ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 79

สาเหตุที่ผีร้ายกลายเป็นผีร้ายก็คือการที่ต้องเวียนว่ายเสียชีวิตเกิดอยู่ในสถานที่ที่ตนเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่าและต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี

ผีผู้หญิงตัวแตกเสียชีวิตแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงอาฆาตแค้นรุนแรง

“ฉันเสียชีวิตอย่างน่าสมเพชมาก...”

“เสียชีวิตอย่างน่าสมเพช”

หลังจากผีจองหองอาละวาด ไอพิฆาตบนตัวของเธอก็แผ่ซ่านออกมาอย่างนับไม่ถ้วนและทั้งห้องก็ปกคลุมไปด้วยไอพิฆาต

“มันเป็นความผิดของแกทั้งหมด แกมายุ่งกับฉันทำไม” ผีจองหองกรีดร้องเสียงแหลมและพุ่งเข้าหาซู่เป่า

เด็กนี่ก็เป็นลูกของครอบครัวที่ร่ำรวย

คุณหนูเอาแต่ใจที่ร่ำรวยไม่ใช่คนดี

พวกเขาเจ้าเล่ห์ที่สุด

ผีจองหองเผยใบหน้าเคียดแค้นและพุ่งเข้าหาซู่เป่าพร้อมกับไอพิฆาต

จี้ฉางกำลังจะลงมือ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงสีเขียวจางๆ เปล่งประกายขึ้นและร่างของซู่เป่าก็ราวกับมีอะไรบางอย่างขวางกั้นไอพิฆาตนั้นไว้

ในขณะเดียวกันซูเหอเวิ่นก็ร้องเลียงแปลกและถอยหลังไปไม่หยุด

พี่เล็กผู้น่าสงสาร เดิมคิดว่าพอนั่งอยู่ข้างซู่เป่าแล้วจะไม่เป็นอะไร

แต่ใครจะรู้ว่าพอเงยหน้าขึ้นก็เห็นผีผู้หญิงใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวและมีเลือดไหลออกจากรูทวารทั้งเจ็ดพุ่งเข้าใส่เขา...

พี่เล็กซูตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง

--------

ซูเหอเวิ่นร้องด้วยความตกใจและอยากจะวิ่งหนี แต่ขากลับอ่อนแรง

ในขณะนั้นเองเขาได้ยินเพียงเสียงด่าเบาๆ จากนั้นซู่เป่าก็เข้ามาขวางหน้าเขาและชกหมัดสีชมพูเล็กๆ ออกไป

แขนน้อยๆ เป็นมัดๆ ราวกับรากบัวอัดผีผู้หญิงตัวใหญ่ยักษ์ลอยออกไป

แขนน้อยๆ เป็นมัดๆ ปะทะกับผีผู้หญิงตัวใหญ่ยักษ์ ซูเหอเวิ่นเห็นภาพการโจมตีอย่างรุนแรงจนตกตะลึง

ซู่เป่าโกรธแก้มป่องและไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกโกรธ

ป้าอ้วนคนนี้ชั่วร้ายมาก

เพื่อนสนิทดีกับเธอ แล้วเธอยังโทษเพื่อนสนิทและยังฆ่าเพื่อนสนิทด้วย

ตีตีตีตีตี

แล้วซูเหอเวิ่นก็เห็นน้องสาวผู้น่ารักและอ่อนโยนของตัวเองขี่คอของป้าอ้วนและตบตีไม่ยั้ง

ทุกครั้งที่เธอตบตี ไอพิฆาตของผีจองหองก็จะถูกตีออกมาเล็กน้อยและถูกน้ำเต้าที่ข้อมือของเธอดูดกลืนหายไป

ในเวลานี้ซู่เป่าไม่ใช่น้องสาวที่น่ารำคาญในสายตาของซูเหอเวิ่นอีกต่อไป...

แต่คืออุลตร้าแมน... โอ้ไม่ใช่สิ น้องเป็นผู้หญิง ดังนั้นเธอคือเจ้าแม่อุลตร้า

“ซู่เป่าสู้สู้” ซูเหอเวิ่นอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนเชียร์

ผีจองหองกรีดร้องไม่หยุด “ปล่อยฉัน”

ซู่เป่า “ไม่ปล่อย”

ผีจองหองสาปแช่งอย่างรุนแรง “ฉันขอสาปแช่งให้แกไม่เสียชีวิตดี ขอให้คนในครอบครัวของแกทั้งหมดก็ไม่เสียชีวิตดี”

ซู่เป่า “เด้งกลับ”

ผีจองหองโกรธมากและโพล่งออกมา “เด้งกลับเป็นโมฆะ”

ซู่เป่า “เด้งกลับ เด้งกลับอีก เด้งกลับอย่างเหนือกว่าจนไม่มีใครเทียบได้”

ผีผู้หญิง “...”

จี้ฉาง “...”

ซูเหอเวิ่น “...”

จนในที่สุดผีจองหองก็กระอักเลือดเสียชีวิต

แล้วไอพิฆาตนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลเข้าในน้ำเต้าวิญญาณ ผีจองหองถูกตบตีจนอ่อนแอลงเรื่อยๆ และค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเหมือนคนปกติ

ร่างกายของเธอซูบผอม ตาโหล และสีหน้าหมดอาลัยเสียชีวิตอยาก “ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรม...”

เธอทำอะไรผิดนักหนาเหรอ

ที่ผิดคือพวกเขาและผิดที่สังคมนี้

ตอนเธอเริ่มเข้ามาทำงานในเมือง เห็นได้ชัดว่าเธอซื่อสัตย์และเต็มไปด้วยความหวัง

แต่ผ่านไปเรื่อยๆ คนรอบข้างมักรังเกียจที่เธอเป็นคนบ้านนอก มักว่าให้เธอว่าเอากลิ่นสาบของคนบ้านนนอกมาด้วย

เธอถึงกลายเป็นแบบนั้น...

ดังนั้นจะโทษเธอไม่ได้ โทษเธอไม่ได้จริงๆ

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษสภาพสังคมที่ไม่ยุติธรรม โทษที่บนโลกใบนี้มีคนรวยมากมายแต่เธอกลับเป็นคนจน

โทษเพื่อนสนิทของเธอที่ปล่อยให้เธอได้รู้ได้เห็นโลกของคนรวย แต่เธอกลับไม่มีวันที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นได้

ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างล้วนเกิดจากพวกเขา...

ในท้ายที่สุดเพียงได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก แล้วผีจองหองก็แตกสลายกลายเป็นไอพิฆาตสีดำสนิทและถูกน้ำเต้าวิญญาณดูดกลืนหายไป

จี้ฉางส่ายหน้า “ความโลภทำให้คนตาบอด”

ความหลงทะนงตนเกินขอบเขตมักสะท้อนความน้อยเนื้อต่ำใจอันขีดสุดที่อยู่ภายในจิตใจ

ซู่เป่าเขย่าน้ำเต้าวิญญาณและพูดว่า “ท่านอาจารย์ หนูรู้สึกว่าเหมือนกับมีน้ำอยู่ในน้ำเต้าวิญญาณค่ะ”

เมื่อก่อนเธอคิดว่าในน้ำเต้าวิญญาณว่างเปล่า

แต่ตอนนี้กลับมีความรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก

จี้ฉางหาว “ใช่ น้ำเต้าวิญญาณก็เป็นแบบนี้แหละ”

เมื่อเติมเต็มแล้วก็จะเพียงพอทันที

ในขณะพูด...

จี้ฉางพลางหรี่ตาและถามว่า “เป๋าน้อย นกแก้วขี้หงุดหงิดของเจ้าตัวนั้นล่ะ”

ตอนบ่ายยังร้องเจี๊ยวจ๊าวอยู่ในป่า แต่ตอนนี้กลับเงียบอย่างประหลาด

ซู่เป่าหันหน้ามองไปรอบๆ และพบนกแก้วยืนอยู่ใต้ต้นลิ้นจี่ มันกำลังหลับโดยการขดขาข้างหนึ่งและมุดศีรษะอยู่ใต้ปีก

“เฮ้อ เสี่ยวอู่ ทำไมถึงไปนอนอยู่ตรงนั้นล่ะ”

ปกติมันชอบเกาะอยู่ประตูเหล็กไม่ใช่เหรอ และก่อความวุ่นวายทุกรูปแบบ

ดูเหมือนเสี่ยวอู่จะถูกทำให้ตกใจตื่น มันเอียงศีรษะไปมาและใช้ดวงตาคู่โตราวกับเมล็ดถั่วเขียวของมันมองซู่เป่า

จี้ฉางลอยไปข้างๆ แล้วจ้องนกแก้ว “เจ้านกตัวเขียวจนเปล่งแสงได้ ทำไมวันนี้ถึงไม่ร้องเพลงล่ะ”

นกแก้วเอียงศีรษะ แล้วจู่ๆ ก็กระพือปีกและเริ่มร้องเพลงอ้ากๆ

“ฉันชื่อฉีฉี ฉีๆๆๆๆๆๆ ฉันชื่อซือ...”

นกแก้วค่อยๆ สยายปีกออกและหมุนศีรษะเล็กๆ เหมือนกับเต้นรำ

ทั้งร้องเพลงทั้งโยกซ้ายโยกขวา ค่อนข้างเหมือนนกแก้วจิตเภท

จี้ฉาง “...”

ในเวลาเดียวกันนั้น จู่ๆ นกแก้วสีเขียวมรกตพลันกระพือปีกและร้องเสียงดังว่า “กัดคนแล้ว กัดคนแล้ว”

จากนั้นก็เห็นเจ้าเต่าแก่กำลังกัดขนที่หางของมันอย่างแรงและกัดแน่นไม่ปล่อย

ซู่เป่า “เอ่อ”

ซูเหอเวิ่น “...”

ซู่เป่าคว้าขนของเสี่ยวอู่และพูดเสียงต่ำว่า “คุณปู่เต่า รีบปล่อยเสี่ยวอู่นะ”

ซูเหอเวิ่นเย้ยหยัน “ถ้ามันฟังที่เธอพูดรู้เรื่องก็แปลกแล้ว”

เต่ามีลักษณะพิเศษคือถ้ากัดอะไรแล้วจะไม่ปล่อยง่ายๆ

แต่วินาทีถัดมากลับเห็นเต่าปล่อยขนของเสี่ยวอู่

มันอ้าปากและสะบัดหน้าไปมา และเหมือนได้ยินเสียงถุยๆ

ซูเหอเวิ่นคิดในใจว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ

ในขณะนั้นเองนายหญิงซูก็เคาะประตูอยู่ด้านนอกและบอกให้ซู่เป่าลงไปทานมื้อดึก

ซู่เป่าขานรับแล้ววิ่งออกไปด้วยความดีใจ

เพิ่งสยบผีผู้หญิงไปและท้องของเธอก็หิวมาก

ดูเหมือนสิ่งนี่จะได้ผลดีกว่าการออกกำลังกายลดน้ำหนักเสียอีก

ซูเหอเวิ่นเดินอืดอาดมานั่งข้างโต๊ะอาหาร ทั้งดื่มน้ำไปด้วยพลางมองซู่เป่าทานอาหารไปด้วย

ทำไมเธอทานอะไรก็ดูจะอร่อยไปหมด

ในที่สุดหลังจากที่ทานหมดข้าวครึ่งจาน ซุปไก่ครั้งถ้วยเล็ก ขาหมูตุ๋นหนึ่งขา ไข่ฝูหรงหนึ่งจาน หมั่นโถวเล็กหนึ่งชิ้น

ซู่เป่าก็ทานต่อไม่ไหวแล้ว

นายหญิงซูพูด “ทานเยอะๆ สิจ้ะ หนูดูหนูทานไปนิดเดียวเอง เกิดหิวขึ้นมากลางดึกจะทำยังไง”

มีความหิวแบบหนึ่งเรียกว่าคุณยายคิดว่าคุณหิว...

ซู่เป่าลูบคอของตัวเองและพูดว่า “คุณยายคะ ซู่เป่าอิ่มแล้วจริงๆ ค่ะ คุณยายดูสิคะมันแน่นมาถึงตรงนี้แล้วค่ะ”

เมื่อเห็นนายหญิงซูกำลังอยากจะพูดอะไร

และสายตาก็มองไปทางซุปผักกาดที่อยู่อีกด้าน

ซู่เป่าจึงรีบลุกขึ้นทันทีและวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว

“หนูไม่ทานแล้วค่ะคุณยาย”

ตอนนี้เจ้าตัวเล็กค่อนข้างซุกชน หลังจากวิ่งขึ้นชั้นบนไปแล้วยังหันกลับมาทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่

จี้ฉางพูด “ซู่เป่า พรุ่งนี้ต้องหาข้ออ้างให้โรงเรียนประถมนานาชาติขุดสนามฟุตบอลนะ...”

ซู่เป่าพยักหน้า “ได้ค่ะท่านอาจารย์ หนูจะจำไว้ค่ะ”

เธอผลักประตูจะเปิดออก

ทันใดนั้นจี้ฉางพลันพูดว่า “เดี๋ยวก่อน มีผีตัวใหม่มา”

ในขณะเดียวกัน ซู่เป่าก็เปิดประตูห้องออกพอดี

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ซู่เป่าก็ขนลุกขนพองในทันทีและเกือบเสียสติไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน