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน นั่นก็คือใช้ฉันเป็นตัวขับความรู้สึกเหนือชั้นกว่าของเธอให้เด่น”

ซู่เป่าขมวดคิ้ว “แล้วป้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นแบบนั้น”

สายตาของหลี่รั่วผิงเหยียดหยาม “ตอนฉันเอาเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ไม่ต้องการแล้วให้คนอื่น ฉันได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขอบคุณและความประหลาดใจของคนอื่น จึงรู้สึกดูถูกในใจ เฮ่อ คนบ้านนอกพวกนี้เหมาะที่จะรับของเหลือจากฉันเท่านั้น”

“ตอนที่เพื่อนสนิทเอาเสื้อผ้าเก่าให้ฉัน เธอก็ต้องคิดแบบนี้แน่ๆ ไม่เช่นนั้น เธอมีเงินมากมายขนาดนั้น ทำไมไม่ซื้อของใหม่ให้ฉันเลยล่ะ”

ซู่เป่า “...”

จี้ฉาง “...”

ทั้งศิษย์และอาจารย์ล้วนหมดคำพูด

ซู่เป่าเด็กขนาดนี้ยังรู้ว่าคิดแบบนี้ไม่ถูก แต่หลี่รั่วผิงกลับดื้อดึงไม่ยอมรับผิด

จี้ฉางถามเบาๆ ว่า “เจ้าฆ่านางแล้วงั้นรึ”

โครงกระดูกทั้งสิบแปดโครงที่ฝังอยู่ใต้สนาม มีโครงกระดูกหนึ่งที่มีอายุไม่เหมือนกับโครงอื่น ๆ

นัยน์ตาของหลี่รั่วผิงเปลี่ยนเป็นคลุ้มคลั่ง “ฉันฆ่าเธอแล้ว ฉันก็สามารถกลายเป็นเธอ ฆ่าเธอแล้ว ฉันก็จะได้แทนที่เธอ...”

“ทำไมโลกนี้ถึงไม่ยุติธรรมแบบนี้ ทำไมเธอถึงคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด แต่ฉันกลับต้องเก็บเสื้อผ้าของคนอื่นมาใส่ตั้งแต่ฉันยังเด็ก”

“ฉันควรเป็นสาวสวยและรวยมาก ฉันเบื่อกับการขายหน้าเวลาถูกเจ้าพ่อเงินกู้ตามทวงหนี้ถึงหน้าบ้าน... ฉันเบื่อกับการใช้ชีวิตที่ไม่หยุดหาคำลวงอื่นมาเพื่อปกปิดเรื่องโกหกเรื่องเดียว...”

เธอไม่เคยคาดคิดถึงความบ้าคลั่งของพวกเงินกู้ดอกเบี้ยสูง พวกเขากล้ามาถึงบ้านจริงๆ และเอามีดปาดคอเธอ

เธอจะทำไงได้

และเธอก็ถูกบังคับด้วย

ตอนแรกเธอยืมแค่สองหมื่น แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นหนี้ร้อยล้าน...

เพียงแค่ฆ่าเพื่อนสนิทและถือโอกาสเข้าไปเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเพื่อนสนิท เพียงเท่านี้เธอก็จะแทนที่เพื่อนสนิทได้อย่างสมบูรณ์แบบ...

เธอถึงจะสามารถชดใช้หนี้เงินกู้ร้อยล้านได้ และถึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างไร้ทุกข์ไร้กังวลได้

ซู่เป่าส่ายหน้าและถอนหายใจเฮ้อ “ช่วยไม่ได้แล้ว”

สายตาของหลี่รั่วผิงเหม่อลอยเล็กน้อยและพึมพำว่า “หลังจากที่ฉันฆ่าเพื่อนสนิท ฉันก็ปฏิบัติกับพ่อแม่ของเพื่อนสนิทเหมือนเป็นพ่อแม่ของฉันและเกลี้ยกล่อมพวกเขาทุกวัน อยากให้พวกเขาก้าวผ่านความเสียใจไปให้ได้...”

“แต่พวกเขาไม่เห็นค่ามันเลย ฉันพยายามเอาอกเอาใจอย่างหนัก แต่พวกเขากลับไม่ปฏิบัติกับฉันเหมือนลูกสาวเลย”

“พวกเขาส่งฉันให้พวกเจ้าพ่อเงินกู้เองกับมือ แค่เพียงเพราะรู้ว่าฉันเป็นคนฆ่าเพื่อนสนิท ทำไมพวกเขาถึงโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้”

พวกเขาสามารถแจ้งตำรวจให้มาจับเธอได้

ทำไมต้องส่งเธอให้กับพวกเจ้าพ่อเงินกู้ล่ะ

ทั้งๆ ที่พวกเขาก็รู้ว่าพวกเจ้าพ่อเงินกู้ฆ่าคนไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ

ทันใดนั้นซู่เป่าพลันนึกขึ้นได้ “ดังนั้นป้าก็เลยเสียชีวิตแบบนั้นเหรอคะ แต่ทำไมถึงตัวอ้วนตัวพองแบบนี้ล่ะคะ”

เจ้าแก้มก้อนมองป้าอ้วนด้วยความสงสัย

ป้าอ้วนแกอ้วนจริง ๆ และผิวก็พองเหมือนเป่าลูกโป่ง

ทั้งตัวขาวจั่วไปหมด...

ทันใดนั้นหลี่รั่วผิงพลันหงุดหงิดขึ้นมาและตะคอกด้วยดวงตาแดงก่ำ “พวกมันลากฉันกลับไปที่โรงพิมพ์แล้วยัดฉันใส่เข้าไปในเครื่องจักรและทารุณฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า... เอาเครื่องจักรมาจ่อที่ปากของฉัน...”

พวกเขาหัวเราะเยาะ บอกว่าเธอชอบขี้โม้โอ้อวดนักไม่ใช่เหรอ

ดังนั้นพวกเขาจึงเป่าเธอเหมือนลูกโป่ง ไม่ฟังที่เธอร้องขอความเมตตาและยังเพิกเฉยต่อความสิ้นหวังของเธอ

“เป่าไปเรื่อยๆ ... เป่าจนเส้นเลือดของฉันแตกและเลือดพุ่งกระฉูด”

“เป่าไปเรื่อยๆ ... จนเลือดของฉันไหลจนหมดตัวและเลือดทั้งหมดกลายเป็นน้ำหมึกสีแดงที่พิมพ์หนังสือ”

แม้หลังจากที่เธอเสียชีวิตแล้วก็ยังถูกทำเป็นลูกหนัง ตัวพองมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า จนในที่สุดก็ระเบิดแตกเสียงดังปังเหมือนกับลูกโป่ง

หลี่รั่วผิงทั้งบ้าคลั่งทั้งไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ “พวกมันทำแบบนี้ได้ไง ฉันก็น่าสงสารเหมือนกันนะ”

“ถึงแม้ฉันจะทำผิด แต่ก็เพราะเพื่อนสนิทเอาเสื้อผ้าเก่าและกระเป๋ามาเหยียดหยามฉันก่อน”

“ฉันก็เสียใจที่ฆ่าเพื่อน แต่ในเมื่อคนเสียชีวิตไปแล้วไม่สามารถกลับมาได้ แล้วทำไมถึงปฏิบัติกับฉันเหมือนเธอไม่ได้...”

“สิบปีมานี้ พวกมันเคยรู้บ้างไหมว่าฉันผ่านมาได้ยังไง ฉันต้องเวียนว่ายเสียชีวิตเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า กรีดร้องทั้งวันทั้งคืน เลือดสดสาดกระเซนไปทั่ว... แต่กลับไม่มีใครได้ยิน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน