ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 94

นายท่านซูกำลังจัดการเรื่องบางอย่างอยู่ในห้องหนังสือ จากนั้นก็ได้ยินพ่อบ้านบอกว่ามีคนมาหา

“ใครมากัน” เขาถาม

พ่อบ้าน “ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ ได้ยินว่าเป็นคนจากฝ่ายทหาร บอกว่ามีเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูซู่ครับ”

นายท่านซูขมวดคิ้ว คนจากฝ่ายทหารงั้นเหรอ

เขาคิดถึงเรื่องที่ซู่เป่ามีแรงมหาศาล หักเหล็กกั้นด้วยมือเปล่า และสามารถถือค้อนทุบของชิวๆ

คนจากฝ่ายทหารมาหาพวกเขา หรือเพราะเรื่องแรงมหาศาลของซู่เป่าถูกเปิดเผยซะแล้ว

สีหน้าของนายท่านซูขรึมลงพร้อมกล่าว “ให้เขาเข้ามา”

ไม่นานนัก พ่อบ้านก็พาชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อคลุมหนังสีดำเข้ามา ด้านหลังเขาตามมาด้วยคนที่คล้ายกับลูกน้องของเขาคนหนึ่ง บนร่างลูกน้องเขามีไอห้าวหาญเฉพาะตัวของทหาร

แต่ชายหนุ่มตรงหน้า กลับให้ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

ใบหน้าของเขาดูเหมือนทั้งคนดีและร้าย โดยเฉพาะผมหยักศกดีดำของเขา มากับดวงตาคู่นั้นที่เย็นชาอย่างธรรมชาติ ต่อให้ตั้งใจปกปิด ก็ยากที่จะละเลยกลิ่นไอกระหายเลือดบนตัวเขาได้ ทำให้ผู้ที่เห็นนึกถึง ‘หัวหน้าแก๊งอาชญกรรม’ ทันที

“สวัสดีครับ นายท่านซู” เขายกมุมปากเล็กน้อย พร้อมยื่นมือ

นายท่านซูมองมือของเขา จากนั้นเอ่ยถาม “หากฉันจับมือกับคุณ หลานสาวฉันจะยังอยู่ไหม”

มู่กุยฝานชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเสียงต่ำพร้อมเก็บมือ

“ท่านเป็นคนตลกเหมือนกันนะครับ”

นายท่านซูเผยรอยยิ้มแต่ความรู้สึกไม่ได้ยิ้มตาม “ไม่หรอก ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าคุณมาหาหลานสาวฉัน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกัน”

มู่กุยฝานเห็นว่านัยน์ตาชายชรามีแต่ความระแวงและต่อต้าน ราวกับกำลังมองเขาเป็นพวกค้าเด็ก

เขาสารภาพตัวตนออกมาตรงๆ “ผมเป็นผู้บัญชาการเขตการรบชายแดนที่หนึ่ง มู่กุยฝาน”

ในใจของนายท่านซูตะลึงเล็กน้อย

คนนี้เหรอเทพรบท่านนั้นที่ทำจิงตูปั่นป่วน จนซัดเป็นคลื่นภายใต้ความสงบช่วงนี้น่ะ

บุคคลระดับนี้ออกโรง หากไม่ใช่เรื่องที่ซู่เป่ามีแรงมหาศาล เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเพราะอะไร

“ที่แท้ก็ท่านผู้บัญชาการมู่นี่เอง!” นายท่านซูกล่าว “ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับด้วย”

มู่กุยฝานเลิกคิ้ว ชายชราท่านนี้ แม้ปากจะบอกขอภัย แต่นัยน์ตาของเขากลับระมัดระวังมากกว่าเดิม

มุมปากเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกแต่กำเนิด “ผมมาหาซู่เป่าเพราะ…”

มู่กุยฝานหยิบผลรายงานDNAออกมา “หลานสาวท่าน เป็นลูกสาวผม”

นายท่านซู “……”

“……”

เขาตะลึงจนนิ่งไป

เด็ดขาดขนาดนี้เชียว?

แล้วไปตรวจDNAมาเมื่อไรกัน?

“คุณ…” นายท่านซูอึ้ง รับผลDNAมาดูอย่างละเอียดไปครึ่งชั่วโมง จึงได้สติกลับมาจากความตะลึงสองครั้งติด

เขาถอดแว่นสายตาลง เผยสีหน้าเข้มงวดออกมา “นายกับอวี้เอ๋อร์นี่ยังไงกันแน่”

มู่กุยฝานมองต่ำ มุมปากยกเป็นรอยยิ้มจางๆ พูดอย่าง ‘อ่อนน้อม’ “ผมและจิ่งอวี้ครั้งหนึ่งเคยมีเรื่องราวโรแมนติกจากอุบัติเหตุ ส่วนรายละเอียด ผมคิดว่าผมไม่สะดวกที่จะเล่าให้ท่านฟัง”

นายท่านซู “……”

เห็นสายตาที่ไม่เชื่อใจของนายท่านซู มู่กุยฝานเอ่ยพูดเรื่องราวในอดีตที่ผ่านการปรับแต่งให้นายท่านซูฟังสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

เจอกันจากอุบัติเหตุ พบรักกัน องค์กรเรียกตัวไปปฏิบัติภารกิจเร่งด่วน เขาจากไปอย่างไม่มีทางเลือก และไม่สะดวกที่จะติดต่อกับเธอ

เขาไม่ได้โกหกหมดซะทีเดียว ตอนนั้นองค์กรดำยังไม่หมดอิทธิพล หากพวกมันรู้เรื่องซูจิ่นอวี้เข้าก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะทำเรื่องอะไรกับเธอบ้าง

มู่กุยฝานไม่ใช่คนหัวแข็ง เรื่องที่ทำให้ตระกูลซูเข้าใจผิดและเกลียดชังเขา เขาต้องโง่ขนาดไหนกันถึงเลือกที่จะพูดออกไปให้อารมณ์เสียกันทั้งสองฝ่าย

พูดออกไป แล้วมันยังไงล่ะ แก้ไขอดีตได้งั้นเหรอ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

มู่กุยฝานจากตระกูลซูไป

“เมื่อสองวันก่อนซู่เป่าไปที่ตระกูลมู่มาเหรอ” มู่กุยฝานเอ่ยถาม

มิฉะนั้นทำไมจู่ๆ เจ้าตัวน้อยพูดเรื่องไม่เอาคุณพ่อออกมาได้

ลูกน้องเอ่ยตอบ “ใช่ครับ แต่ตระกูลมู่กั้นซู่เป่าไว้ที่หน้าประตูครับ”

นัยน์ตาของมู่กุยฝานเผยแววเย้ยหยัน พร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “สักวันพวกมันต้องเสียใจ”

ส่วนตระกูลหลิน…

มู่กุยฝานนั่งพิงเบาะรถ นัยน์ตาเผยแววเหี้ยม พูดน้ำเสียงชวนขนลุก

“ไปขุดหลุมฝังศพของหลินเฟิง แล้วโปรยเถ้ากระดูกมันทิ้ง”

ในใจของลูกน้องรู้สึกรนราน ตอบอย่างตะกุกตะกัก “บะ-แบบนี้ไม่ดีมั้งครับ ใช้ตัวตนของท่านทำเรื่องแบบนี้…”

มู่กุยฝานหัวเราะ “หืม? ตัวตนอะไรของฉัน? ฉันทำเรื่องนี้ในฐานะผู้นำตระกูลมู่ เกี่ยวอะไรกับองค์กรล่ะ?”

ลูกน้อง “……”

“อีกอย่างนะ ถ้าฉันและนายไม่พูดออกไป ใครจะรู้ได้ว่าฉัน…มู่กุยฝานเป็นคนทำ”

ลูกน้อง “……”

มู่กุยฝานหลับตาพักสายตา จากนั้นก็พูดเสริมอีกคำ “จริงด้วย ตระกูลหลินยังเหลือคนแก่อีกสองคนสินะ”

ลูกน้อง “นายท่าน! คนชราก็ปล่อยไปเถอะครับ…”

มู่กุยฝานหัวเราะเสียงเย็น “ตั้งแต่ตอนที่พวกมันทารุณลูกสาวฉัน ก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าชีวิตบั้นท้ายของพวกมันจะโชคร้าย”

แก่แล้วยังไงล่ะ

ลูกสาวเขาก็ยังเป็นแค่เด็กเหมือนกัน

ลูกน้องเขารู้สึกหัวโต ผู้บัญชาเขานี่มัน ทั้งดีทั้งร้าย ฝีมือโหดเหี้ยม

องค์กรให้เขาช่วยเฝ้าดู เขาเฝ้าดูได้ที่ไหนกัน…

เวลานี้เอง โทรศัพท์ดังขึ้น

ลูกน้องรับสายพูดคุยสองประโยคจากนั้นวางสาย เขาพูดกับคนที่อยู่ในกระจกมองหลัง “นายท่าน เบื้องบนบอกให้ท่านเข้าประชุมวันนี้ด้วย”

มู่กุยฝานส่งเสียงหึขึ้นจมูกเบาๆ พร้อมกล่าว “ไม่ไป”

เขาจะไปหาลูกสาว

“วันนี้ท่านต้องไปจริงๆ!” ลูกน้องพูดย้ำ

บุคคลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศหลงยังมา หากเขาไม่ไป คิดอยากตายหรือไง!

มู่กุยฝาน “……”

**

ซูอีเฉินพาซู่เป่าหาบ้านพักของซินจื่อเหมิงจนเจอ จึงได้รู้ว่าพวกเขาออกไปเที่ยวกันทั้งบ้าง

“กลับก่อนไหม” ซูอีเฉินถาม

จี้ฉางนั่งอยู่อีกด้าน พร้อมพูดขึ้น “ซู่เป่า ลองทำนายดู”

ซู่เป่าพิงหน้าต่างรถ มองออกไปด้านนอก พร้อมกล่าวไปด้วย “ลุงเล็ก รอซู่เป่าทำนายสักครู่”

เจ้าแก้มก้อนพูดจบก็ยกนิ้วขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ สีหน้าจริงจัง

ซูอีเฉินสั่งให้คนขับรถจอดรถไว้ที่ริมถนนข้างเขตที่พักของซินจื่อเหมิง เขาก้มมองซู่เป่า นัยน์ตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม

“ซู่เป่าเก่งขนาดนี้เชียว ไม่ต้องหมุนเต่าแล้วเหรอ”

ซู่เป่าสีหน้าเสียใจ “เห้อ วันนี้ซู่เป่าลืมพกคุณปู่เต่าออกมาด้วย!”

ซูอีเฉินส่ายหัวยิ้มๆ มีเพียงต่อหน้าซู่เป่า จึงได้เห็นด้านที่อ่อนโยนมากขนาดนี้ของเขา

เพียงพริบตาเขาก็เปิดโน๊ตบุ๊ค เพื่อประชุมออนไลน์ ใบหน้าเขาจึงเย็นยะเยือกและเข้มงวดขึ้นมาอีกครั้ง

ซู่เป่ารอไม่นานนัก

ซูอีเฉินก็ประชุมกะทันหันสำเร็จ เวลานี้ด้านหน้าเขตที่พักก็มีใบหน้าที่คุ้นชินเดินมาด้วยสีหน้าอึดอัดใจ

สีดำเขียวใต้ตาเธอเข้มขึ้นจากเดิมอีกนิด แผ่นหลังก็ค่อมลงมากขึ้น

จี้ฉางกล่าว “หืม กลับมาเร็วขนาดนี้เชียว”

ซู่เป่ายื่นหน้าออกไป โบกมือน้อยๆ ของตน “คุณน้าซินจื่อเหมิง!”

ซินจื่อเหมิงชะงัก พอมองดูดีๆ กลับเป็นเจ้าเด็กน้อยที่เจอในสวนสนุกเมื่อวาน

“เธอเองเหรอ” เธอรีบเดินเข้ามา พร้อมฉีกใบหน้ายิ้มออกมา “เธอมาทำไมกัน”

ซู่เป่ากล่าว “ก็มีเรื่องถึงมาหาคุณน้าไง”

ซินจื่อเหมิงหลุดเสียง เอ่อ เธอไม่สนิทกับเด็กคนนี้ ไม่รู้ว่ามาหาเธอทำไมกัน

เมื่อเห็นซู่เป่าและจี้ฉางกำลังจ้องไปที่มัน ผีที่หดตัวอยู่บนไหล่ซินจื่อเหมิง จึงพยายามลดการมีอยู่ของตนลงพร้อมแสดงสีหน้าระแวง

ได้ยินพวกผีตนอื่นเล่ากัน แถวนี้มีนักพรตที่จับผีเก่งมากๆ ปรากฏตัว

เขาคงไม่ซวยขนาดที่ได้เจอกับพวกเขาเลยใช่ไหม!?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน