ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 87

คนสองสามคนมองไปยังถังเถียนเถียนที่กำลังร้องไห้ด้วยความทุกข์ใจ พวกเขาพูดอะไรไม่ออกเลย

ดวงคนจะไป ใครก็ห้ามไม่อยู่

ถ้าเทียบกับการต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับสายท่อเสียบเต็มตัวแบบนี้ สู้ปล่อยวางแล้วปล่อยให้เธอจากไปอย่างไม่ทรมานดีกว่า

ซู่เป่าพูดปลอบ “เอาน่า เอาน่า ลุงถังอย่าร้องไห้เลย ร้องไปก็…”

ในขณะนี้ ถังเถียนเถียนเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำมูก

ซู่เป่ารีบถอยหลังไปสองก้าว เธอชะงักไปพักหนึ่งและอดไม่ได้ที่จะพูดปลอบ

นายหญิงถังที่ลอยอยู่ข้างๆ พูดด้วยความรังเกียจ “ร้องไห้ไปก็น่าอายเปล่า! โตจนป่านนี้ น้ำมูกไหลเข้าปากหมดแล้ว…”

ร่องรอยความสิ้นหวังปรากฏในแววตาของเธอ เธอมองไปยังซู่เป่าแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ ซู่เป่า”

เธอไม่รู้ว่าเธอจะต้องตายไปอีกนานแค่ไหน

สุดท้ายเธอก็เป็นฝ่ายที่ถูก ‘ทำลาย’ โดยลูกชายของตัวเอง ไม่มีอะไรน่าสลดใจไปกว่านี้อีกแล้ว

ซู่เป่าส่ายหัว “ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณยาย”

เธอนิ่งไปชั่วขณะ แล้วพูดขึ้นมาอย่างร้อนรนใจอีกครั้ง “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่ก่อนท่านชอบมาขู่ฉัน ฉันอดทนมานานแล้ว!”

นายหญิงถังะเบิดเสียงหัวเราะและกล่าวขอโทษ “ขอโทษด้วย จากนี้ไปฉันจะไม่หลอกใครอีกแล้ว!”

ใครใช้ให้เธอมีญาณวิเศษกันล่ะ นอกจากต้องติดตามและอาศัยความช่วยเหลือจากเธอแล้ว นายหญิงถังก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก

นายหญิงถังพูดเสริมต่อ “ฉันขอพูดอะไรเล็กน้อยกับลูกชายฉันหน่อยได้ไหม”

ซู่เป่าลำบากใจเล็กน้อย ขณะที่จี้ฉางเลิกคิ้วขึ้นมา

“มานี่มาซู่เป่า ท่านอาจารย์ผู้นี้จะสอนสุดยอดทักษะให้เจ้าเอง! คาถานี้จะช่วยให้คนข้างๆวิญญาณตนนั้นพูดแทนวิญญาณได้”

ซู่เป่าอึ้งไปชั่วขณะ “นี่หมายถึงภาษาผีอย่างนั้นหรอกเหรอคะ”

จี้ฉางตอบ “ที่เจ้าพูดมา ก็ไม่ผิดซะทีเดียว…”

ซู่เป่าพยักหน้า “เข้าใจแล้วล่ะ”

ชวีเสี่ยงมองไปยังซู่เป่าที่กำลังบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นกังวล “คุณซู…เป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”

ซูอีเฉินตอบอย่างไร้อารมณ์ “เธอกำลังโทรศัพท์หาคนอื่นอยู่”

ซูเหอเหวินพยักหน้า “ในหูของน้องสาวผม มีหูฟังชนิดพิเศษอยู่”

สีหน้าของคนเป็นพ่อและลูกชายยังคงใจเย็นอยู่ แต่ตาของพวกเขาค้างไปแล้ว และเริ่มพากันพูดจาไร้สาระขึ้นมา

ชวีเสี่ยงเงียบ “…”

เป็น…เป็นแบบนี้เองเหรอ

จี้ฉางพูดขึ้นมา “มา ระลึกตามอาจารย์ ‘หากขุนพลเว่ยชิง แห่งฮั่นยังมีชีวิตอยู่’ ”

ซู่เป่าพูดตาม “หากขุนพลเว่ยชิง แห่งฮั่นยังมีชีวิตอยู่”

จี้ฉางพูดต่อ “Come on baby don’t be shy”

ซู่เป่าพูด “คัมม่อนเบบี้ด้อนท์บีชาย”

จี้ฉาง “ฮ่าๆๆ…”

นายหญิงถัง ”…”

ทุกคน ”…”

ชวีเสี่ยงตกละลึง โอ้ นี่ถึงกับต้องติดต่อไปยังต่างประเทศเลยหรือ

จี้ฉางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ การหยอกล้อเช่นนี้ ช่างสนุกจริงๆ !

ซู่เป่าจ้องไปยังจี้ฉาง “ท่านอาจารย์โกหก!”

จี้ฉางกระแอม “เปล่าๆ ไม่ได้โกหกนะ เพียงแต่ว่าทักษะการพูดไร้สาระนี่ ต้องเป็นเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ตาย ทว่าที่นี้ไม่มีใครที่เหมาะสมเข้าเกณฑ์ที่ว่ามาเลย ข้าจึงจะสอนเจ้าอีกหลักสูตรหนึ่ง นั่นก็คือ การทำให้ศพฟื้น”

ซู่เป่าพูดด้วยความหนักใจ “ท่านอาจารย์จะหลอกข้าอีกแล้วใช่ไหม ท่านนี่จริงๆ เลย”

ซูอีเฉินอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากเข้า แม้ว่าไม่รู้ว่าซู่เป่ากับท่านอาจารย์คุยอะไรกัน แต่ท่าทางของเจ้าแก้มก้อนนั้นน่ารักเหลือเกิน

ซูเหอเหวินเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิด…

ขณะที่พึ่งรู้สึกสบายใจขึ้นมา นายหญิงถังที่นอนอยู่บนเตียงส่งเสียงร้องและลุกขึ้นมานั่งตัวตรง !

ซูเหอเหวิน “!!!”

เขากอดต้นขาของซูอีเฉินไว้แน่นและเขย่า

ซูอีเฉินก็อึ้งไม่แพ้กัน “…”

ชวีเสี่ยงตกตะลึง “ศ…ศ…ศพฟื้นขึ้นมาแล้ว !”

ซู่เป่ากระพริบตาอย่างไร้เดียงสา: "ศพไม่ได้ฟื้นหรอก พอดีซู่เป่าเผลอเหยียบปุ่มสปริงของเตียงน่ะ !"

ชวีเสี่ยง “…”

ทุกคนต่างพากันออกไปแล้ว

นายหญิงถังและถังเถียนเถียนถูกปล่อยให้คุยกันในห้องตามลำพัง

ภายในห้อง ธงเรียกวิญญาณปลิวไสวไปตามสายลม ยันต์สีเหลืองติดอยู่เต็มผนัง ศพของนายหญิงถังที่สมองหลับไหลไปแล้ว มือทั้งสองของเธอหล่นไปด้านข้างอย่างอ่อนแรง

"เยาเอ๋อร์..." เธอพูดช้าๆ

เยาเอ๋อร์คือคำท้องถิ่นที่ใช้เรียกเด็กที่อายุน้อยที่สุด ในบางพื้นที่ก็ยังคงรักษาประเพณีการเรียกเช่นนี้อยู่

เสียงของนายหญิงบวกกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวมาก

ถังเถียนเถียนพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “แม่เหรอ”

นายหญิงถังไม่สามารถเงยหน้าขึ้นเพื่อตอบรับได้

ดังนั้นเสียงจึงอู้อี้เล็กน้อย “แม่จากไปแล้ว อย่ายื้อแม่ไว้เลย เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้แม่พอใจแล้ว”

ถังเถียนเถียนตาแดงก่ำ “แม่…”

นายหญิงถังกล่าว “จำไว้ มีสิ่งหนึ่งที่แกต้องไปตรวจสอบหลังจากนี้...เด็กน้อยที่มีแซ่มู่ที่อาศัยอยู่ในบ้านเราเมื่อเรายังเด็ก!”

นายหญิงถังเสียชีวิตแล้วและภาพจำในตอนที่มีชีวิตของที่ชัดเจนที่สุดคือเรื่องนี้

ในความทรงจำของเขา เด็กผู้ชายตัวน้อยที่ได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขาและอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาเป็นระยะเวลาหนึ่ง... ค่อนข้างมีลักษณะคล้ายกับซู่เป่าในปัจจุบันนี้

“บางทีนั่นอาจจะเป็นพ่อของซู่เป่า สิบกว่าปีก่อนเขาอายุได้เจ็ดขวบ และตอนนี้เขาน่าจะอายุประมาณยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี ซึ่งสอดคล้องกับที่คุณท่านกวนกล่าวไว้ แกต้องทุ่มเทอย่างหนักเพื่อช่วยตระกูลซูค้นหา เข้าใจไหม…”

“แกหาเวลาไปบอกตระกูลซูหน่อยนะ”

ถังเถียนเถียนพยักหน้าอย่างแรง “ผมเข้าใจแล้วครับ แม่”

**

ซู่เป่ายืนอุ้มกระต่ายไว้ในอ้อมแขนอยู่ที่หน้าประตู พร้อมกับมองไปยังหมู่บ้านตรงข้าม

หมู่บ้านตรงข้ามมีคนอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง หน้าบ้านของพวกเขาต่างแขวนไว้ด้วยดอกไม้สีดำและสีขาวขนาดใหญ่

รถขนศพขับขึ้นมาและมีรถตำรวจจอดอยู่ข้างๆ

“คุณท่านกวน ไปดีนะคะ!” ซู่เป่าพูดเบาๆ

คุณท่านกวนน่าจะเห็นซากกระดูกของพี่สาวท่านแล้วใช่ไหมนะ

น่าเสียดายที่อายุมากโขและพี่สาวก็จากไปนานแล้ว

ซู่เป่าเม้มริมฝีปาก ดวงตากลมโตของเธอว่างเปล่าเเล็กน้อย ในความเงียบนั้นไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

จี้ฉางสวมชุดคลุมสีขาวเอนตัวไปข้างหนึ่งอย่างเกียจคร้าน ถือหนังสือเล่มเล็กไว้ในมือ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ซู่เป่า

เมื่อเทียบกับการตามหาพ่อผู้ให้กำเนิดของซู่เป่า เขากังวลมากกว่าว่าเจ้าแก้มก้อนจะอยู่อย่างไร

บนหนังสือเล่มเล็กในมือของเขา ภายใต้ชื่อของซู่เป่าปรากฎข้อความอีกบรรทัดหนึ่งไว้ว่า ‘ชีวิตในหลากหลายรูปแบบ’

แปลว่าเจ้าแก้มก้อนนั้นได้ผ่านประสบการณ์อย่างโชกโชนมาแล้วมากมาย

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็ได้ยินซู่เป่าพึมพำกับนกแก้วว่า “เสี่ยวอู่ สองร้อยห้าสิบหกปีนี่เยอะมากไหม”

หนูน้อยในคิดทวนดู ดูเหมือนว่าเธอไม่ช่ำชองคณิตศาสตร์ อายุเพียงสี่ขวบและยังไม่ได้เข้าโรงเรียนอนุบาลด้วยซ้ำ

หัวเล็กๆ ของเสี่ยวอู่ถูกับมือของซู่เป่า “ปีศาจเฒ่าเขาเฮยซาน! ปีศาจเฒ่าเขาเฮยซาน!”

ซู่เป่ามีใบหน้าที่หดหู่

เธอไม่ต้องการเจอพ่อปีศาจของเธอ!

เที่ยวนี้เธอไม่ได้จับผีกรอกใส่น้ำเต้า แต่เธอกลับได้ยินข่าวมาว่าพ่อของเธอเป็นภูติผีปีศาจ

ใบหน้าของซู่เป่าดูยุ่งเหยิง เกิดการต่อสู้อันดุเดือดในหัวใจของเธอขณะนี้

“ช่างมันเถอะ เด็กตัวเล็กๆ จะรังเกียจพ่อตัวเองมันก็ใช่เรื่อง” ซู่เป่าพูดกับเสี่ยวอู่ “แม้ว่าเขาจะเป็นปีศาจหมู เขาก็ยังเป็นพ่อของซู่เป่าอยู่ดี!”

เธอพูดเสริมต่อ “เสี่ยวอู่ก็ห้ามรังเกียจนะ”

เสี่ยวอู่ร้องขึ้นมา “พ่อ! พ่อ!”

ซู่เป่าหัวเราะชอบใจ

ถังเถียนเถียนเดินออกมา กระซิบบางอย่างกับซูอีเฉิน หลังจากนั้นไม่นานซูอีเฉินก็เดินมาและพูดว่า "ซู่เป่า ไปกันเถอะ"

ในไม่ช้าตระกูลถังก็แขวนผ้าขาวเช่นกัน

ซู่เป่านั่งอยู่ในรถ มองดูตระกูลถังที่ไกลออกไปจากสายตาเรื่อยๆ เกาะหน้าต่างแล้วพูดว่า “ลุงถังจะร่ำรวย ที่นี่คือสุดยอดทำเลทอง”

ซูอีเฉินทำเสียงอือ เพื่อเป็นการตอบรับ

เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับฮวงจุ้ยมากนัก

เพียงแค่ ยึดหลักว่าตัวเองคือฮวงจุ้ยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเอง ทรัพย์สมบัติของถังเถียนเถียนเองก็เช่นกัน

**

ตกดึก ลมพัดผ่านเข้ามาในบ้านพักของตระกูลกวนและผ้าสีขาวก็ปลิวพลิ้วไหวไป

ทันใดนั้นร่างสีดำก็ปรากฏขึ้นในห้องของคุณอากวน

เขาสวมชุดสีดำ ตัวสูงราวๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร ดึงเก้าอี้แล้วนั่งลง

เขานั่งไขว่ห้างแล้วพิงพนักเก้าอี้ ประสานนิ้วแล้วจ้องมองไปที่เตียงของอากวน

“มาช้าไปก้าวเดียว” เขากระซิบเสียงต่ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน