ซู่เป่ารู้สึกอึดอัดใจและแทบหายใจไม่ออก
“ท่านอาจารย์คะ ร้องไห้สักหน่อยเถอะค่ะ”
ซู่เป่ารู้สึกว่าตัวเองอีโม(ความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ) ในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายของคำว่าอีโมที่พวกพี่ๆ เขาพูดกัน
น้ำตามันไหลออกมาเอง
จี้ฉางหัวเราะ จากนั้นเอื้อมมือประคองใบหน้าของซู่เป่าแล้วใช้ปลายนิ้วลูบเบาๆ เพื่อเช็ดน้ำตาของเธอ
“ทำไมถึงยังร้องไห้ล่ะ” เขาถาม “ยังรู้สึกใจไม่ดีหรือ อาจารย์ไม่เป็นไรแล้ว”
เขาคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วพูดอีกว่า “ถ้างั้นให้ข้าเล่าต่อไหมว่าข้าแก้แค้นยังไง”
ซู่เป่ามองอาจารย์อย่างไม่แน่ใจ
เธอไม่อยากทำให้อาจารย์เศร้าเสียใจอีก ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าความรักและความเชื่อใจสามารถทำร้ายคนได้ ความเกลียดและการแก้แค้นก็เช่นกัน
ตอนแก้แค้นก็มักจะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าตอนนั้นเกลียดมากแค่ไหน
แต่อาจเพราะไม่ได้พูดถึงมันมานานแล้ว พอพูดถึงมันกลับทำให้รู้สึกดีขึ้นเหรอ
“เล่าเถอะค่ะ” ซู่เป่าลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดก็ซบในอ้อมแขนของจี้ฉาง และมองเขาด้วยหัวใจและดวงตาที่เต็มเปี่ยม
จี้ฉางก้มหน้าเล็กน้อย สายลมโชยพัดผมสีดำของเขาพลิ้วไหว ทำให้เขาดูมีไอเทพผู้สำรวมตนเล็กน้อย
---------------------
ตระกลูจี้ถูกฆ่าล้างบาง เลือดไหลนองไปไกลครึ่งลี้ แม้แต่ขั้นบันไดที่เคยงดงามก็ถูกย้อมด้วยเลือดแดงสด
จี้ฉางยืนอยู่หน้าประตูอย่างเหม่อลอยและดวงตาว่างเปล่า
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกระดิ่งและเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นว่า “ล้อมไว้”
“ตอกเสาสกัดวิญญาณให้ทั่วรัศมีสิบลี้เพื่อป้องกันผีร้ายตระกลูจี้ไม่ให้ทำร้ายฝ่าบาท”
หลีจืออานใส่ชุดขุนนางสีดำทั้งตัวและสวมหมวกพิธีการชั้นสูงแบบเดียวกับที่จี้ฉางสวมตอนยังมีชีวิตอยู่
“หลีจืออาน... เจ้าจะทำอันใด” เมื่อเห็นเพื่อนเก่าที่ทรยศตัวเอง จี้ฉางก็พุ่งเข้าใส่เขาด้วยความโกรธแค้น
ทันใดนั้นกระดิ่งที่เอวของหลีจืออานก็เสียงดังขึ้นทันที
เมื่อสามพันปีก่อน ราชวงศ์เพิ่งเริ่มต้นและล้าหลัง ผู้คนเชื่อว่ามีเทพเซียน ภูตผีและเหล่าปีศาจวนเวียนเร่ร่อนอยู่ในโลกมนุษย์
การบูชายัญ แท่นบูชา และพิธีกรรมต่างๆ จึงมีความยิ่งใหญ่และสำคัญอย่างยิ่ง
จี้ฉางขึ้นสู่ตำแหน่งไท่จ่ายด้วยความสามารถของตัวเอง ก่อนหน้านั้นยังได้รับฉายานามว่าราชครู
หลีจืออานทำกระดิ่งคาดเอวของเขาขึ้นมาเอง ใช้เพื่อเตือนภัยหากมีภูตผีปีศาจปรากฏตัวอยู่รอบๆ หรือขับไล่และป้องกันภูตผีปีศาจร้าย...
หลีจืออานขนลุกซู่ทันทีและพูดเบาๆ ว่า “จี้ฉาง เจ้ายังอยู่ที่นี่จริงๆ”
จี้ฉางยื่นมือไปบีบคอหลีจืออานโดยไม่สนใจเสียงกระดิ่งขับไล่
แต่มือของเขากลับทะลุผ่านร่างของหลีจืออานไป จากนั้นเสียงกระดิ่งยิ่งดังกังวานมากกว่าเดิมและกระแทกจี้ฉางให้กระเด็นออกไป
หลีจืออานมองไปรอบๆ พลางพูดเบาๆ ว่า “จี้ฉาง ข้าจำใจต้องทำ เจ้าไปสบายเสียเถอะ อย่าวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์เลย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรอยู่”
“หลีจืออาน... หลีจืออาน” จี้ฉางร้องตวาดและพุ่งเข้าใส่หลีจืออานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ทะลุผ่านร่างหลีจืออานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลีจืออานก้าวถอยหลัง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่น จากนั้นจวนตะกูลจี้ก็ลุกเป็นไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ม่านตาของจี้ฉางหดลง “ไม่ ไม่ได้ อย่า!”
แม้ว่าท่านพ่อท่านแม่น้องสาวน้องชายจะตายไปแล้วและวิญญาณของพวกเขาก็ไม่อยู่ที่นี่
แต่จี้ฉางก็ยังคงอยากฝังศพพวกเขาเพื่อให้ดวงวิญญาณของพวกเขาสงบสุข
การเผาศพเป็นการทำให้ไม่ได้ไปผุดไปเกิดตลอดกาล...
ประชาชนล้อมดูอยู่ห่างๆ และกระซิบกันเบาๆ ว่า “สมควรแล้ว ขุนนางทรยศสมควรตาย”
“เผาให้หมดเลย อย่าให้พวกมันไปผุดไปเกิด”
“ดูไม่ออกเลยจริงๆ ปกติดูจงรักภักดีต่อจักพรรดิและประชาชน อ่อนโยนเหมือนกับหยก แต่ใจดำอำมหิตเช่นนี้... บุรุษผู้มีความสามารถที่สุดใต้หล้าอันใด ถุย!”
“ก็เพราะความทะเยอทะยานนั่นหนา... เป็นแค่ขุนนางคนหนึ่งคิดจะก่อกบฏ สมควรตาย”
หลีจืออานยืนอยู่ต่อหน้าฝูงชนและได้ยินทุกอย่าง แต่กลับไม่แม้แต่จะแก้ต่างให้จี้ฉาง
“ใต้เท้า เสาสกัดวิญญาณถูกฝังไว้หมดแล้วขอรับ”
หลีจืออานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อืม... เจ้าไปเถอะ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...