ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 83

วันนี้ซูเหอเวิ่นไม่ไปเรียนวิชาชุมนุม แต่ติดตามซู่เป่ามาที่นี่เหมือนเป็นลูกสมุน

เขาเงยหน้ามองตามสายตาของซู่เป่าไปทางชั้นสองของฝั่งตรงข้าม แล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ”

ซู่เป่าที่กำลังจะเดินเข้าประตูพลันหันหน้าขวับ แล้วเดินตรงไปยังบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ด้วยใบหน้าเล็กๆ อย่างดุดัน

ซูอีเฉินหยุดเดินในทันที แล้วรีบตามไป “ซู่เป่า”

ใจของถังเถียนเถียนเต้นตุบตับ แย่แล้ว อะไรทำให้บรรพชนตัวน้อยไม่พอใจกันละนี่

เมื่อสักครู่ก่อนที่เธอจะเข้ามา เธอหันไปมองต้นไม้มงคลที่อยู่ด้านขวาแวบหนึ่ง

หรือว่าไม่ชอบต้นไม้มงคลเหรอ

“สองคนมานี่เร็วเข้า รีบเอาต้นไม้มงคลต้นนี้ไปไว้หลังบ้าน”

หลังจากถังเถียนเถียนพูดจบก็รีบวิ่งตามไปพลางพูดว่า “โอ้ คุณหนูซู่เป่า เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”

ซู่เป่ายืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบ้านฝั่งตรงข้ามและพูดกับชั้นบนว่า “ฮัลโหล สวัสดีค่ะคุณย่าชั้นบน ไม่ใช่สิ คุณย่าที่อยู่ชั้นบน ฟังนะ หนูอดกลั้นกับคุณย่ามานานแล้วนะ”

หญิงชราในชุดเสื้อคอจีนจ้องซู่เป่าตาเขม็งและเผยยิ้มอย่างประหลาด

ซูอีเฉินมองตามไปทางชั้นสอง แล้วรู้สึกบอกไม่ถูก

ชั้นสองไม่มีคน

ถังเถียนเถียนเพียงรู้สึกแปลกประหลาดอย่างอธิบายไม่ถูกและขนหัวลุก

“คุณหนูซู่เป่า นายหญิงของบ้านนี้เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้วแล้วครับ...”

ซู่เป่าคงไม่ได้มองเห็นนายหญิงของบ้านฝั่งตรงข้ามใช่ไหม

ถังเถียนเถียนรู้สึกขาอ่อนแรง

ซู่เป่าพลันหันหน้ามาถามว่า “ลุงถังคะ ที่นี่ก็เป็นบ้านของลุงเหรอคะ”

เธอมองหน้าถังเถียนเถียน จากนั้นมองหญิงชราที่กำลังจ้องเธออยู่ชั้นสองแวบหนึ่ง

ใบหน้าของสองคนนี้คล้ายกันมากเลยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่นมาก

ถังเถียนเถียนตกตะลึง “เปล่าครับ บ้านหลังนี้เป็นของตระกูลกวน จะพูดไปแล้ว ครอบครัวนี้ค่อนข้าง...น่าสงสารมาก”

เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็หยุดนิ่งไปชั่วครู่

เมื่อเห็นซู่เป่ามองไปที่ชั้นสองครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนที่อยู่บนชั้นสองกำลังจ้องมองมาที่เขา

ก็รู้สึกกลัวอยู่ในใจ

ซูอีเฉินถาม “บ้านนี้ทำไมเหรอ”

ถังเถียนเถียนถอนหายใจเฮ้อ “เมื่อสิบปีก่อนบ้านนี้มีลูกสาวคนหนึ่ง เธอถูกเพื่อนซี้ของเธอฆ่าเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม...”

“ได้ยินมาว่าวิธีการฆ่านั้นโหดร้ายมาก โดนถลกเนื้อหนังออก ตำรวจหาเจอเพียงเนื้อหนังแต่หากระดูกไม่เจอ ตระกูลกวนมีลูกสาวเพียงคนเดียว นายหญิงรับเรื่องนี้ไม่ได้จึงเป็นบ้าในทันที”

ถังเถียนเถียนพูดถึงตรงนี้แล้วก็มองซ้ายมองขวา จากนั้นพูดเบาๆ ว่า “ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะถูกจับ ตำรวจพบเธอเสียชีวิตอย่างอนาถอยู่ในโรงพิมพ์... ได้ยินมาว่านายท่านของตระกูลกวนเป็นคนหาคนไปจัดการเธอจนเสียชีวิต...”

“ก็เลยถือโอกาสนี้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หรืออาจจะเป็นเพราะคนของทางฝั่งตำรวจอดสงสารไม่ได้ ในที่สุดคดีนี้ก็ถูกปิด เพราะหาหลักฐานไม่พบ ดังนั้นนายท่านกวนจึงรอดตัวไป”

“แต่สองสามีภรรยาผู้แก่ชราก็น่าสงสาร ซูบผอมเพราะตรอมใจ คอยเฝ้าบ้านที่มีกลิ่นไอของลูกสาวของพวกเขาก่อนเสียชีวิต คอยตามหาโครงกระดูกของลูกสาวของพวกเขา แต่หายังไงก็หาไม่เจอ จากนั้นเมื่อปีที่แล้วนายหญิงทนรอไม่ไหวจึงจากไปก่อน”

ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงมีเพียงนายท่านกวนคนเดียว

เมื่อถังเถียนเถียนนึกถึงเรื่องนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกกลัวขนลุกขนพอง กลางวันแสกๆ ยิ่งรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง

ซูอีเฉินถามว่า “เขาไม่ได้เค้นถามว่ากระดูกอยู่ไหนเหรอ”

ถังเถียนเถียนส่ายหน้า “แน่นอนว่าต้องเค้นถามแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงถามไม่ได้ความ”

จี้ฉางยืนพิงผนังกำแพงบ้านที่อยู่ใต้ร่มเงา แล้วขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “ถ้าเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นบ้านของเพื่อนสนิทของผีจองหองตนนั้น”

บังเอิญจริงๆ

บังเอิญที่มักรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น

จี้ฉางเงยหน้าชำเลืองมอง

ซู่เป่าเขย่งเท้าพลางพูดอย่างร้อนใจว่า “คุณลุงใหญ่คะ หนูอยากเข้าไป... สามารถเคาะประตูได้ไหมคะ”

ซูอีเฉินเรียกผู้ช่วยให้ไปกดกริ่งที่หน้าประตูพร้อมกับอุ้มซู่เป่า

ถังเถียนเถียนกระแอมไอและพูดอย่างระวังว่า “คุณหนูซู่เป่ารู้จักคนในบ้านนี้เหรอครับ”

พูดตามตรง เขาไม่อยากเข้า...

ก่อนหน้านี้เขายังอยากขายบ้านเดี่ยวของเขาทิ้ง แต่หมอดูบอกว่าบ้านหลังนี้ของเขาฮวงจุ้ยดี เพียงแค่อยู่อาศัยทำอะไรก็จะราบรื่นและร่ำรวยตลอดไป

ดังนั้นจึงไม่ย้ายออกไป

แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไป เขาอาศัยอยู่ที่นี่มานาน และมีเงาในใจ

แต่กลับได้ยินซู่เป่าพูดว่า “ลุงถังคะ แม่ของลุงอยู่ข้างบนค่ะ”

ถังเถียนเถียนตกตะลึง “อะไรนะ”

ซู่เป่าแสดงท่าทาง “ใบหน้าของคุณย่าดูคล้ายกับลุงมากค่ะ และมีเอกลักษณ์เหมือนกัน"

เมื่อถังเถียนเถียนได้ยินคำอธิบายเช่นนี้ เขาเกือบจะแน่ใจในทันทีว่าที่เจ้าแก้มก้อนมองเห็นคือแม่ของเขาจริงๆ

“ป่ะๆ พวกเราเข้าไปกันเถอะ” เขารีบพูด

ซู่เป่ามองเขาแวบหนึ่ง แต่ถังเถียนเถียนเดินไปตะโกนเรียกแล้ว

“ลุงกวน ฉันเอง ฉันเสี่ยวถัง เปิดประตูหน่อย”

ชวีเสี่ยงกดกริ่งเรียกที่ประตูตั้งนาน แต่ด้านในไม่มีใครโต้ตอบเลย ดังนั้นถังเถียนเถียนจึงตะโกนเรียกด้วยตัวเอง

จากนั้นหันกลับมาพูดว่า “ลุงกวนไม่ชอบให้ใครมารบกวน โดยเฉพาะหลังจากนายหญิงกวนท่านเสีย เขาแทบจะไม่ออกจากบ้านเลย”

หลังจากร้องตะโกนเรียกอยู่นาน ในที่สุดก็มีน้ำเสียงอันอ่อนแรงดังออกมาจากออดวิดีโอไร้สาย “มีธุระอะไร”

ถังเถียนเถียนพูด “ลุง พวกเรา... อะแฮ่ม”

เขามองมาทางซู่เป่า พลันพบว่าไม่รู้ว่าเหตุผลในการเยี่ยมเยือนคืออะไร

จะบอกว่าแม่ของผมอยู่บนบ้านของคุณก็คงไม่ได้

ซู่เป่าพูดใส่ออดว่า “คุณปู่กวนคะ หนูรู้ว่ากระดูกของพี่สาวอยู่ที่ไหนค่ะ”

หน้าจอออดวิดีโอไร้สายพลันมืดสนิท ไม่นาน ประตูใหญ่ก็เปิดออกเองโดยอัตโนมัติเสียงดังปัง

“เข้ามา...” น้ำเสียงของปู่กวนยังคงอ่อนแรง แต่เมื่อฟังอย่างละเอียดแล้วก็จะฟังออกถึงความตื่นเต้น

คนกลุ่มหนึ่งก้าวเข้าไปในประตูลานของบ้านเดี่ยว

ซูเหอเวิ่นแอบกลืนน้ำลายเฮือก ในที่สุดก็ยกมือขึ้นไปจับกางเกงของซูอีเฉินเล็กน้อย

นี่เป็นความดื้อรั้นครั้งสุดท้ายของเขา...

ตอนเกือบจะผ่านประตูเข้าไป ซู่เป่าก็เงยหน้ามองชั้นสองอีกครั้ง

ด้านบนของประตูทางเข้าเป็นระเบียงของชั้นสอง ในขณะเดียวกันนั้น หญิงชราในชุดเสื้อคอจีนก็กำลังเกาะที่ราวกั้นและชะเง้อหน้ามองลงมา

ซูเหอเวิ่นที่คอยสังเกตซู่เป่าอยู่ตลอดเวลาเดาออกแล้วว่าซู่เป่ากำลังมองอะไร

เขาเงยหน้าขึ้นมองระเบียงชั้นสองที่ว่างเปล่า ซูเหอเวิ่นเพียงรู้สึกว่าสิ่งที่มองไม่เห็นน่ากลัวกว่าสิ่งมองเห็น....

จากนั้นมือเล็กๆ อดไม่ได้ที่จะจับแน่นขึ้น

เมื่อรู้สึกว่าขากางเกงถูกจับ ซูอีเฉินจึงก้มลงมองซูเหอเวิ่น “กลัวอะไร”

น้ำเสียงของเขาเย็นชา น้ำเสียงที่พูดกับลูกชายตัวเองแทบจะไม่มีความอ่อนโยนเลย

ซูเหอเวิ่นเบื้อนหน้าหนี “ไม่ได้กลัวครับ”

ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ยิ่งจับขากางเกงของซูอีเฉินแน่นขึ้น

ซูอีเฉินยื่นมือไปจูงเขาอย่างหมดคำพูด

ในที่สุดกลุ่มคนก็เดินเข้ามาถึงด้านใน และทันใดนั้นกลิ่นเหม็นเน่าก็ลอยมาปะทะหน้า

หนึ่งในกลิ่นนั้นคือกลิ่นยาอันเป็นเอกลักษณ์และกลิ่นที่ไม่สามารถบรรยายได้ของชายชรา

จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากวิดีโอ “ขึ้นมาสิ... ฉันอยู่ข้างบน”

ซูเหอเวิ่นตกใจ

แต่ซู่เป่าได้ขึ้นไปก่อนแล้ว แล้วยังจูงมือของเขาไปด้วย “พี่เล็ก เร็วเข้า”

ที่ห้องนอนใหญ่ชั้นสอง หลังจากเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าภายในห้องมืดสนิทและผ้าม่านก็ถูกดึงเพื่อบังแสงแดดจากภายนอก

หญิงชราในชุดเสื้อคอจีนยืนเงียบๆ ที่มุมห้อง และยังคงจ้องมองที่ซู่เป่าโดยไม่พูดอะไรสักคำ

แต่ซู่เป่าไม่สนใจเธอ หลังจากที่ผ่านประตูเข้าไปก็ถามหยั่งเชิงว่า “คุณปู่กวนคะ เปิดหน้าต่างนิดหนึ่งได้ไหมคะ แค่นิดเดียว”

มีคนคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง แต่มองไม่เห็นหน้าของเขา รู้สึกเพียงว่าทั้งห้องเต็มไปด้วยบรรยายกาศอึมครึม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน