ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 93

ความคิดของมู่กุยฝานลอยกลับไปยังอดีต

หลังคุณตาตาย เขาไม่ได้เลือกเดินหนทางธรรมดาต่อ แต่กลับเลือกที่จะเดินทางเดียวกับคุณตา สานต่องานที่คุณตาทำไม่สำเร็จ

เมื่ออายุ 7 ปี ตัวตนคุณตาถูกเปิดเผย พ่อแม่ของเขาถูกฆาตกรรมจากความแค้น เขาเองก็ถูกไล่ฆ่า…จนต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ใช้ชีวิตเร่ร่อนไปแปดปีเต็มๆ

เมื่ออายุ 15 ปี เขาโตขึ้น หน้าตาของเขาเปลี่ยนแปลงจากเดิมเยอะ เขาเปลี่ยนทั้งชื่อและแซ่ จนเข้าร่วมองค์กรดำนั้นได้อย่างสำเร็จ

เมื่ออายุ 20 ปี เขาทำงานในองค์กรดำจนได้ยศระดับผู้นำ เขาถูกขานว่า ท่านสาม แต่แลกมาซึ่งการที่เขาต้องติดยาเสพติด เพื่อปิดบังตัวตน

เมื่ออายุ 21 ปี หรือเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่เขาจะเก็บแห เขาถูกทรยศและเปิดโปงตัวตนที่แท้จริง

หัวหน้าองค์กรดำ ฉีดยาไอซ์ให้เขาเป็นสิบหลอดกับมือมันเอง

ยาไอซ์เป็นยาที่ใช้ปาร์ตี้ เวลาเล่นยาไอซ์มีกฏข้อหนึ่งที่ทุกคนรู้กัน…นั่นคือข้างกายจะต้องมีผู้หญิง

เมื่อคนเล่นยาไอซ์รวมตัวกัน มักเจอกับสถานการณ์ที่แสนวุ่นวาย ภาพที่ตำรวจเห็นเมื่อพังประตูเข้ามา คือคนด้านในรวมตัวกันเป็นกลุ่ม มีเพศสัมพันธ์กันอย่างมั่วสุม…

และเพราะคุณสมบัติของสารเสพติดชนิดนี้ เขาที่ถูกฉีดไปหลายสิบหลอดจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตน ‘จับ’ ตัวซูจิ่นอวี้มาได้อย่างไร สิ่งเดียวที่สติของเขาจำได้คือ ดวงตาคู่นั้นของซูจิ่นอวี้

หวาดกลัว สิ้นหวัง

มู่กุยฝานคิดถึงตรงนี้ สมองของเขาก็รู้สึกปวดจี๊ดขึ้นมา เขายื่นมือนวดหัวคิ้วอย่างอดไม่ได้

รู้สึกผิดไหม

ระหว่างที่เขาแฝงตัว เขาที่ทำอะไรไม่สนใจจุดจบไม่เคยคิดถึงเรื่องการรู้สึกผิดมาก่อน ยกเว้นเรื่องนี้…

หลังจากที่เขาถูกช่วยออกมา องค์กรดำถูกจับตัวจนหมด ส่วนเขาเองก็ถูกส่งไปศูนย์ฝึกหัดลับเพื่อเลิกยา

ที่ยาเสพติดนั้นน่ากลัว เพราะมันสามารถทำลายสติทุกอย่าง ต่อให้เป็นเขาก็หลบไม่พ้น

เขาเลิกยาในศูนย์ฝึกหัดไปสองปี แต่องค์กรไม่กล้าปล่อยให้เขาออกมา ดังนั้นจึงส่งเขาไปรบที่ชายแดน

ใช้ความโหดเหี้ยมของเลือดและไฟสงคราม ดึงเขาออกจากเหวลึกอย่างสิ้นเชิง

และแล้วตอนนี้เขากลับมาแล้ว

สิ่งแรกที่เขาทำคือการตามหาหญิงสาวคนนั้นที่ถูกเขาทำลายเมื่อห้าปีที่แล้ว กลับพบว่าเธอตายไปแล้ว

มู่กุยฝานมองผู้คนและรถยนต์ที่ขวักไขว่ไปมา

ภายในสิบแปดปี ครอบครัวของเขาตายหมด

เพื่อนที่ร่วมสู้ในภารกิจจับกุมยาเสพติด เหลือไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบ

หญิงสาวเพียงคนเดียวที่มีความสัมพันธ์ด้านร่างกายกับเขาก็ตายแล้ว

เหมือนว่าเขาไม่หลงเหลืออะไรสักอย่าง

สายตาของมู่กุยฝานมองตก มองเด็กหญิงที่อยู่ในรูปภาพ

ดวงตาของเธอโค้งงอ ข้างปากมีลักยิ้มอ่อนๆ สองด้าน ไม่ชัดเจนนัก แต่กลับทำให้รอยยิ้มของเธอหวานมากกว่าเดิม

“ซู่เป่า…”

ลมพัดผ่านผมสีดำที่หยักศกเล็กน้อย บังดวงตาลึกซึ้งของเขาไว้ครึ่งหนึ่ง ยิ่งทำให้เขาดูโดดเดี่ยวและเย็นชามากกว่าเดิม

**

แตกต่างจากความโดดเดี่ยวของมู่กุยฝาน

ขณะนี้ตระกูลซูเพิ่งเปิดไฟหรู กลิ่นหอมฉุยของกับข้าวลอยมาแต่ไกล

ในห้องมีเสียงหยอกล้อคิกคากของเด็กๆ เสียงของนายหญิงซูยกสูงเล็กน้อย “เด็กๆ ล้างมือกินข้าวได้แล้ว”

ซู่เป่าล้างมืออย่างรวดเร็ว มือเพิ่งโดนน้ำ ถูไถสองทีก็เสร็จทันที

ซูอี้เซินที่ทำงานดึกวันนี้เลิกงานเช้าอย่างหาได้ยาก เขาเลิกคิ้วพร้อมกล่าว “ซู่เป่า ล้างมือต้องตั้งใจนะ!”

ซู่เป่ายิ้มอย่างเขินอาย “รู้แล้วน่า ลุงเล็ก”

ซูอี้เซินกดโฟมล้างมือ โน้มเอวโอบซู่เป่าเอาไว้ พร้อมกุมมือทั้งสองข้างของเธอ

ซู่เป่าร้องเพลงล้างมือไปอย่างร่าเริง “ล้างมือกันให้สะอาด ปราศจากเชื้อโรคอันตราย เราจะได้ปลอดภัย ห่างไกลโรคร้าย ไวรัสแบคทีเรีย…”

ดวงตาของซูอี้เซินแฝงแววยิ้ม “ใครสอนเธอกัน”

ซู่เป่ากล่าว “พี่หานหานสอนหนูมา เป็นยังไงบ้าง ขึ้นอนุบาลแล้วเก่งมากๆ เลยใช่ไหม”

เจ้าแก้มก้อนดวงตาเป็นสระอิ เอนหัวเล็กน้อยมองซูอี้เซินผ่านกระจก

ท่าทีทะเล้นน่ารัก

ซูอี้เซินจิ้มไปที่จมูกของเธอทีหนึ่ง “เก่งครับ เก่งมากๆ เลย”

ดีจังเลย…

เจ้าตัวน้อยในตอนนี้ ได้ร่าเริงสดใสมากขนาดนี้แล้ว

เขาจำได้เลือนลางว่าครั้งแรกที่เจอเธอ เธอถูกฝังไว้ใต้หิมะ ลำตัวเต็มไปด้วยบาดแผล เฉื่อยฉาจนราวกับหุ่นยนตร์ที่ไร้ความรู้สึก…

ซู่เป่าล้างมือเสร็จ ก็ใช้ผ้าเช็ดมือให้แห้งอย่างตั้งใจ จากนั้นจึงวิ่งไปในห้องทานอาหารอย่างรวดเร็ว

จู่ๆ เธอก็หยุดลง กลับมาจูงมือซูอี้เซินเอาไว้ “ลุงเล็ก รีบไปกันเถอะ น้ำลายของซู่เป่ามันไม่เชื่อฟัง จะไหลลงมาอยู่แล้ว”

ซูอี้เซินปล่อยให้ซู่เป่าจูงเขาไปที่ห้องทานอาหารด้วยรอยยิ้ม

นายหญิงซูเปิดประตูโลกอาหารอีกครั้ง เธอทำอาหารไปสิบกว่าเมนู กับแกงอีกหนึ่งอย่าง ประเภทอาหารครบครัน

มีขาหมูทอดเกลือ ขาหมูที่ถูกหม้อความดันต้มจนรสชาติเข้าเนื้อ ถูกเอาไปทอดต่อจนหนังหอมกรอบ ปิดท้ายด้วยการโรยเกลือพริกไทย ทั้งหอมทั้งกรอบ

หมูชาชูราดซอส ใช้สันในหมูที่นุ่มที่สุด เคี่ยวจนได้รสชาติ เนื้อนุ่มแต่ไม่เลี่ยน

กระทั่งเนื้อวัวยังทำเป็นทรงกระทง เนื้อที่ถูกหั่นอย่างบางเฉียบผ่านการอบกรอบจากเตาอบ เฉือนเป็นแผ่นๆ เหมือนกับกลีบดอกไม้ วางซ้อนกันอยู่รอบๆ ไฟดอกไม้ ราวกับดอกบัวที่กำลังผลิบานอยู่

ซู่เป่าตะลึง “คุณยาย ทั้งหมดนี้ยายทำเองเหรอคะ”

นายหญิงซูพูดอย่างได้ใจ “แน่นอนสิ ฝีมือของยายถูกยอมรับโดยเชฟระดับห้าดาวเชียวนะ”

ซู่เป่ายกนิ้วโป้งขึ้น “คุณยายเก่งมากเลย! ซู่เป่ากดไลก์ให้!”

นายหญิงซูยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้

หานหาน ซูเหอเหวินและซูเหอเวิ่นต่างก้มหน้ากินข้าว

เมื่อก่อนมักรู้สึกว่ากับข้าวที่บ้านไม่อร่อย

แต่ว่าตอนนี้ ไม่รู้ทำไมทุกๆ คำต่างหอมหวานไปหมด

ซูอีเฉินกล่าว “ตอนนี้ซู่เป่าชินแล้ว ช่วงนี้สามารถส่งเธอไปเรียนอนุบาลได้แล้ว”

ตั้งแต่ที่ไปโรงเรียนกับซูเหอเวิ่นกลับมา เจ้าตัวน้อยก็คาดหวังที่จะได้ไปโรงเรียนมาก กระทั่งหานหานที่เรียนแค่อนุบาลเธอยังรู้สึกหานหานเจ๋งมาก

ถึงเวลาส่งเธอไปแล้ว

นายท่านซูเม้มปาก สีหน้าแข็งตึง

“รีบอะไร ซู่เป่ายังเด็ก…”

ซู่เป่ารีบกล่าว “คุณปู่ ซู่เป่าไม่เด็กแล้ว ซู่เป่าไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว”

หานหานเงยหน้าขึ้นจากความยุ่งเหยิง กินไปพร้อมตอบอย่างไม่ชัดเจน “งั่มๆๆๆ ไปกับฉันสิ…”

ซูอี้เซินหัวเราะออกมา พร้อมกล่าว “พ่อ พ่อก็ให้ซู่เป่าไปเถอะ พวกหานหานก็เพิ่งเปิดเทอมได้ไม่นาน สามารถเข้าเรียนได้พอดี”

นายท่านซูเงียบไป

ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง…

เจ้าตัวน้อยที่เขาเพิ่งรับกลับบ้านมา จะต้องไปเข้าเรียนซะแล้ว

จากการปรึกษาหารือกันของคนทั้งบ้าน หลังวันหยุดจะให้ซู่เป่าเข้าเรียนอนุบาล”

ซู่เป่าดีใจจนกินขาหมูใหญ่ๆ ไปสองขา!

ตกดึก

ซู่เป่าที่อาบน้ำเสร็จขึ้นเตียงเบลอๆ เธอเล่นมาทั้งวันจนเหนื่อยเกินไป จึงหลับไปในทันทีที่ปิดตา

ห้องอีกด้าน ซูเหอเวิ่นกลับเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น ด้านข้างวางหนังสือเขียนโปรแกรมไว้เล่มหนึ่ง

เขาสร้างเว็บไซส์ขึ้นมาเว็บไซส์หนึ่ง มีชื่อว่า “ทฤษฎีของการเห็นผี” เขาได้โพสต์ ‘วิทยานิพนธ์’ การเห็นผีของเขาไปสองฉบับ พร้อมทั้งบอกเล่าสนามแม่เหล็กและความคิดเกี่ยวกับเรื่องการมีอยู่ของผี

เมื่อเสร็จ เขาก็เชยชมผลงานของตนอย่างพอใจ ไตร่ตรองสักพัก จากนั้นจึงนำใจความของทฤษฎีเขามาตัดต่อเป็นคลิป พร้อมทั้งโพสต์ลงบนยูทูป

เมื่อทำเรื่องพวกนี้เสร็จ เขาจึงปิดไฟนอน

กลางดึก มีคนบังเอิญมาเปิดคลิปของซูเหอเวิ่นโดยไม่ได้ตั้งใจเข้า

เห็นเพียงเด็กหนุ่มน้อยคนหนี่งกำลังมองกล้อง พร้อมอธิบายการสันนิฐานเรื่องการมีอยู่ของผีและสนามแม่เหล็กกับการเห็นผีของเขาอย่างจริงจัง

คำปิดคลิป : น้องสาว ที่หนึ่งตลอดกาล!

[พรูด…นี่ฉันเห็นอะไรกัน จริงจังอยู่หรือเปล่า]

คนนั้นเห็นว่ามันสนุกดี จึงแชร์ต่ออย่างไม่ได้ใส่ใจ

เด็กคนนี้ตลกเกินไป จริงจังเสียจนเขาเกือบจะเชื่อแล้ว

วันต่อมา

ซูเหอเหวินซูเหอเวิ่นไปเข้าชุมนุม หานหานยังคงไม่ตื่น ซูจื่อซีเล่นเกมส์มาทั้งคืน เวลานี้ก็ยังหลับตายอยู่

ซูอีเฉินหาที่อยู่ของซินจื่อเหมิงจนเจอ พร้อมพาซู่เป่าออกจากบ้านไป

รถยนตร์ขับผ่านถนนเส้นโค้ง คลาดกับรถยนตร์สีดำคันหนึ่ง

มู่กุยฝานราวกับรู้สึก เงยหน้าขึ้นจากรูปซู่เป่า และคลาดกับรถของซูอีเฉินพอดี

ลูกน้องที่ขับรถเอ่ยถาม “นายท่านครับ ต้องแจ้งพวกเขาล่วงหน้าไหมครับ”

มู่กุยฝานกล่าวเบาๆ “ไม่เป็นไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน