ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 84

คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในห้อง แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงกลับไม่ขยับเลยสักนิด

ถังเถียนเถียนยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อสักครู่ได้ยินเสียงของลุงกวนผ่านวิดีโอ เขาคงสงสัยว่า...

เดี๋ยวก่อน ถ้าลุงกวนเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วที่สามารถได้ยินเสียงเขาผ่านวิดีโอจะไม่ยิ่งน่ากลัวหรอกเหรอ

ถังเถียนเถียนพูดเสียงสั่น “ลุงกวนครับ”

ในที่สุดคนที่อยู่บนเตียงก็ส่งเสียงกระแอมไออย่างอ่อนแรง “เปิดสิ”

ชวีเสี่ยงรีบเข้าไปเปิดม่านและหน้าต่างออก

เมื่ออากาศสดใหม่โชยเข้ามา ทุกคนถึงรู้สึกสบายขึ้นมาหน่อย

และมองเห็นชายชราที่นอนอยู่บนเตียงชัดเจนขึ้น

ใบหน้าของเขาตอบลง ร่างกายผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูก เปลือกตาตกจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ดวงตาอันขุ่นมัวกวาดสายตามองไปรอบๆ สุดท้ายหยุดที่ตัวซู่เป่า

“เธอใช่ไหม... ที่เป็นคนบอกว่าหากระดูกของหนานน่านเจอแล้ว”

น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา ราวกับว่ามันถูกบีบออกจากลำคอด้วยแรงเฮือกสุดท้าย ร่างกายของเขาไร้ชีวิตชีวา มีเพียงลูกตาทั้งสองข้างที่กลอกไปมาเป็นครั้งคราว

ซูเหอเวิ่นสีหน้าบูดบึ้ง ส่วนถังเถียนเถียนก็รู้สึกลุกลี้ลุกลน แม้จะเป็นคนเป็นๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกน่ากลัวขนาดนั้นล่ะ

วินาทีถัดมา กลับเห็นซู่เป่าเดินเข้าไปใกล้ พร้อมทั้งยื่นมือไปจับข้อมือที่ราวกับท่อนไม้ของชายชรา

“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณปู่ ซู่เป่ารู้ว่ากระดูกของพี่สาวอยู่ที่ไหนค่ะ” เจ้าแก้มก้อนพูดปลอบใจ

เชือกสีแดงที่ข้อมือของเธอเปล่งแสงจางๆ จากนั้นแสงนั่นค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ร่างกายของชายชรา

ชายชราลืมตาได้เล็กน้อยและดูเหมือนความไร้ชีวิตชีวาจะถูกปัดเป่าให้สิ้นไป ทุกคนราวกับกลับมาจากยมโลกสู่โลกมนุษย์โดยไม่รู้ตัว

ลุงกวนประคองร่างอันสั่นสะท้านเพื่อจะลุกขึ้น

ถังเถียนเถียนหูไวตาไว รีบเข้าไปประคองเขาลุกขึ้นโดยไม่รอให้คนอื่นทันรู้ตัว

“ลุงกวนครับ ทำไมถึงอยู่บ้านคนเดียวล่ะครับ ร่างกายของลุงตอนนี้เกรงว่าจะดูแลตัวเองไม่ไหว...”

ที่คาดไม่ถึงก็คือลุงกวนใส่ชุดนอนที่สะอาดสะอ้าน นอกจากกลิ่นยาบนร่างกายแล้วก็ไม่มีกลิ่นแปลกประหลาดอื่นเลย

เมื่อมองไปรอบๆ ห้อง แม้จะมืดสนิทแต่ก็สะอาดและเป็นระเบียบ

เป็นชายชราที่มีภูมิฐานมากคนหนึ่ง

ลุงกวนถอนหายใจ แล้วพูดเสียงเบาว่า “จะต้องดูแลไปทำไม คนใกล้จะเสียชีวิตแล้ว...”

ซู่เป่ามองคุณปู่ที่อยู่ตรงหน้า แล้วนัยน์ตาก็ปรากฏความเสียใจ

เหนือศีรษะของคุณปู่มีธูปอยู่หนึ่งดอก

ท่านอาจารย์เคยบอกว่าเมื่อธูปหยินที่อยู่เหนือศีรษะไหม้ดับหมดคนก็จะเสียชีวิต

ซู่เป่าเอ่ยปากพูดโดยไม่รอให้เขาถาม “คุณปู่คะ กระดูกของพี่สาวอยู่ใต้สนามฟุตบอลของโรงเรียนค่ะ”

“พี่สาวชื่อกวนอี่หนาน เพื่อนสนิทของพี่สาวชื่อหลี่รั่วผิง...ใช่ไหมคะ”

“ซู่เป่ารู้จักพี่สาวคะ พี่สาวเป็นคนดีมากค่ะ พี่สาวเอาชุดสวยๆ ที่ไม่ต้องการแล้วให้เพื่อนสนิท แต่เพื่อนสนิทกลับฆ่าพี่สาว”

ลุงกวนตกตะลึง แล้วน้ำตาพลันไหลพรากในทันที และนึกขึ้นได้ด้วยท่าทางสั่นระริก “พาฉันไป... ฉันจะไปหาหนานน่าน...”

สิบกว่าปีแล้ว เขารอมาสิบกว่าปีแล้ว เขาคิดว่าชาตินี้จะหากระดูกของลูกสาวไม่เจอเสียแล้ว

แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวนี้ก่อนเสียชีวิต

ซูอีเฉินมองชวีเสี่ยง แล้วชวีเสี่ยงที่กำลังมึนงงก็กลับมามีสติ จากนั้นรีบออกไปโทรแจ้งตำรวจ

ถังเถียนเถียนพูด “ลุงกวนอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลยครับ ลุงไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาไม่ใครเข้าใกล้...”

ซู่เป่าก็พูดว่า “คุณปู่สบายใจได้ค่ะ มีซู่เป่าอยู่ทั้งคนนะ”

ลุงกวนก้มมองเธอ แล้วพลันละสายตาทันที จากนั้นเอนตัวลงพิงหัวเตียง

“ธุรกิจและเรื่องต่างๆ ที่ฉันทำมาตลอดชีวิตนี้ ฉันไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อหลักมโนธรรมเลย ตอนพ่อแม่ของพนักงานป่วย ฉันไม่เพียงแต่ให้เงินช่วยเหลือ แต่ยังจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ และยังช่วยติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศให้ด้วย”

“ฉันทำความดีมาตลอดชีวิต แต่ความชั่วเพียงอย่างเดียวที่ฉันทำคือฆ่าผู้หญิงคนนั้น...”

ถังเถียนเถียนแอบประหลาดใจ ข่าวลือที่ว่าเด็กสาวคนนั้นถูกลุงกวนฆ่าเสียชีวิตเป็นเรื่องจริงหรือนี่

จี้ฉางที่อยู่ข้างๆ พูดอะไรบางอย่าง แล้วซู่เป่าก็พยักหน้าและถามว่า “คุณปู่คะ ทำไมคุณปู่ไม่ถามว่ากระดูกของพี่สาวอยู่ที่ไหนคะ สรุปแล้วพี่สาวเสียชีวิตได้ยังไงคะ”

ลุงกวนถอนหายใจยาวๆ ราวกับพ่นลมหายใจที่มีในปอดออกมาทั้งหมด สีหน้าที่เพิ่งดูดีขึ้นเมื่อสักครู่ก็ดูซีดเซียวอีกครั้ง

“เราสอนให้หนานน่านให้เป็นคนใจดีตั้งแต่เด็กและดูแลเธอเป็นอย่างดี”

เธอเอาของทุกอย่างที่ตัวเองชอบที่สุดให้หลี่รั่วผิง แม้กระทั่งชุดกระโปรงลิมิติดอิดิชันที่ตัวเองใส่แค่ไม่กี่ครั้ง แต่กลับเอาให้ หลี่รั่วผิง

เธอกลัวจะทำร้ายความภูมิใจในศักดิ์ศรีตนเองของหลี่รั่วผิง เธอจึงจงใจแกะป้ายออกจากของที่เพิ่งซื้อมาใหม่และบอกว่าเธอไม่ต้องการมันแล้ว...”

“พวกเราสนับสนุนความใจดีของเธอมาตลอด แม้กระทั่งให้หลี่รั่วผิงเข้าออกบ้านได้ตามอำเภอใจ... แต่ใครจะรู้ว่าเด็กสาวผู้อ่อนโยน น่ารัก ใจดี และไร้เดียงสา แท้จริงแล้วคือปีศาจเจ้าเล่ห์”

จี้ฉางกอดอกและฟังอยู่เงียบๆ

ลุงกวนพูดอีกว่า “ดื่มให้เมาหกสิบเปอร์เซ็นต์ กินให้อิ่มเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ อย่าใจดีกับใครมาเกินไป และอย่าใช้ความใจดีเอาชนะใจคน”

แต่น่าเสียดายที่เขาเข้าใจหลักแห่งความจริงนี้สายเกินไป

ภายใต้คำบรรยายของลุงกวน ฉากที่น่าสลดกว่าสิบปีที่ผ่านมาก็ค่อยๆ กระจ่าง

เดิมทีหลังจากที่หลี่รั่วผิงลาออกจากโรงพิมพ์ จากนั้นเธอก็ได้งานที่มีหน้ามีตาโดยปิดบังทุกคน แต่ก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง และค่อยๆ เป็นหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยสูงมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ทว่าดูเหมือนเธอจะหมกมุ่นอยู่กับชีวิตอันจอมปลอมนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และมีความคิดที่จะแทนที่กวนอี่หนาน นับวันยิ่งบ้ามากขึ้นเรื่อยๆ

“มีวันหนึ่ง เธอโทรมาบอกว่าเธอถูกคนในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลินเฉิงหลอก เธอบอกว่าเดิมทีอยากจะซื้อยาให้พ่อแม่ แต่ถูกโรงพยาบาลมืดกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้...”

“บอกว่าต้องการสิบล้าน แล้วยังให้คนไปแลกค่าไถ่ตัวเอง”

“ในสายเธอร้องไห้อย่างหนัก แล้วนิสัยของหนานน่านเป็นคนใจอ่อน เธอจึงรีบไปในทันที”

ลุงกวนรู้สึกเสียใจที่ปกป้องลูกสาวดีเกินไป ราวกับเด็กหญิงที่เติบโตในโลกจิตนาการที่ใจดีเกินไปและไร้เดียงสาเกินไป และไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเสียชีวิตเพราะมัน

ลุงกวนหลับตาลงอย่างเจ็บปวดพลางพูดว่า “หลี่รั่วผิงไม่ได้ถูกโรงพยาบาลจับตัวไว้แต่อย่างใด แต่เธออยู่โรงพยาบาลศัลยกรรมในเครือของพวกมาเฟีย”

“โรงพยาบาลศัลยกรรมประเภทนี้ชำนาญเรื่องหลอกลวงเด็กสาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาทำศัลยกรรม บอกว่าทำตาสองชั้นราคาหนึ่งพัน แต่สุดท้ายกลับเซ็นกู้เงินเป็นหมื่น กระทั่งมีคนเข้าไปติดกับดักจนไม่สามารถหลีกหนีได้”

เดิมทีตัวเองก็ทำเรื่องที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้

หลี่รั่วผิงให้เงินสิบล้าน และขอให้โรงพยาบาลศัลยกรรมใช้หนังคนเป็นทำศัลยกรรมให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นอีกคน

“แล้วพวกมันก็กล้าทำจริงๆ ... เธอกล้าจินตาการไหมว่าจะมีธุรกิจหนังคนเช่นนี้อยู่ในโลกใบนี้”

ไม่เพียงแต่หนังหน้า แม้แต่อวัยวะทุกส่วนภายในร่างกายก็โดนจ้องไว้หมดแล้ว

หลังจากที่พวกลุงกวนได้ข่าวและตามไปถึงก็ไม่เจอตัวกวนอี่หนานแล้ว

ไม่รู้ว่ากวนอี่หนานไปอยู่ที่ไหน เจอเพียงหลี่รั่วผิงที่ใบหน้าเปื้อนเลือด และร้องไห้เสียงดังพลางพูดว่ากวนอี่หนานถูกคนร้ายจับตัวไปเพื่อช่วยเธอ

“พวกเราตามหากวนอี่หนานไปทั่วทุกหนทุกแห่งอย่างร้อนรนกระวนกระวายใจ และในเวลาเดียวกันนั้นหลี่รั่วผิงกลับย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา คอยเอาอกเอาใจสารพัด”

ลุงกวนยิ้มเฝื่อนๆ “ถ้าฉันยังมองธาตุแท้ของคนคนนี้ไม่ออกล่ะก็ แสดงว่าจริงๆ แล้ว...”

ราวกับเขาไม่อยากนึกถึงความทรงจำนั่น สีหน้าของลุงกวนยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น และน้ำตาขุ่นมัวก็ไหลลงมาอย่างไร้เสียง

ตอนที่เขาหากวนอี่หนานเจอ ก็เหลือเพียงแค่เศษส่วนเนื้อหนังเท่านั้น

โครงกระดูกที่ยากจะทำลายกลับไม่รู้ว่าไปอยู่ที่แห่งไหน ราวกับก้อนหินจมลงสู่ทะเลและไม่สามารถหามันให้เจอได้อีก

“หลี่รั่วผิงไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องนี้ เธออย่างมากก็แค่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด สมรู้ร่วมคิดในการหลอกลวงหนานน่านไปฆ่า ถ้าหากเธอร้องห่มร้องไห้สำนึกผิดและยอมรับผิด ไม่แน่การพิจารณาคดีอาจตัดสินให้เธอจำคุกไม่กี่ปี”

“แต่พวกเราตัดสินใจแล้วว่าจะให้เธอเสียชีวิต”

แววตาของลุงกวนปรากฏความโหดร้ายเล็กน้อย จากนั้นเขายกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง

“แต่ทำทุกวิถีทางแล้ว หลี่รั่วผิงก็ไม่สามารถพูดอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ เพราะเธอไม่ใช่คนสุดท้ายที่จัดการหนานน่าน เธอจะรู้ได้ยังไงว่ากระดูกของหนานน่านอยู่ที่ไหน...”

เขาไม่ปล่อยเธอไปก็ถูกแล้ว หากย้อนเวลาได้อีกครั้ง ลุงกวนรู้สึกว่าตัวเองก็ยังคงจะทำแบบเดิม

“ฉันเสียใจมาครึ่งชีวิตแล้ว สิ่งที่ฉันเสียใจไม่ใช่เพราะฉันฆ่าหลี่รั่วผิง แต่สิ่งที่ฉันเสียใจคือเราสอนลูกสาวได้ไม่ดี...”

พอพูดถึงตรงนี้ ลุงกวนก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน