ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 81

มู่ชิ่นซินโกรธแค้นฝังใจพลางสบถด่าอย่างโหดเหี้ยม “ดังนั้นเธอจึงเป็นลูกนอกไส้ ลูกนอกไส้ที่ทั้งต่ำต้อยและสกปรก ถึงเธอจะเป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลซูแล้วยังไง แต่เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกระดูกของเธอยังคงสกปรกและต่ำทรามไม่ใช่เหรอ”

มู่ชิ่นซินโกรธแค้นฝังใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นทั้งโหดร้ายและตรงไปตรงมาและปราศจากความละอายใดๆ

จี้ฉางขมวดคิ้วพร้อมกับดีดนิ้ว แล้วผ้ายันต์หนึ่งแผ่นก็ลอยไปปิดปากมู่ชิ่นซิน

“ปากนี้จริงๆ เลย ทั้งเหม็นทั้งสกปรก” จี้ฉางพูดด้วยความขยะแขยงเป็นที่สุด

แล้วมู่ชิ่นซินก็ไม่สามารถด่าต่อไปได้อีก เธอทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้

“ซู่เป่า ไปอาบน้ำนอนเถอะ ทางนี้อาจารย์จะจัดการเอง” จี้ฉางพูด

ไอพิฆาตอันชั่วร้ายของผีเสียชีวิตโหงมู่ชิ่นซินถูกน้ำเต้าวิญญาณดูดกลืนและเติมเต็มน้ำเต้าวิญญาณแล้ว

ร่างวิญญาณของเธอมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ถึงแม้ไม่จับเธอเธอก็ไม่สามารถทำร้ายใครได้อีก แต่กำจัดให้สิ้นซากไปเลยดีกว่า จะได้ไม่เกิดหายนะขึ้นในภายภาคหน้า

และเรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรให้ซู่เป่าเป็นคนลงมือเอง

ซู่เป่าอยากจะถามอะไรบางอย่างแต่ในที่สุดก็ไม่พูดออกมา จากนั้นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะท่านอาจารย์”

หลังจากพูดจบเธอก็วิ่งเข้าไปในห้องพร้อมกับกระต่ายน้อยในอ้อมแขน จากนั้นหยิบชุดนอนและเข้าไปอาบน้ำ

จี้ฉางมองมาทางมู่ชิ่นซิน “ข้าประหลาดใจยิ่งนักว่าเจ้าเสียชีวิตอย่างไร”

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าทำให้หลินเฟิงเสียชีวิต แล้วหลินเฟิงเสียชีวิตอย่างไร”

เขาลูบคางด้วยความสนใจและมองมู่ชิ่นซินอย่างคาดคะเน

มู่ชิ่นซินเชิดหน้าไปอีกด้าน

จี้ฉางขมวดคิ้ว “เฮ่อ ดันทุรังจังนะ”

พอเขาดีดนิ้ว แล้วร่างวิญญาณมู่ชิ่นซินก็แตกสลายไปครึ่งหนึ่ง

มู่ชิ่นซินร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด

จี้ฉาง “ข้าเพียงรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องฟังให้ได้ ในเมื่อไม่ยอมพูดงั้นข้าก็จะส่งทางเจ้า”

มู่ชิ่นซิน “...”

เธอก็อยากจะพูด

แต่เขาก็ต้องเอายันต์ออกจากปากเธอก่อนสิ

จี้ฉางเข้าใจในฉับพลัน “โอ้ ลืมไปว่ายันต์ปิดปากเจ้าอยู่”

มู่ชิ่นซิน “...”

ใบหน้าซีดเซียว อ่อนแรงและเหนื่อยใจ

ผ้ายันต์บนปากของเธอถูกเปิดออก บัดนี้มู่ชิ่นซินไม่มีเรี่ยวแรงที่จะโกรธ เธอฟุบอยู่บนพื้นเหมือนปลาเสียชีวิต แล้วคิดย้อนกลับไปอย่างเศร้าหม่อง

“ฉันถูกหลินเฟิงเตะจนเสียชีวิตในคราเดียว...”

งานวันเกิดซู่เป่าวันนั้น พวกเขาคิดหาทุกวิถีทางเพื่อเดินทางจากชนบทหนานเฉิงไปบ้านตระกูลซู

แต่ถูกซูอีเฉินหักหน้าอย่างไร้ความปราณีและส่งพวกเขาขึ้นรถตำรวจ

บนรถตำรวจ หลินเฟิงเอาแต่สาปแช่งเธอที่ทำลายชีวิตเขา จากนั้นเตะเข้าที่ศีรษะของเธอด้วยความคลุ้มคลั่ง

“รถตำรวจคันนั้นเป็นรถคุมนักโทษที่มีไว้เพื่อจับนักโทษและเคลื่อนย้ายนักโทษโดยเฉพาะ ด้านในมีที่นั่งทั้งสองด้าน ล้อมรอบด้วยกรงเหล็ก และตรงกรงเหล็กมีกลอนประตูเหล็กล็อคอยู่... คุณรู้ไหม”

การเตะของหลินเฟิงนั้นรุนแรงมากๆ จนศีรษะของเธอกระแทกกรงเหล็กอย่างแรง

และบังเอิญกระแทกเข้ากับกลอนประตูเหล็กตรงนั้นพอดี

แล้วกลอนประตูเหล็กนั่นก็เสียบทะลุศีรษะของเธอจนทำให้เส้นเลือดแดงในสมองแตก แล้วเธอก็ถูกเตะจนเสียชีวิตไปทั้งแบบนั้น

“ถ้าฉันไม่เสียชีวิต อย่างมากก็แค่ถูกขังไว้สองสามวันข้อหาปล่อยข่าวเท็จ เมื่อฉันออกมา ฉันยังสามารถไปทำศัลยกรรมได้…”

ซูลั่วนักแสดงชายดีเด่นคือเทพบุตรของเธอ

เมื่อเธอศัลยกรรมและเปลี่ยนแปลงตัวตนแล้ว ด้วยรูปร่างหน้าตาอันสวยงามของเธอ เธอต้องเข้าวงการบันเทิงได้อย่างแน่นอน จากนั้นค่อยนำสิ่งที่มีรอบตัวมาใช้ให้เป็นประโยชน์

หรืออย่างแย่ที่สุดเธอยังสามารถสมัครเป็นแม่บ้านของตระกูลซูได้ เธอทำได้ทุกอย่าง ขอเพียงแค่ได้ใกล้ชิดซู่เป่า...

ตามความเข้าใจของเธอที่มีต่อซู่เป่า ถ้าจะจัดการซู่เป่าก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากไม่ใช่เหรอ

เด็กหลอกง่ายที่สุด

พอจัดการซู่เป่าแล้ว ก็เข้ามาอยู่ในบ้านแล้วคิดหาวิธีปีนขึ้นเตียงของซูลั่ว แบบนี้เธอก็จะกลายเป็นนายหญิงสี่ของตระกูลซู

แต่เธอกลับต้องมาเสียชีวิตอย่างหดหู่

จี้ฉางหัวเราะเยาะ แล้วถามว่า “แล้วหลินเฟิงล่ะ เสียชีวิตยังไง”

มู่ชิ่นซินแสยะยิ้ม “จะเสียชีวิตยังไงได้ล่ะ วิญญาณพยาบาทน่ากลัวมากที่สุดแล้ว”

เดิมทีหลินเฟิงก็ใช้ชีวิตอยู่ในคุกอย่างทุกข์ทรมานมากพอแล้ว

เพราะคนตระกลูซูจ่ายเงินให้คน ‘ดูแล’ เขาโดนรังแกอย่างน่าเวทนา ต้องดื่มน้ำในชักโครก และทานอาหารที่คนอื่นทานเหลือหรือถุยน้ำลายใส่

ในขณะที่เขาสติฟั่นเฟือน เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาหลายครั้ง ทำให้หลินเฟิงตกใจกลัวจนขี้หดตดหาย

สุดท้ายเขาก็ใช้ก้อนอิฐทุบตัวเองจนเสียชีวิต

จี้ฉางพยักหน้าและเมื่อเห็นว่าซู่เป่าใกล้จะออกมาแล้วจึงพูดว่า “พูดจบแล้วใช่หรือไม่ งั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อแล้ว”

มู่ชิ่นซินตะโกนร้องอย่างไม่ยินยอม “เดี๋ยวก่อน ฉันก็พูดไปหมดแล้ว แต่แกทำไมถึงยังไม่ปล่อยฉัน”

จี้ฉางยักคิ้วและความขุ่นเคืองก็ปรากฏในแววตา “โอ่ ข้าบอกจะปล่อยเจ้าไปงั้นรึ”

จี้ฉางดีดนิ้วโดยไม่รอให้มู่ชิ่นซินพูดอะไร ทันใดนั้นวิญญาณของเธอก็แตกสลายแล้วกลายเป็นควันลอยหายไปในทันที นับจากนี้ต่อไปในไตรโลกจะไม่มีมู่ชิ่นซินอีก

ผีทารกที่อยู่บนพื้นกำลังตะเกียกตะกายไปมาด้วยความงุนงง และซู่เป่าในชุดนอนสีขาวลายเชอร์รี่ก็ชะโงกหน้ามาถามว่า “อ้าว คุณน้าล่ะคะ”

จี้ฉางตอบ “ไปแล้ว”

ซู่เป่าประหลาดใจ “ไม่ต้องจับเหรอคะ”

จี้ฉาง “เธอไม่สามารถทำร้ายคนอื่นได้อีกแล้ว ถึงไม่จับ วิญญาณของเธอก็จะดับสลายในอีกไม่กี่วัน ไม่ต้องไปสนใจเธอหรอก”

แต่ผีทารกพวกนี้ต้องจับไว้ในน้ำเต้าวิญญาณชั่วคราวไปก่อน รอถ้ามีโอกาสไปเกิดใหม่ค่อยปล่อยไป

ซู่เป่าพยักหน้า “ได้ค่ะ”

จากนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น แล้วนายหญิงซูก็เข้ามาพร้อมกับบ่นพึมพำว่า “ทำไมยังไม่นอนล่ะจ๊ะ” “เดี๋ยวยายจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนนะ” อะไรประมาณนี้

เจ้าแก้มก้อนขึ้นไปบนเตียงอย่างเชื่อฟังแล้วห่มผ้าให้ตัวเอง จากนั้นฟังคุณยายเล่านิทานอยู่เงียบๆ ท้ายที่สุดหลับตาแล้วผล็อยหลับไป

นายหญิงซูลูบศีรษะของซู่เป่าอย่างเมตตาและอ่อนโยน และอยากจะหอมหน้าผากของเธอ แต่พบว่าตัวเองแม้แต่เรื่องง่ายๆแค่นี้ยังทำไม่ได้

เธอยืนไม่ได้และซู่เป่าก็นอนอยู่ตรงกลางของเตียง

“เฮ้อ แก่และไร้ประโยชน์แล้วสินะ” นายหญิงซูมองซู่เป่าอย่างอาลัย “ไม่รู้ว่าคนแก่อย่างฉันจะอยู่เป็นเพื่อนหนูได้อีกนานแค่ไหน...”

จี้ฉางเอนตัวอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ จากนั้นเหลือบมองเจ้าแก้มก้อนที่กำลังหลับสนิท

เมื่อครู่เจ้าตัวเล็กคนนี้คงอยากจะถามว่าพ่อของตัวเองเป็นใครสินะ

ถูกด่าว่าลูกนอกไส้อย่างโหดร้ายแบบนั้น ถึงจะเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องทางโลกก็ยังรู้สึกเสียใจ

“ตามหาพ่อเหรอ...” จี้ฉางหยิบตำราของตัวเองออกมา “เรื่องนี้ง่ายมาก อาจารย์ใช้เวลาเพียงสิบวิก็สามารถหาให้เจ้าได้”

เขาตั้งสมาธิรวมพลังจิต แล้วตำราที่สามารถเปิดได้แค่ครึ่งเดียวในวันธรรมดาก็เปิดครึ่งหน้าหลัง

เส้นเลือดบนหน้าผากของจี้ฉางบูดขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดก็เปิดไปที่หน้าที่เป็นของซู่เป่า

“ให้เสียชีวิตเถอะ...นอกจากมันจะเปิดออกเอง มิเช่นทุกครั้งที่ข้าเปิด ต้องใช้พลังข้าเกือบทั้งหมดแน่..."

แม้จะเปิดตำราอย่างยากลำบาก แต่ก็เจอหน้าที่เขียนว่าบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดของซู่เป่า

(มารดาผู้ให้กำเนิด : ซูจิ่นอวี้)

(บิดาผู้ให้กำเนิด : ไม่ระบุ)

จี้ฉาง “...”

เชี้ย

เขาปิดตำรา แล้วลูบสันจมูกโด่งของเขาพร้อมกับกระแอมไอและพูดว่า “ชั่งมันเถอะ ตามหาพ่อทำไม พวกเราไม่ต้องการหรอก”

ซู่เป่าหลับลึกสนิท

ในฝัน เธออยู่ท่วมกลางหมอกควันสีขาว และที่เงาตะคุ่มๆ ไกลๆ เหมือนจะมีป่าผืนหนึ่ง

“มาสิจ้ะซู่เป่า” น้ำเสียงทุ่มต่ำดังขึ้น

“คุณพ่อเหรอคะ” ซู่เป่าโพล่งออกมาจากจิตใต้สำนึก แล้วก้าวขาน้อยๆ สั้นๆ เดินไปทางป่าผืนนั้น

เธอเดินไปเรื่อยๆ แต่เดินยังไงก็เดินไปไม่ถึงตรงนั้นสักที

ซู่เป่าเหนื่อยมากจนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นข้างหูของเธอ “เฮๆ”

เธอตกใจมาก พอหันมามองก็เห็นหญิงชราในชุดเสื้อคอจีนสีเขียวกำลังนั่งยองๆ ตรงหน้าเธอและจ้องเธอตาเขม็งพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเฮๆ

“กำลังตามหาพ่ออยู่เหรอ ฉันรู้ ฉันจะบอกให้...”

หญิงชราในชุดเสื้อคอจีนยื่นมือออกมา...

ซู่เป่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอตกใจตื่นอย่างกะทันหันและลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน