ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 82

วันที่สอง

เป็นวันสุดสัปดาห์ที่ทำให้คนมีความสุขอีกครั้ง

ซูเหอเหวินและซูเหอเวิ่นค่อนข้างมีวินัย และยังคงตื่นนอนตอนเจ็ดโมงเช้า

ซึ่งแตกต่างกับซูจื่อหลินและหานหาน สองคนนั้นถ้าไม่นอนจนหิวก็ไม่ยอมลุกจากที่นอนเด็ดขาด

ซูเหอเวิ่นนั่งหลังตรงอยู่ห้องหนังสือชั้นหนึ่ง ใบหน้าน้อยๆ สีหน้าจริงจัง

“ความเข้มของสนามแม่เหล็ก... B=F/IL...”

“ฟลักซ์แม่เหล็ก... Φ คือฟลักซ์แม่เหล็ก และ B คือความหนาแน่นฟลักซ์แม่เหล็ก...”

“สมมุติว่าฟลักซ์แม่เหล็กที่สามารถมองเห็นผีได้อยู่ในค่าคงที่ใดที่หนึ่ง จะต้องถึงค่าคงที่ Φ B และF ที่กำหนดไว้...”

ซูเหอเหวินที่กำลังอ่านวรรณคดีของวิลเลียม เชคสเปียร์อยู่ตรงข้ามเงยหน้าขึ้น

เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่

ซูเหอเหวินพูด “นายกำลังรอซู่เป่าอยู่อีกแล้วใช่ไหม”

ปกติซูเหอเวิ่นจะชอบอยู่ในห้องของตัวเอง เพราะในห้องของเขามีโต๊ะหนังสือตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ดังนั้นตอนเขาคำนวณอะไรบางอย่างก็สามารถกองเต็มโต๊ะได้

ซูเหอเวิ่นแม้แต่หน้าก็ไม่เงยขึ้นมามองพลางโพล่งออกมาว่า “ไร้สาระ”

ซูเหอเหวินแสยะยิ้ม จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมากด

“เมื่อวานนายเดินไปเดินมาอยู่ตรงนั้น แล้วยังบอกว่าไม่ได้ไปหาซู่เป่า แต่ฉันเห็นนายเข้าไปในห้องเธอ”

ซูเหอเวิ่นหูแดง แต่พูดอย่างหน้านิ่งว่า “นายใช้ตาข้างไหนมองเห็นเหรอ ฉันไม่ได้ไปหาซู่เป่า ฉันแค่เดินผ่านหน้าห้องของเธอไม่ได้หรือไง”

ซูเหอเหวินไม่ไว้หน้าน้องชายตัวเองเลยสักนิด กดเปิดวิดีโอในโทรศัพท์แล้วยื่นใส่หน้าเขา

ซูเหอเวิ่น “...”

รู้สึกเจ็บหน้าเล็กน้อย

แต่ไม่นานเขาก็ส่งเสียงเชอะ “ใช่ ฉันไปหาเธอ แล้วจะทำไม”

ซู่เป่าเก่งกาจขนาดนั้น การที่ไปหาเธอเป็นเรื่องน่าอายเหรอ

ไม่เลยสักนิด

ขายหน้าก็ขายหน้าสิ แต่เขาเต็มใจ

ในทางกลับกัน ถ้าในอนาคตพี่ชายเขารู้ว่าซู่เป่าเก่งกาจขนาดนี้ เขาจะไม่อยากแย่งน้องสาวไปจากเขาหรอกเหรอ

น้องสาวเป็นของเขา

ซูเหอเวิ่นมองซูเหอเหวินอย่างระวัง แล้วหอบสมุดหนังสือวิชาคำนวณของตัวเอง จากนั้นเดินไปที่โซฟาที่อยู่อีกด้าน

ซูเหอเหวิน “...”

ไม่ใช่สิ สีหน้าท่าทางระมัดระวังของเขาแบบนั้นหมายความว่าไง

ทำเหมือนเขาจะแย่งซู่เป่าไปจากเขาอย่างงั้นแหละ

เป็นไปได้ไหม

ซูเหอเหวินพ่นเสียงเฮ่อออกจากรูจมูก ถ้าไม่ใช่เพราะการกรอกตามองบนแล้วจะไม่สง่างาม เขาต้องกรอกตามองบนใส่ซูเหอเวิ่นแรงๆ แน่นอน

และในเวลาเดียวกันนั้น ซู่เป่าก็อุ้มกระต่ายน้อยพลางขยี้ตาเดินลงมาชั้นล่าง

ซูเหอเวิ่นประหลาดใจ รีบวางสมุดหนังสือวิชาคำนวณของตัวเองลงทันที

“น้อง ตื่นมาทำไม”

ซูเหอเหวินซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ไม่แม้เงยหน้าขึ้น และรู้สึกดูถูกอยู่ในใจ เรียกน้องได้เต็มปากเต็มคำ

ซู่เป่าง่วงเหงาหาวนอน ผมฟูชี้ตั้ง และแววตายังเหม่อลอยเล็กน้อย

ท่าทางยังไม่ฟื้นคืนมาจากภวังค์

ซูเหอเวิ่นขมวดคิ้ว “ทำไมไม่นอนให้นานกว่านี้ล่ะ”

ซู่เป่ามองไปทางซูเหอเวิ่น เบะปากทำหน้ามุ่ยพลางพูดว่า “พี่เล็ก หนูฝันเห็นผีก็เลยตกใจตื่นค่ะ”

ซูเหอเวิ่น “...”

เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางอันกล้าหาญของซู่เป่าตอนจับผีเมื่อคืนนี้

เธอยังโดนผีหลอกจนตกใจตื่นได้เหรอ

ซูเหอเวิ่นกำลังจะปลอบใจด้วยประโยคดีดีสักสองสามประโยค แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นเหมือนซูเหอเวิ่นกำลังมองเขาอยู่ และเขาสามารถจิตนาการถึงท่าทางยิ้มเฝื่อนๆ ของเขาได้

เขาจึงอดกลั้นไว้ แล้วตบที่ไหล่ของซู่เป่าเบาๆ พลางพูดว่า “ไม่ต้องกลัวนะ โลก... ผีไม่มีอะไรน่ากลัว”

เดิมทีเขาอยากจะพูดว่าบนโลกนี้ไม่มีผี

แต่โชคดีที่ไหวตัวทัน

นายหญิงซูยกอาหารออกมาจากในครัว เมื่อเห็นซู่เป่าก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า "ซู่เป่า ทำไมตื่นเช้าจังเลยล่ะจ๊ะ"

ในที่สุดสายตาของซู่เป่าก็จับโฟกัสได้ เธอลูบท้องตัวเองพลางพูดว่า “คุณยายคะ ซู่เป่าหิวแล้วค่ะ”

นายหญิงซูหัวเราะคิกคัก “ซู่เป่าตื่นเพราะหิวนั่นเอง มา ยายเพิ่งทำหมั่นโถวเสร็จพอดี”

ซู่เป่ารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที “หนูไปแปรงฟันก่อนค่ะ”

ซูเหอเวิ่นปิดสมุดหนังสือวิชาคำนวณ แล้วเดินไปข้างโต๊ะอาหารพร้อมกับช่วยนายหญิงซูจัดอุปกรณ์รับประทานอาหาร

ซูเหอเหวินเพียงรู้สึกไม่เข้าใจว่าซูเหอเวิ่นหลงใหลในการคำนวณมากขนาดนั้น ตราบใดที่เขาอยากเรียนหรือคำนวณอะไร แม้ฟ้าจะผ่าลงตรงหน้าเขา เขาก็ไม่ขยับเลยสักนิด

แต่ตอนนี้เพราะซู่เป่า ก็เลยไปช่วยคุณย่าจัดถ้วยจัดตะเกียบอย่างนั้นเหรอ

ซูเหอเหวินเองก็ปิดหนังสือและตามไปช่วยด้วย

โดยปกติเรื่องพวกนี้ในบ้านจะเป็นคนรับใช้เป็นคนทำ ในฐานะคุณชายน้อยของตระกูลซูจึงไม่เคยชินกับการจัดถ้วยจัดจานเอง

เมื่อก่อนตระกูลซูก็ไม่มีบรรยายกาศการใช้ชีวิตแบบนี้

คุณป้าทำอาหารเช้าเสร็จก็จัดเตรียมไว้เต็มโต๊ะอาหาร จากนั้นคนในตระกูลก็นั่งทานใครทานมันด้วยสีหน้าเฉยเมย หลังจากทานเสร็จแล้วก็ต่างแยกย้ายไปยุ่งเรื่องของใครของมัน

ซูเหอเหวินเคยชินกับมันแล้ว

เมื่อเห็นซู่เป่าเดินลงมาชั้นล่างอย่างดีใจ ซูเหอเหวินก็พบว่าตั้งแต่น้องสาวคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้าน บรรยากาศภายในบ้านก็เปลี่ยนไปอย่างมากโดยสิ้นเชิง...

ดูเหมือนน้องสาวก็ไม่ได้น่ารังเกลียดไปซะเท่าไหร่...

ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ซู่เป่าพลันก้าวขาพลาด ฉีกขาแล้วล้มลงกับพื้น

ด้านหลังเธอตามมาด้วยนกแก้วที่กระพือปีกและส่ายศีรษะไปมา

นกแก้วเบรกไม่ทัน ร้องอ้ากเสียงหนึ่งแล้วเหยียบบนศีรษะของซู่เป่า

ซูเหอเหวิน “...”

ซูเหอเวิ่น “...”

ซูเหอเหวินหัวเราะเยาะ “โง่”

ซู่เป่ากุมศีรษะของตัวเองพลางร้องฮือๆ “เสี่ยวอู่แกเหยียบฉัน”

นกแก้วกระพือปีกพร้อมกับเดินวนอยู่ตรงหน้าซู่เป่า ทั้งเดินวนทั้งร้องว่า “ขอโทษ ขอโทษ เอาอีก”

ซู่เป่าถลึงตาโต

ซูเหอเวิ่นรีบไปประคองซู่เป่าลุกขึ้นและถามว่า “เจ็บไหม”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่เจ็บค่ะ วิชาตัวเบาหนูเก่งมากค่ะ”

ซูเหอเวิ่นอดหัวเราะไม่ได้

“นั่นเรียกว่ากังฟู” ฉีกขาน่าจะเป็นกังฟู

ซู่เป่าพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที

กังฟู

เข้าใจแล้ว

เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านตระกูลหลินไม่มีใครสอนเธอและไม่มีใครบอกหรือพูดคุยเล่นกับเธอ

ดังนั้นเธอจึงทำเรื่องตลกมากมายในตอนนั้น

แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้เธอก็เป็นเด็กที่เก่งและยอดเยี่ยมมากๆ คนหนึ่ง เธอเรียนรู้คำศัพท์ได้เยอะมากและเข้าใจในหลายๆ เรื่อง

เธอนับวันยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ

นายหญิงซูกลับมาอีกครั้งพร้อมกับชามบะหมี่ ซูเหอเหวินก้าวไปข้างหน้ารับเอาชามบะหมี่มาจากนายหญิงซูและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “คุณย่าครับ เรื่องพวกนี้ให้คุณป้าทำก็ได้ครับ”

นายหญิงซูยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรจ้ะ ถือซะว่ายืดเส้นยืดสาย”

ไม่นานคุณป้าก็ยกอาหารเช้าเข้ามา

ช่วงนี้นายหญิงซูจะเข้าครัวด้วยตัวเอง จึงต้องเปิดพื้นที่พิเศษในห้องครัวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้นายหญิงซูที่แข้งขาไม่สะดวกใช้งาน

อาหารเช้าของวันนี้ นายหญิงซูทำบะหมี่ต้มเลือดเป็ด น้ำเต้าหู้หมั่นโถว เกี๊ยวไส้กุ้งนึ่ง ไข่ฝูหรง และสาคู...

ซู่เป่ากัดหมั่นโถว แม้จะเป็นหมั่นโถวเปล่าๆ แต่เธอก็ทานได้อย่างเอร็ดอร่อย

“ซู่เป่า ทานบะหมี่สักหน่อยสิจ้ะ” นายหญิงซูมองดูซู่เป่ารับประทานอาหารด้วยความรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

ซู่เป่าไม่เลือกทาน ให้ทานอะไรก็ทาน หลังจากขานรับเสียงแจ๋วแล้วก็ยกบะหมี่ขึ้นมาเป่าปูดๆ จากนั้นทานอย่างเอร็ดอร่อย

ซูเหอเหวินจ้องมองอย่างไม่ละสายตา พลางคิดในใจว่าอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ

เขาประพฤติตนอย่างสง่างามและหยิบชามใบเล็กอย่างสุภาพ จากนั้นคีบบะหมี่สองเส้นด้วยตะเกียบ

ทันใดนั้นเขาก็หยุด

ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกว่ามันอร่อยมากจริงๆ เหมือนว่ามันมีรสชาติที่แตกต่างจากทุกสิ่งที่เขาเคยทานมาก่อน

หลังจากทานข้าวเสร็จ

ซู่เป่าก็สะพายกระเป๋าหนังสือน้อยๆ ออกไป

วันนี้เจ้าแก้มก้อนเปลี่ยนมาสะพายกระเป๋าหนังสือรูปหมีแพนด้า และยังคงจับคุณปู่เต่าใส่ไว้ในกระเป๋า

เสี่ยวอู่บินเข้ามาด้วยตัวเองโดยไม่รอให้เธอลงมือ

นายหญิงซูถามว่า “ซู่เป่าจะไปไหนเหรอจ๊ะ”

ซูอีเฉินที่ประชุมเสร็จกำลังทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว เขาวางถ้วยและตะเกียบลงพลางพูดว่า “ไปบ้านตระกูลถังครับ”

ซู่เป่าเห็นท่าทางสงสัยของคุณยายจึงอธิบายว่า “บ้านตระกูลถังก็คือถังหมิงเซิ่งซื่อที่ลุงใหญ่พาหนูไปงานตัดริบบิ้นก่อนหน้านี้ไงคะ”

เจ้าแก้มก้อนสับสนระหว่างถังหมิงเซิ่งซื่อกับบ้านตระกูล แต่นายหญิงซูก็ยังจับใจความสำคัญได้ เธอกรอกตามองบนใส่ซูอีเฉิน

“ตัวเองบ้างานก็พอแล้ว แล้วยังจะเอาซู่เป่าไปด้วย เด็กมันงอแงอยากไปเล่นด้วย แกก็ต้องพาไปอย่างนั้นเหรอ ถ้าตอนแกกำลังเจรจางานอยู่แล้วซู่เป่าเกิดเบื่อขึ้นมาจะทำยังไง”

ซูอีเฉิน “...”

ทำไมเขาถึงโดนด่าอีกแล้ว

---------

รถขับออกจากคฤหาสน์ แล้วขับไปตามวงแหวนรอบนอกเข้าสู่เขตเมืองที่เจริญรุ่งเรือง จากนั้นมาถึงสถานที่รวบรวมคนรวยอีกแห่ง เขตชิงซิ่ว

เขตชิงซิ่วเป็นศูนย์รวมสถาบันการศึกษาที่ดีที่สุดในเมือง ที่ดินทุกๆ ตารางก็มีราคาแพงมาก คนที่สามารถซื้อบ้านที่นี่ได้ล้วนเป็นคนร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี

ถังเถียนเถียนยืนรออยู่หน้าบ้านตั้งแต่เช้า และตั้งหน้าตั้งตารอซู่เป่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คุณหนูซู่เป่า เชิญด้านในครับๆ”

ซู่เป่ากำลังจะเดินเข้าประตู แต่จู่ๆ ก็หันหน้าขวับเหมือนสัมผัสอะไรบางอย่างได้

เธอเห็นหญิงชราในชุดเสื้อคอจีนสีเขียวลอยอยู่บนระเบียงชั้นสองของบ้านฝั่งตรงข้าม

เธอฉีกยิ้มเมื่อเห็นซู่เป่ามา

ซู่เป่า “...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน