ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 85

เมื่อฟังลุงกวนพูดจบ สีหน้าของทุกคนต่างเคร่งขรึมและรู้สึกหายใจไม่ออก

ซูอีเฉินมองซู่เป่าโดยไม่ตั้งใจและเห็นซู่เป่านั่งฟังอยู่เงียบๆ

เจ้าแก้มก้อนไม่กลัวและไม่รังเกียจ อีกทั้งจับมือลุงกวนไว้ตลอดเวลา

สำหรับเรื่องราวอันโหดร้ายและน่าเวทนาเช่นนี้ ซูอีเฉินไม่รู้ว่าซู่เป่าฟังเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ตามปกติแล้วไม่ควรให้เด็กฟังเรื่องแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไม ซูอีเฉินกลับรู้สึกว่าซู่เป่าไม่ใช่เด็กธรรมดา

จี้ฉางพูด “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าหลังจากที่หลี่รั่วผิงกลายเป็นผีร้ายแล้ว เธอถึงรู้ว่ากระดูกของกวนอี่หนานอยู่ที่ไหน”

แล้วศพอื่นๆ อีกสิบเจ็ดศพที่อยู่ใต้สนามล่ะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ซู่เป่าพูดเบาๆ กับลุงกวนว่า “คุณปู่กวนคะ อย่าเสียใจไปเลยค่ะ...”

เจ้าแก้มก้อนขยับเข้าไปใกล้ๆ และไม่รู้ว่ากำลังพึมพำอะไร

จากนั้นสีหน้าของลุงกวนค่อยๆ เปลี่ยนจากตกใจ แปลกใจ เป็นดีใจ และค่อยๆ สงบลง

“ดี ดี” เขาพูดอย่างโหดร้าย “สมน้ำหน้า กรรมตามสนอง”

ซู่เป่ามองธูปหยินที่อยู่เหนือศีรษะของเขาแวบหนึ่ง มันไหม้ดับหมดแล้ว

“คุณปู่กวนคะ ยังมีอะไรอยากให้หนูช่วยอีกไหมคะ” ซู่เป่าถาม

ลุงกวนรู้สึกเหนื่อยล้ามากและส่ายหน้าช้าๆ “ไม่มีแล้ว...ไม่มีแล้ว... ฉันจะได้ไปพบภรรยาและอธิบายให้เธอฟัง ภรรยาของฉันกำชับไว้ก่อนเสียชีวิตว่าต้องหาลูกสาวให้เจอ...”

เปลือกตาของเขาหนักอึ่งแล้วค่อยๆ หลับตาลง แต่เขาใช้แรงลืมตาขึ้นมาอีกเล็กน้อย

“ใช่สิ ถ้าเป็นไปได้ ซู่เป่าช่วยปู่ตามหาคนคนหนึ่งได้ไหม...”

ซู่เป่าพยักหน้า “หนูจะลองดูค่ะ”

แต่ลุงกวนยังพูดไม่จบก็หลับสนิทไปตลอดกาล

สีหน้าของเขาสงบสุขและยิ้มเล็กน้อย

ในห้องตกอยู่ในบรรยายเงียบงัน

นัยน์ตาของถังเถียนเถียนซับซ้อน ตระกูลกวนไม่มีใครอื่นแล้ว ตอนป้ากวนเสียเป็นลุงกวนที่จัดการเรื่องงานศพ

วันนี้...

ถังเถียนเถียนเม้มปาก แต่ท้ายที่สุดเขาก็ส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถืออย่างเงียบๆ ขอให้คนจัดเตรียมการเรื่องงานศพ

“ไปกันเถอะ” ซูอีเฉินจูงแขนซู่เป่า

แต่ซู่เป่าพลันเอ่ยปากพูดอย่างกะทันหัน “เดี๋ยวก่อนค่ะ”

มีวิญญาณลอยออกมาจากร่างของลุงกวนและค่อยๆ ลอยขึ้นมาช้าๆ แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความมึนงง

“นี่ฉัน...”

ซู่เป่าพูดว่า “คุณปู่กวนคะ เมื่อกี้ยังพูดไม่จบเลย”

ไม่นานลุงกวนก็รู้ตัวขึ้นมาทันที หลังจากที่ชินกับมันแล้วก็รู้สึกว่าตัวเบาหวิวและผ่อนคลายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

เขาพูดว่า “เมื่อสิบปีก่อนตอนฉันตามหาหนานน่าน ฉันไปมาหมดทุกทีและได้เจอกับตำรวจเก่าคนหนึ่ง... เขาเป็นคนสีเทา”

คนสีเทาก็คือสายลับที่ยืนอยู่ในที่มืดคอยเผาไหม้ตัวเองเพื่อส่องแสงสว่างทางข้างหน้าให้พันธมิตร

“เขาถูกล้างแค้น พ่อแม่ ลูกชายและลูกสะใภ้เสียชีวิตกันหมด เหลือแค่หลานชายเพียงคนเดียว ก่อนเสียชีวิตเขาไหว้วานฉันดูแลหลานชายของเขา แต่ฉันหาเด็กคนนั้นไม่เจอ”

ลุงกวนนึกอยู่ชั่วครู่ จากนั้นพูดว่า “สิบปีก่อน ตำรวจเก่าคนนั้นบอกว่าหลายชายของเขาอายุเจ็ดขวบแล้ว ตอนนี้น่าจะยี่สิบห้ายี่สิบหก นามสกุลมู่ เป็นคนหนานเฉิง เอ่อใช่แล้ว เขาเองชื่อมู่หมิงหย่วน”

แต่หลานชายของเขาชื่อว่าอะไร เขาไม่ทันได้พูด

ลุงกวนพูดไปด้วยพลางมองซู่เป่าใหม่อีกครั้ง แล้วรู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าแก้มก้อนคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ราวกับเคยเจอกันมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว

ซู่เป่าแอบจำไว้ในใจ อายุยี่สิบห้ายี่สิบหก นามสกุลมู่ คนหนานเฉิง... ชื่อมู่หมิงหย่วน

เอ๊ะ คนหนานเฉิงนิ บ้านเกิดเดียวกันกับเธอเลย

ซู่เป่าพยักหน้า “ได้ค่ะ”

จากนั้นชวีเสี่ยงก็เข้ามาจากข้างนอกแล้วพูดว่า “ประธานซูครับ ตำรวจเดินทางไปถึงที่นั่นแล้วและกำลังเริ่มขุดสนามของโรงเรียนประถมครับ”

ซู่เป่าได้ยินเสียงชวีเสี่ยงจึงหันไปมองและได้เห็นหญิงชราในชุดเสื้อคอจีนกำลังยืนมองเธออยู่ตรงประตู

เมื่อเห็นเธอมอง หญิงชราก็ฉีกยิ้มอีกครั้ง

ลุงกวนพูดว่า “ฉันต้องไปแล้ว... ถือโอกาสยังพอมีเวลา ฉันจะไปดูหนานน่าน...”

เขาออกไปข้างนอกได้อย่างง่ายดายและรู้เส้นทางราวกับมีแรงฉุดบางอย่าง

ตอนเขาผ่านประตูยังพูดจาแปลกๆ กับหญิงชราในชุดเสื้อคอจีนคนนั้นว่า “นายหญิงถัง ท่าทางน่ากลัวแบบนี้ อย่าทำให้เด็กตกใจเอาล่ะ”

หญิงชราในชุดเสื้อคอจีน “...”

ซู่เป่าจูงมือของซูอีเฉินและพูดว่า “ลุงใหญ่คะ ไปกันเถอะคะ คุณปู่กวนไปแล้วค่ะ”

ตอนเดินถึงหน้าประตู หญิงชราในชุดเสื้อคอจีนหัวเราะเฮๆ และพูดพล่ามตามหลังซู่เป่าว่า “ซู่เป่า... ซู่เป่า...”

“ฉันรู้จักพ่อของเธอนะ...”

ซู่เป่าหยุดชะงักแล้วถามว่า “พ่อของหนูคือใครเหรอคะ”

หญิงชราในชุดเสื้อคอจีนพูดว่า “นามสกุลมู่ นามสกุลมู่...”

“ชื่อนามสกุลว่าอะไรเหรอคะ” ซู่เป่าถาม

หญิงชราในชุดเสื้อคอจีนส่ายหน้าและพูดซ้ำคำเดิมว่า “นามสกุลมู่ นามสกุลมู่...”

ซู่เป่าขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ผ่านไปสักพัก เธอพลันถามขึ้นว่า “ท่านอาจารย์คะ ทำไมเวลาพวกเขาพูดถึงพูดซ้ำสองครั้งคะ”

ตอนแม่เลี้ยงมู่ชิ่นซินปรากฎตัวก็เอาแต่พล่ามว่า “ฉันเสียชีวิตอย่างอนาถ เสียชีวิตอย่างอนาถ”

ตอนผีจองหองตะโกนร้องด้วยความโกรธก็ตะโกนว่า “ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอม”

แล้วตอนนี้ยายชรายังพูดซ้ำคำพูดของเธอเองว่า “นามสกุลมู่... นามสกุลมู่...”

แล้วจี้ฉางก็เปิดตำราของเขาอีกครั้งและพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นว่า “ตอนสติปัญญามีไม่เพียงพอถึงจะพูดคำเดิมซ้ำๆ เพราะคนเสียชีวิตแล้วไม่ได้เอาสมองมาด้วย ดังนั้นจึงมีอาการดวงตาเหม่อลอย น้ำลายย้อย และปรากฏตัวในสถานที่ที่ตนเสียชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า...”

ซู่เป่าเข้าใจในโดยพลัน

จี้ฉางพลิกเปิดตำราด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

พ่อของเจ้าแก้มก้อนนามสกุลมู่เหรอ

แต่หนานเฉิงไม่มีคนนามสกุลมู่ แล้วมีความเกี่ยวข้องอะไรกับซู่เป่า

จี้ฉางพลิกเปิดตำราและหาเจอชื่อมู่หมิงหย่วน มีชื่อเขาเองและชื่อลูกชาย แต่ตรงชื่อของหลานชายกลับเขียนว่าไม่ระบุ...

ไม่ระบุแม่งอีกแล้ว

จี้ฉางมองหญิงชราในชุดเสื้อคอจีนแปลกๆ

ผีจองหอง-หญิงชราในชุดเสื้อคอจีน-ลุงกวน

คนที่ลุงกวนตามหานามสกุลมู่

หญิงชราบอกว่าพ่อของซู่เป่านามกสุลมู่

ดังนั้นเธอรู้จริงๆ หรือเพราะได้ยินที่ลุงกวนพูด ถึงได้พูดซ้ำๆ

ซูเหอเวิ่นตามมาข้างๆ และพูดเสียงเบาว่า “ซู่เป่า พวกเขาไปกันหมดหรือยัง”

สิ่งที่ซู่เป่าเห็นก่อนเข้าประตูและลุงกวนที่เพิ่งจากไป...

ซู่เป่าเงยหน้ามองแวบหนึ่ง “ยังค่ะ ยังมีอีกตัวหนึ่งอยู่ข้างๆ พี่ค่ะ”

ซูเหอเวิ่น “...”

ซูอีเฉินจูงซู่เป่าเดินออกไปข้างนอก

ถังเถียนเถียนเรียกคนมาจัดการงานศพของลุงกวน แล้วมองซู่เป่าที่อยู่ไม่ไกลและแอบตกใจ

โอ้มายก็อด บรรพชนตัวน้อยผู้นี้เธอกำลังคุยกับใครกัน

ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ซู่เป่าพลันหันหน้ามาด้วยสีหน้าประหลาดเล็กน้อย

“ลุงถังคะ อีกสักหน่อยถ้าลุงมาแล้ว อย่าลืมกางร่มมาด้วยนะคะ”

ถังเถียนเถียน “?”

ทำไมต้องกางร่ม

แต่บรรพชนตัวน้อยบอกให้เขากางร่ม งั้นกางก็กาง

บรรพชนตัวน้อยผู้นี้ลึกลับจัง

เชื่อในสิ่งที่ทำ แล้วทำในสิ่งที่เชื่อ ถังเถียนเถียนคิดว่าก็แค่กางร่มเอง หรือว่าจะกางให้ผีออกมาได้

เขาให้คนไปเอาร่มมาให้ แล้วกางร่มและเดินไปทางบ้านของตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

เขามองไม่เห็นเลยว่ามีวิญญาณยืนเงียบๆ อยู่ใต้ร่ม สองขาลอยเหนือพื้นและลอยตามไปเงียบๆ

ถังเถียนเถียนยังพูดอีกว่า “คุณหนูซู่เป่า รบกวนคุณแล้วจริงๆ แม่ของผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากล้มฟาดพื้นก็กลายเป็นเจ้าหญิงนินทามาตลอด”

“ก่อนหน้านี้เคยได้รับการช่วยชีวิตจากห้องไอซียู แต่การผ่าตัดทั้งหมดที่ควรทำก็ทำมาหมดแล้ว แม่ของผมยังมีลมหายใจ แต่ทำยังไงก็ไม่ฟื้นคืนมาสักที”

จี้ฉางที่ลอยอยู่ข้างๆ ดูเนื้อหาในตำราพลางพูดเสริมว่า “นายหญิงถังควรจะเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว... แต่ทำไมยังมีลมหายใจอยู่ ไม่ฟื้นคืนมาถึงเป็นเรื่องปกติรู้ไหม”

ถ้าฟื้นคืนกลับมา นั่นเรียกว่าศพหลอก

ในขณะที่พูดคุยกัน ถังเถียนเถียนก็ได้พาซู่เป่าผ่านเข้าประตูใหญ่ของบ้านตระกูลถัง

นี่คือบ้านเดี่ยวสามชั้นหลังหนึ่ง ล้อมรอบด้วยสวนดอกไม้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หลังจากผ่านประตูเข้ามาแล้วก็ขึ้นไปชั้นสองและพวกเขาก็ตรงไปที่ห้องของนายหญิงตระกูลถัง

เมื่อผลักประตูเปิดออก ซูอีเฉินและคนอื่นๆ ก็ต่างตกตะลึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน