ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 90

แฮปปี้ดรีมแลนด์ เป็นสวนสนุกที่ใหญ่โตที่สุดใสในเขตตัวเมือง

นี่คือสวรรค์สำหรับเด็ก ๆ พนักงานในชุดมาสคอตสามารถพบเห็นได้ทั่วทุกที่ รถไฟเหาะที่กำลังนำพาเสียงกรีดร้องมาสามารถพลิกไปมาบนท้องฟ้าด้วยรัศมีหนึ่งกิโลเมตร

สไลเดอร์สูงถึงสี่หรือห้าชั้นได้ เมื่อสไลด์ลงมาจากด้านบน ความตื่นเต้นแทบจะทำให้หัวใจดวงน้อยทะลุออกมา

จี้ฉางขมวดคิ้วไปมา

คนก็เยอะ แดดก็แรง โดยเฉพาะที่ที่มีเด็กเยอะๆ ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับผีนัก

“ฉันไปหาที่นอนแล้วนะ” จี้ฉางมองไปยังซูอีเฉินและซู่เหอเหวิน พ่อลูกคู่นี้แค่เป็นเหมือนบอดี้การ์ด ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาหรอก

แม้ซู่เป่าอยากจะพูดว่า‘โอเคค่ะ’ แต่หานหานจับมือซู่เป่าอย่างตื่นเต้นและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ความอึดอัดจากการเสแสร้งแกล้งทำเป็นเมินเฉยเธอในตอนเช้าถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้วในขณะนี้

"ปะ ไปตรงนั้นกัน! สไลด์ลงมาจากจุดสูงสุดกันเถอะ! "

ซูเหอเวิ่นวิ่งตามหลังมา “รอฉันด้วยสิ!”

โดยธรรมชาติแล้วซูเหอเหวินชอบที่จะไม่สุงสิงกับอื่น ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ทั้งสามคนที่วิ่งไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดจา

เรื่องของเด็กๆ จะมีอะไรน่าสนุกกัน

ซูอีเฉินสวมชุดสูทและมีรูปร่างสูงใหญ่ เขาดูโดดเด่นมากในหมู่ผู้ปกครองที่มาสวนสนุก

น่าเสียดายที่เขาดูเย็นชาเกินไป ใบหน้าอันเคร่งขรึม ทำไม่มีใครกล้าเปิดบทสนทนาด้วย

และเขาก็เฝ้าดูเด็กทั้งสี่คนต่อไป…

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวอย่างเศร้าใจ “หล่อขนาดนี้ แต่กลับมีลูกแล้วตั้งสี่คน ที่สำคัญขนาดมีลูกตั้งสี่คนแล้วยังหล่อขนาดนี้ ทำไมคนที่เป็นแม่เด็กถึงไม่ใช่ฉัน!”

เพื่อนของเธอกลอกตาและพูดว่า "ฝันกลางวันอยู่เหรอยะ!"

พ่อเทพบุตรจอมเย็นชา ทุกคนได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ ไม่กล้าทำอะไร ไม่รู้เจ้าตัวโดนสาวๆ แอบถ่ายไปกี่คนแล้ว

โทรศัพท์ของซูอีเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังดังขึ้น เขาเปิดดูว่าใครโทรมา แล้วสั่งว่า “ดูน้องสาวให้ดีๆ ล่ะ”

ซูเหอเหวินตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “รู้แล้วน่า”

ซู่เป่าและคนอื่น ๆ มาถึงสไลเดอร์ยักษ์ คนเยอะมาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องต่อแถวเพื่อจะขึ้นไป

หานหานอยู่หน้าสุด ซู่เป่าอยู่ตรงกลาง และซูเหอเวิ่นอยู่หลังสุด

ซู่เป่ามองไปที่สไลเดอร์ยักษ์และพูดอย่างซึมๆ ว่า "คงจะดีมากถ้าเสี่ยวอู่และเจ้าเต่าแก่มาด้วย!"

แต่ที่สวนสนุกแห่งนี้ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามา มิเช่นนั้นเสี่ยวอู่และเจ้าเต่าแก่ต้องมีความสุขมากแน่ๆ

เมื่อเห็นว่าซู่เป่าและคนอื่น ๆ กำลังจะเข้าแถว ทันใดนั้นมีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ วิ่งมาตัดหน้าซู่เป่า!

ซูเหอเวิ่นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมทำแบบนี้ล่ะ ไม่ควรแซงคนอื่นนะ!”

เด็กผู้หญิงดูเย่อหยิ่งและยืนกรานเสียงดัง "ไม่ ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้!"

ถัดจากเธอคือป้าคนหนึ่ง เธออุทานเสียงดังและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรน่ะ ยังไงก็ได้เล่นอยู่ดี ทุกคนเล่นด้วยกันให้สนุกนะ”

ซู่เป่าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่มาแซงคนแบบนี้มันทำไม่ถูกนะ!”

เด็กผู้หญิงไม่ยอมฟัง ป้าคนนั้นก็ทำท่าเล่นโทรศัพท์ ทำท่าทางไม่รับรู้

ที่แฮปปี้ดรีมแลนด์มีคนจำนวนมหาศาล หากค่อยๆ ต่อแถวแล้วจะต้องรอไปถึงเมื่อไรกันล่ะ

ยังไงก็ตามมีคนมากมายที่กำลังต่อแถวอยู่ และไม่ใช่พวกเขาคนเดียว

เมื่อเห็นคุณย่าของตัวเอง เด็กสาวที่ต่อแถวก็ขยิบตา ทำหน้ายั่วยุใส่ซู่เป่า “ว้าย ว้าย ว้าย! แน่จริงก็มาตบฉันสิ!”

ซู่เป่าไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย เธอใช้วิชาที่เรียนมาจากจี้ฉาง ค่อยๆ หรี่ตาลง…

แต่เจ้าแก้มก้อนยังไม่ทันได้แสดงอิทธิฤทธิ์

ซูเหอเหวินก็เข้ามาห้ามเธอก่อน เขาพูดอย่างใจเย็น “ไปต่อแถวข้างหลัง”

ซูเหอเวิ่นยืนอยู่ข้างหน้าเธอด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม

คุณป้ายังคงแกล้งทำเป็นดูมือถือต่อ โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

เด็กหญิงดูเหมือนจะได้ใจมากขึ้น และบิดบั้นท้ายของเธอไปมา "ไม่ ไม่ ฉันไม่ไป!"

หานหานทนไม่ไหวต่อไปแล้ว!

เธอจับผมเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้วผลักเธอออกไปอย่างแรง!

“ออกไป!” เธอถลึงตาอย่างโกรธจัด “เวลาอยู่กับเสืออย่าคิดว่าเขาคือเฮลโลคิตตีนะยะ”

ทันใดนั้นเธอก็ค้นพบแล้วว่า เด็กที่เอาแต่พูดว่า ‘ไม่ ไม่’ ช่างแสนจะน่ารำคาญ!

หญิงสาวล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรงและร้องไห้ขึ้นมา!

เมื่อเห็นหลานของตัวเองโดนทำร้าย ป้าคนนั้นก็เริ่มที่จะมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว!

เธอตะคอกด้วยความโมโห “นี่! พวกเธอเติบโตมาแบบไหนกัน ช่างไม่รู้จักความ ถึงได้มาตบตีคนอื่นเขา!”

หานหานพูดอย่างดื้อรั้น “คนที่ผิดน่ะมันคือป้าต่างหาก ใครบอกให้พวกคุณไม่เข้าแถวกันล่ะ!”

คุณป้าคนนั้นโกรธมาก “แล้วจะใช้เหตุผลนี้มาตบตีคนได้เหรอ ไม่พอใจก็พูดสิ! ลงไม้ลงมือได้ยังไง”

เธองัดท่าไม้ตายของมนุษย์ป้าออกมาใช้ เธอเริ่มตะโกนเสียงดัง

เมื่อซูอีเฉินสังเกตเห็นท่าไม่ดี เขาจึงวางโทรศัพท์และรีบปรี่เข้ามา

ในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงในชุดแดงก็รีบวิ่งเข้ามาตามเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น” ซูอีเฉินพูดอย่างเย็นชา

เขาวางตัวสง่า จ้องมองป้าอย่างเย็นชา ออร่าที่เฉียบคมและเย็นชาบนของเขาทำให้ป้าพูดจาอึกอักทันที

“เด็กๆ ของคุณตบตีคนอื่น!”

ซู่เป่ารีบพูดขึ้นมา “ลุงใหญ่ คือป้าคนนี้เขามาแซงแถวก่อน พี่ชายบอกให้เธอไปต่อแถวด้านหลังแล้วเธอไม่ยอม”

ป้าตอบ “พวกเราไม่เห็นได้ยินอะไรเลย…”

ใบหน้าของซูอีเฉินเต็มไปด้วยความเย็นชา “ถ้าไม่ได้ยินเดี๋ยวพวกเราจะทำให้คุณได้ยินเอง คุณอยากจะโดนดีด้วยไหมล่ะ”

มนุษย์ป้าเริ่มเดือดดาล ผู้บริหารที่ผ่านประสบการณ์มามากมายยังทนไม่ไหว นับประสาอะไรกับป้าที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา

ป้าคนนั้นเงียบไป “…”

ไม่กล้ามีปากมีเสียง

ในเวลานี้ ผู้หญิงในชุดแดงก็วิ่งมาหาและกล่าวขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า "ฉันขอโทษ ขอโทษนะคะ ขอโทษแทนพวกเขาด้วยนะคะ"

ซู่เป่ารู้สึกเอะใจขึ้นมา

น้าสาวชุดแดงคนนั้นนี่นา ซู่เป่ามองไปที่ไหล่ของเธอ พบว่ามีผีตัวหนึ่งเกาะอยู่บนไหล่ของเธออย่างอ่อนแรง

ซูอีเฉินพูดอย่างเย็นชา "นี่ลูกของคุณใช่ไหม"

หญิงในชุดแดงเคอะเขินเล็กน้อยและพูดว่า "เด็กคนนี้คือหลานสาวของฉัน..."

ป้าถอนหายใจด้วยความฉุนเฉียวและพูดอย่างไม่พอใจ “ไป ไป ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว! ซวยจริงๆ ต้องมาเจอคนตระหนี่น้ำใจแบบนี้!”

เธออุ้มเด็กคนนั้นที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดและเดินจากไป หญิงในชุดแดงคนนั้นก็เดินจากไปด้วยเช่นกัน

เธอยังคงบ่นพึมพำในปากไม่หยุด “สวนสนุกของจิงตูน่ะหรูหรากว่าตั้งเยอะ! ที่พวกแกจองคือตั๋ววีไอพีใช่ไหม!”

หญิงในชุดแดงที่เอาแต่ขอโทษขอโพยเดินตามไปข้างหลังเธอแล้วพูดว่า “ก็บอกไปแล้วไง ว่าที่นี่ไม่มีตั๋ววีไอพีน่ะ”

คุณป้าคนนั้นหงุดหงิดอีกครั้งและหันมามองจากระยะไกล “แกหาเงินได้ตั้งเยอะตั้งแยะ พาพวกเราไปที่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้หน่อยได้เหรอยังไง มันไม่ง่ายเลยนะที่จะมาที่นี่อีกครั้ง”

ผู้หญิงในชุดสีแดงเดินตามหลังไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ

ซู่เป่าและซูเหอเวิ่นมองหน้ากัน

“ยายคนนี้หยาบคายมาก!” ซู่เปาขยิบตาและพูด

หานหานลากแขนซู่เป่าไป “ช่างเขาเถอะ เร็วเข้า ถึงตาเราแล้ว!”

สไลเดอร์ยักษ์นั้นเชื่อมต่อกับตาข่ายปีนเขา เพราะฉะนั้นจึงต้องปีนขึ้นไปจากตาข่ายปีนเขาแล้วค่อยลงสไลเดอร์ยักษ์

ตาข่ายปีนป่ายสูงสี่ห้าชั้นสามารถยืดหยุ่นรองรับได้รอบทิศทาง จึงไม่ต้องกลัวว่าจะล้มหรือบาดเจ็บ เป็นสิ่งที่ท้าทายและน่าสนใจสำหรับเด็กเลยทีเดียว

ซูอีเฉินมองดูเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สองคนที่กำลังปีนขึ้นไป

ซูเหอเหวิน "..."

รู้แล้วน่า รู้แล้วน่า ต้องดูน้องสาวดีๆ ใช่ไหม

ซูเหอเหวินรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเดินตามสองน้องสาว เขากลอกตาเมื่อเห็นซูเหอเวิ่นกำลังสั่นกลัว แต่มือของเขาก็ยังต้องคอยเตรียมพร้อมเพื่อรองรับซู่เป่า

น้องชายที่แสนดีของเขา เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ

หานหานถาม “ซู่เป่า ไหวหรือเปล่า”

ดูเธอที่มีแขนและขาที่ผอมบาง เธออาจปีนขึ้นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ

ซู่เป่าแบกกระต่ายตัวน้อยไว้บนหลัง และพูดอย่างมั่นใจ "ดูสิ ฉันมีพลังล้นเหลือ!"

หานหานและซูเหอเวิ่นไม่เชื่อเธอเลยสักนิด

หากเธอปีนไหว…

ยังคิดไม่ทันจบ

เธอก็เห็นซู่เป่าคว้าตาข่ายปีนเขาและปีนขึ้นไปอย่างไว

หานหานและซูเหอเวิ่นอ้าปากค้าง แม้แต่ซูเหอเหวินก็ยังแอบประหลาดใจ

ขนาดลมพัดแรงน้องสาวอย่างเธอยังกลัวพี่สาวจะถูกลมพัดพาไป กลับแข็งแรงขนาดนี้ได้อย่างไรกันนะ

ทั้งสามคนที่เหลือรีบตามไปอย่างรวดเร็ว

เป็นผลให้พวกเขาทั้งสามหอบจนแทบหมดลมหายใจ แต่ซู่เป่ากลับมีสภาพเหมือนคนปกติ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดก็มาถึงจุดสูงสุดของสไลเดอร์ด้วยกันแล้ว

"เร็วเข้า!" ซู่เป่าเร่งอย่างตื่นเต้น "ฉันจะไปถึงเป็นคนแรก!"

หานหานพูดทันที "ฉันที่สอง!"

ซูเหอเวิ่นพูดต่อ "ฉันที่สาม"

ซูเหอเหวิน: "..."

พี่น้องทั้งสี่คนเข้าแถวต่อกันและลงสไลเดอร์ยาวลงมา!

แม้ว่าสไลเดอร์สี่ชั้นจะยาวมาก แต่ก็มีหลายโค้งและชันกว่าสไลเดอร์ทั่วไป

สไลเดอร์นี้น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเรือโจรสลัดเสียอีก

"วู้ฮู!" ซู่เป่าตะโกนอย่างตื่นเต้น "ปล่อยพลังคลื่นแสง!"

หานหาน “…”

ซูเหอเวิ่น “…”

ซูเหอเหวิน “…”

พี่สาวและน้องสาวซ้อนกันสไลด์ไปจนสุดทาง เสียงหัวเราะคิกคักของซู่เป่าทำให้ทุกคนรอบตัวเธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะตาม

ใบหน้าของซู่เป่าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น และเธอก็หันกลับไปมองซูเหอเหวิน

“พี่ชาย สนุกไหม” ซู่เป่าถาม

ซูเหอเหวินหันหน้าหนีและพูดเสียงแข็ง "ก็งั้นๆ ..."

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน