ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 91

เล่นสไลเดอร์เสร็จ เหล่าพี่น้องก็ไปเล่นรถไฟเหาะสำหรับเด็กเล็กกัน

ซู่เป่าและหานหาน ‘วู้ว..’ ‘ฮ่าๆ…’

ซูเหอเหวินไร้สีหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ

แค่นี้เองเหรอ

ส่วนซูเหอเวิ่นกำลังคิด สมมติความเร็วของรถไฟเหาะคือ…ความเยื้องศูนย์กลางครึ่งวงกลมจะเท่ากับ…ต้องมีความเยื้องศูนย์กลางวงกลมเท่าไรจึงจะสามารถเห็นผีได้กัน

จากนั้นก็เป็นเครื่องเล่นยักษ์ตกตึก ที่มีความสูงเพียงตึกสามสี่ชั้น ความเร็วในการตกก็ช้ามาก

ซู่เป่า “ว้าว”

หานหาน “สนุกจังเลย!”

ซูเหอเหวินไร้สีหน้า

เพียงแต่…เขาไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้มาก่อน เขามองเครื่องเล่นไร้สาระเหล่านี้ เหมือนจะไม่ได้แย่…

ซูเหอเวิ่นคิด หากความเร็วดิ่งตกของเครื่องเล่นเป็นXX อัตราการเต้นของหัวใจเป็นXX ต้องตกเร็วขนาดไหนจึงจะเห็นผีได้

ผลที่คำนวณออกมาได้คือความเร็วมากกว่าปีแสง หากตกลงบนพื้นด้วยความเร็วปีแสง คนคงตายนานแล้ว จะไม่เห็นผีได้ไงล่ะ

……

หลังเล่นพวกม้าหมุน รถบั๊ม เครื่องเล่นทอร์นาโด บ้านบอลต่างๆ ไปรอบหนึ่ง ซู่เป่าและหานหานต่างหอบเหนื่อย ทั้งคู่ถือน้ำผลไม้คนละแก้ว ดูดกินอึกๆ

ซูเหอเวิ่นคำนวณความเร็วของเครื่องเล่นทั้งสวนสนุกจนเสร็จ สรุปได้ว่าทฤษฎีใช้ความเร็วในการเห็นผีคงไม่ได้ผล ใช้ทฤษฎีสนามแม่เหล็กดูจะเป็นไปได้มากกว่า

ซูเหอเวิ่นยังคงไร้สีหน้า แต่นัยน์ตาแฝงไปด้วยความตื่นเต้น แก้มก็แดงฝาด

ซู่เป่าเอนหัวพร้อมถาม “พี่คะ สนุกไหมคะ”

ซูเหอเหวิน “ก็งั้นๆ น่ะ”

หานหานพูดเสียงดัง “พี่เหอเหวินน่ะปากแข็ง!”

ซู่เป่าชะงัก “คิกๆๆ ปากแข็ง”

เห็นซู่เป่าหัวเราะ หานหานจึงยิ่งมีพลัง “ปากแข็งแบบกัดตะปูได้ เหมือนเป็ดที่ต้มไปเจ็ดสิบสองวัน เหลือแต่ปากอย่างเดียวที่ยังแข็งอยู่”

ซู่เป่าลอกเลียนแบบ “ฮ่าๆๆ เป็ดที่ต้มไปเจ็ดสิบสองวัน เหลือแต่ปากที่แข็ง!”

หน้าผากซูเหอเวิ่นเหวินเต็มไปด้วยรอยย่น

เธอรู้หรือไงว่าความหมายมันคืออะไร ถึงได้หัวเราะน่ะ

หนุ่มสายศิลป์อย่างซูเหอเหวินทนไม่ได้ จึงพูดแก้ “เขาเรียกเป็ดที่ต้มไปเจ็ดสิบสองรอบ เหลือแต่ปากที่แข็งต่างหาก ไม่ใช่เจ็ดสิบสองวัน”

ซู่เป่าและหานหาน “ใช่ๆๆ!”

ซูเหอเหวิน “…”

เหมือนเขาจะเผลอด่าตัวเองเข้า

เหล่าพี่น้องกำลังพูดคุยสนุกสนาน หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสีแดงเหยียบก้าวเดินลอยๆ ราวกับผี เดินมาทางพวกเขาเบาๆ…

ในใจของซูเหอเวิ่นกำลังคิดเรื่องสนามแม่เหล็กกับการเห็นผี พอเงยหน้าก็เห็นคุณน้าราวกับผี แถมยังใส่ชุดสีแดงอีก เขาแทบจะกระโดดขึ้นมา

เขาตั้งใจมองอีกที อ๋อ เป็นคนนี่นา

เขาถอนหายใจ รู้สึกวางใจขึ้นมา

เห็นเพียงผู้หญิงด้านข้างเดินมานั่งเก้าอี้ข้างเขา เธอถอนหายใจเนือยๆ

พิงเก้าอี้ม้านั่ง ท่าทีเหน็ดเหนื่อยมาก

ซู่เป่าส่งเสียงเอ้ะ “คุณน้าอีกแล้วเหรอคะ”

หานหานมองตามไป พร้อมถาม “ใครเหรอ”

ทำไมเธอถึงจำไม่ได้ล่ะ

ซูเหอเหวินหรี่ตา “ผู้ปกครองครองเด็กนิสัยเสียที่แซงคิวเมื่อกี้”

ผู้หญิงชุดแดงหันหน้ามาอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อเห็นเหล่าซู่เป่าก็ชะงัก “โอ้ะ พวกเธอนี่เอง!”

ซู่เป่ามองผีร้ายที่อยู่บนไหล่ของเธอ

ซูเหอเวิ่นเห็นว่าทิศทางสายตาของเธอแปลกไป จึงถามโดยสัญชาตญาณ “มีอะไรเหรอ”

ซู่เป่ากุมมือ พร้อมพูดข้างหูเขา “พี่คะ บนไหล่ของเธอมีผีเกาะอยู่…”

ซูเหอเวิ่น “……”

“!”

ซู่เป่ามองซูเหอเวิ่นที่ย้ายที่นั่ง จึงเอ่ยถามอย่างงุนงง “พี่เป็นอะไรน่ะ”

ซูเหอเวิ่น “ไม่มีอะไร ด้านนั้นลมแรงไป”

หญิงชุดแดงยกมุมปากยิ้มพร้อมกล่าว “เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ”

ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่เป็นไร คุณน้าชื่ออะไรเหรอคะ”

หญิงชุดแดงพิงเก้าอี้ โน้มเอวหลังค่อม คนทั้งคนเหมือนกำลังทลายลงมา เธอตอบ “ซินจื่อเหมิง”

หานหานมองเธออย่างประหลาด “คุณน้าทำไมต้องพาเด็กนิสัยเสียคนนั้นออกมาเล่นด้วยล่ะคะ”

คุณน้าคนนี้ดูคุยง่ายดี ทำไมถึงมากับเด็กนิสัยเสียล่ะ

ซู่เป่าพยักหน้า “ใช่ๆ ทำไมล่ะ ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเพื่อนสนิทกันถึงจะออกมาเล่นด้วยกันงั้นเหรอ ไม่ชอบเขา ทำไมถึงเล่นกับเขาอีกล่ะ

คุณน้าซินจื่อเหมิงเหมือนจะไม่ชอบเด็กคนนั้น และไม่ชอบคุณยายคนนั้นด้วย

ซินจื่อเหมิงเม้มปาก แววตาโกรธแค้น “ฉันก็ไม่อยากจะพาพวกเขามา แต่พวกเขาเป็นญาติฝั่งสามีฉัน จะมาเล่นที่สวนสนุกกันให้ได้เลย…”

“บ้าเอ้ย ขนาดลูกสาวแท้ๆ ฉันยังไม่เคยพามาเล่นที่สวนสนุกเลย แต่กลับต้องพาพวกเขามา”

ซู่เป่าสงสัย “ปฏิเสธไม่ได้เหรอคะ”

ซินจื่อเหมิง “เป็นญาติกัน มันปฏิเสธยากน่ะ”

ซู่เป่าส่ายหน้า โลกของผู้ใหญ่นี่ประหลาดจริงๆ!

ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

ทำไมต้องฝืนตัวเองด้วย ความสุขคือสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่หรือไง

ซูเหอเวิ่นที่ไหวพริบค่อนข้างดีถามอย่างสงสัย “ในเมื่อเป็นญาติของสามีคุณ ทำไมเขาไม่พามาเองล่ะ”

น้ำเสียงของซินจื่อเหมิงแฝงโทสะเล็กน้อย “เขาบอกจะไปตกปลา ไม่ว่างมา!”

เด็กๆ ต่างชะงัก

เขาไปตกปลา? ตกปลาเหมือนจะไม่ใช่งานนะ!

ในเมื่อไม่ได้ยุ่งเรื่องงาน ทำไมถึงมาไม่ได้ล่ะ

หานหานขมวดคิ้ว “งั้นน้าเองก็อย่ามาสิ อย่าตามใจเขา”

เหมือนที่คุณย่าเคยพูด เธอไม่กินข้าวก็ไม่ต้องให้เธอกิน อย่าตามใจเธอ

สุดท้ายเธอก็รู้จักการกินข้าวดีๆ แล้วไง…

ซินจื่อเหมิงถอนหายใจพร้อมส่ายหน้า “ช่างเถอะ ฉันไม่อยากทะเลาะกับเขา ฉันมีงานต้องทำ การทะเลาะกันมันกระทบต่ออารมณ์ฉัน ทำให้ฉันไม่สามารถทำงานได้อย่างสงบ”

“บ้านฉันมีฉันหาเงินอยู่คนเดียว หากฉันทำงานไม่ได้ ที่บ้านจะเอาเงินที่ไหนมาใช้…”

“เพราะงั้นฉันเลยไม่อยากทะเลาะ”

เด็กๆ “……”

เธอต้องทำงานด้วยเหรอ

เป็นทฤษฎีที่แปลกมากๆ…

มันควรจะเป็นคนทำงานตั้งใจทำงาน ส่วนคนไม่ทำงานก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องอื่นๆ สิ

ซู่เป่าถาม “งั้นวันนี้คุณน้าไม่ไปทำงานเหรอ”

ซินจื่อเหมิงส่ายหน้า “ฉันเป็นนักเขียนนิยาย ทำงานอิสระ กลับไปพิมพ์งานต่อตอนดึกก็ได้”

ซูเหอเวิ่นหมดคำพูด

เดิมทีเขาคิดว่าคุณป้าคนนี้เป็นแม่บ้านเต็มตัว ที่ต้องคอยแบกรับอารมณ์ของคนที่หาเงิน เพราะงั้นไม่ว่าจะไม่พอใจแค่ไหนก็ต้องพาญาติของสามีออกมาเที่ยว

ไม่คิดเธอต่างหากที่เป็นคนหาเงินในบ้าน

หาเงินยังอัดอั้นขนาดนี้ได้อีก

เขาไม่เข้าใจ

เวลานี้คุณยายคนนั้นได้พาเจ้าเด็กนิสัยเสียมาทางนี้ เมื่อเห็นเหล่าซู่เป่า ก็ส่งเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง

“เฮงซวย เจออีกได้ไงกัน”

เธอมองวนรอบหนึ่ง เก้าอี้ในเขตพักผ่อนต่างมีคนนั่งแล้ว

เดิมทีซูเหอเวิ่นนั่งอยู่ด้านซ้ายของซู่เป่า หลังย้ายที่กลายเป็นซู่เป่านั่งข้างซินจื่อเหมิง ตรงกลางเว้นช่องเล็กๆ ไว้

ยายคนนั้นจึงพูด “นี่ เธอกระเถิบไปหน่อย เว้นที่ให้พวกเรานั่งด้วย!”

ซู่เป่าปฏิเสธทันที “ขอโทษทีนะคะ พี่ชายและพี่สาวของหนูนั่งอยู่อีกด้าน หนูกระเถิบไม่ได้”

ยายเบิกตาโพล่ง “เด็กๆ ตูดเล็กจะตาย จะกินที่ได้สักขนาดไหนกันเชียว เบียดๆ กันหน่อยก็ได้แล้ว”

คิ้วยาวของหานหานตั้งขึ้นทันที “ไม่ๆๆ พวกเราไม่ยอมเด็ดขาด!”

ซูเหอเวิ่นกอดอกยิ้มยะเยือก “คุณเป็นไทเฮางั้นเหรอ ที่สั่งหลบแล้วพวกเราต้องหลบน่ะ”

ซู่เป่าพยักหน้าแรงๆ พูดเสริม “ใช่ พวกเราไม่หลบ ถึงพวกเราหลบ ยายก็ไม่พอนั่งอยู่ดี”

ม้านั่งตัวนี้มันนั่งได้แค่นี้ ต่อให้เธอกระเถิบไป ก็ไม่พอนั่งอยู่ดี

ยายรู้สึกคับแค้น ในปากยังคงบ่นอุบอิบ “คนอะไรกัน พวกเด็กๆ ไร้มารยาท ไม่รู้ว่าผู้ปกครองสั่งสอนมายังไง”

ซูอีเฉินที่เพิ่งได้ป๊อบคอร์นมาได้ยินคำนี้เข้า สีหน้ามืดครึ้มในทันที “ผมตามใจเอง คุณมีปัญหางั้นเหรอ”

ยายเป็นพวกรังแกคนอ่อนแอแต่กลัวคนแข็งแกร่ง เห็นซูอีเฉินสวมใส่ชุดสูท ทั้งตัวแผ่ด้วยไอสง่า ดวงตาคมกริบจนน่ากลัว

เธออึกอักพูดไม่ออก จึงได้แต่บ่นกับซินจื่อเหมิง “เธอพามาที่บ้าอะไรกัน ไหนว่าสวนสนุกที่ดีที่สุดในจิงตูไง แค่ที่นั่งพักผ่อนยังไม่มี!”

ซินจื่อเหมิงถอนหายใจ ลุกขึ้นมาพูด “อารองนั่งกับถงถงเถอะ เลิกเถียงกันได้แล้ว…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน