ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 95

ซูอีเฉินหาร้านกาแฟใกล้ๆ พร้อมจองห้องส่วนตัว

ไม่ว่าซู่เป่าจะทำอะไร เขาต่างตามใจหมด ไม่สนว่าเรื่องที่ทำนั้นมีเหตุผลหรือไม่ และไม่เคยสงสัยมาก่อน

ซูอีเฉินนั่งอยู่ด้านข้าง จู่ๆ เขาก็หน้ามืด จึงหยิบยาขวดหนึ่งขึ้นมาอย่างแอบๆ พร้อมเทกินห้าเม็ด

ซู่เป่าขมวดคิ้ว ลุงใหญ่เป็นอะไรกัน

เขาทำอย่างแนบเนียน แต่ซู่เป่าก็เห็นอยู่ดี

จี้ฉางกล่าว “ลุงใหญ่ของเจ้าร่างกายไม่ดี ซู่เป่า แต่จัดการเรื่องตรงหน้าก่อนค่อยกลับไปว่ากัน”

ซู่เป่าจึงได้แต่พูด “สวัสดีค่ะคุณน้า หนูชื่อซู่เป่า”

ซินจื่อเหมิงเพียงรู้สึกแปลก

ผู้ใหญ่กินยาอยู่อีกด้าน

ส่วนเด็กมาคุยกับเธอ

เธอถามขึ้น “สวัสดีซู่เป่า มาหาน้ามีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ”

ใบหน้าเล็กๆ ของซู่เป่าจริงจังขึ้นมา “คุณน้า ซู่เป่ามาจับ…”

จี้ฉางปิดปากซู่เป่าพร้อมกล่าวไป “ข้าเคยกล่าวไว้แล้วใช่ไหม เข้าต้องบอกว่าเจ้ามาขจัดความโชคร้าย”

ซู่เป่ากลั้นหายใจ จากนั้นจีงกล่าว “ซู่เป่ามาช่วยคุณน้าขจัดความโชคร้ายค่ะ!”

ซินจื่อเหมิง “……”

เดี๋ยวนี้วงการดูดวงมันแข่งขันสูงขนาดนี้เชียวเหรอ

เพิ่งกี่ขวบเอง ก็ต้องเริ่มทำงานซะแล้ว

เธอมองไปทางซูอีเฉินที่อยู่ด้านข้าง…ก็ไม่เหมือนนี่นา

ซินจื่อเหมิงกล่าว “คือว่า ไม่เป็นไรหรอก น้าสบายดี…”

ซู่เป่าจึงถามเธอไปตรงๆ “น้าซิน ช่วงนี้น้ารู้สึกเหนื่อย ทำอะไรก็ไม่มีเรี่ยวแรงใช่ไหม”

ซินจื่อเหมิงส่งเสียงเอ่อ “คงใช่…”

ชีวิตในเมืองตอนนี้ ใครไม่เป็นแบบนี้บ้างกัน

ซู่เป่าถามต่อ “กลางคืนนอนอยู่ดีๆ จู่ๆ จะตื่นเพราะความเหน็บหนาว”

ซู่จื่อเหมิง “……”

ซู่เป่า “ดวงตาพร่ามัว สมองมึนงง ทำอะไรก็ไม่ดั่งใจ กระทั่งอุจจาระยังไม่ลื่นไหล”

“สีหน้ามืดครึ้ม ใต้ตาดำช้ำมากกว่าเดิม กินข้าวไม่อร่อย”

“รู้สึกหนักบริเวณหลัง เหมือนกำลังแบกผีตัวใหญ่ๆ อยู่”

ซินจื่อเหมิง “…….”

ไม่พูดเรื่องอื่น

แต่เรื่องที่กลางคืนมักจะตื่นเพราะความหนาว และถ่ายไม่ออก…เรื่องส่วนตัวแบบนี้ซู่เป่ารู้ได้ยังไงกัน

หรือว่า…นี่จะไม่ใช่การหลอก?

ซินจื่อเหมิงลังเล “จริงด้วย นี่มันเดือนสี่แล้ว กลางดึกอุณภูมิหลายสิบองศา ฉันไม่ควรตื่นเพราะความเหน็บหนาวสิ แต่ฉันกลับตื่นเพราะความหนาวบ่อยๆ ถึงฉันเปลี่ยนผ้าห่มไป มันก็เป็นเหมือนเดิม”

เธอทำกระทั่งปิดแอร์

สามีของเธอบอกว่าเธอบ้าไปแล้ว อากาศร้อนขนาดนี้ ห่มผ้าหนาไม่พอแถมยังปิดแอร์อีก

เขาจึงไล่เธอไปนอนในห้องหนังสือ

ซินจื่อเหมิงกล่าวตอบ “ก็กลางคืนฉันต้องพิมพ์งานน่ะ ยังไงก็อยู่ในห้องหนังสือพอดี”

จี้ฉาง “เหอะๆ”

ซินจื่อเหมิงพูดถึงตรงนี้ ราวกับหัวข้อการพูดคุยถูกเปิด

เธอกล่าวบ่น “บ้านที่พวกเราอยู่ตอนนี้ไม่เล็กก็จริง แต่มีห้องเพียงสามห้อง แม่สามีฉันนอนห้องหนึ่ง ฉัน สามีและลูกนอนห้องเดียวกัน ส่วนอีกห้องเป็นห้องหนังสือ

ซู่เป่าถามต่อ “งั้นน้าก็เลยนอนห้องหนังสือเหรอ”

จี้ฉาง “สามีเจ้าให้นอนห้องหนังสือเจ้าก็นอนจริงๆ งั้นหรือ”

ซู่เป่า “สามีน้าให้นอนห้องหนังสือน้าก็ตอนห้องหนังสือจริงๆ งั้นเหรอ”

สีหน้าซินจื่อเหมิงเหนื่อยหน่าย “เห้อ ช่างเถอะ ฉันไม่อยากพูด ลูกก็นอนกับเรานี่นา หากฉันเปิดฮีทเตอร์เด็กๆ ก็ร้อนด้วย”

ซู่เป่าและจี้ฉาง “……”

เพราะเรื่องนี้ เธอตัดสินใจที่จะซื้อบ้านหลังใหญ่กว่านี้

ระยะเวลาที่เธอเขียนหนังสือ เงินที่หาได้จะบอกว่าเยอะก็ไม่เชิง แต่หักเงินที่ใช้เป็นกิจวัตรในบ้านแล้ว เธอยังมีค่าลิขสิทธิ์ที่ถูกซื้อไปทำเป็นซี่รี่ส์ ก็ถือว่าเก็บเงินได้หลายร้อยล้าน

ในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองฮั่น หนึ่งล้านก็พอซื้อบ้านหลังใหญ่ได้แล้ว แต่ฉันเอือมระอามาก เธอรู้ไหม พวกเราซื้อบ้าน สามีฉันวันนี้พาคนนี้ไปดู อีกวันก็พาอีกคนไปดู ต่างเป็นญาติของเขาหมด มาบอกตรงนี้ไม่ดีตรงโน้นไม่ดี ความเห็นเยอะกว่าคนที่ออกเงินอย่างฉันอีก!”

“เมื่อกี้พวกเราไปดูมาอีกแล้ว คนเป็นกลุ่มรวมหัวกันบ่นอยู่ตรงโน้น ฉันรู้สึกเหมือนฉันเป็นส่วนเกิน ฉันเป็นแค่คนออกเงิน”

เมื่อกี้เธอสนใจบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ประมาณสองร้อยกว่าตารางวา ราคาสองล้าน

เธอรู้สึกไม่แพง ใหญ่หน่อยก็ดี เธอจะทำเป็นห้องหนังสือ เมื่อเด็กๆ โตก็มีห้องเป็นของตนเองได้ แถมยังมีห้องนอนรับแขกเพิ่มอีกห้องด้วย เวลาแขกมาที่บ้านพื้นที่ก็จะได้มากขึ้น

แต่อารองของสามีเธอได้ยินเข้า ก็รู้สึกแพงเกินไป

บอกจะซื้อใหญ่ขนาดนั้นไปทำไม ซื้อประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบตารางวาก็พอแล้ว บ้านขนาดเท่านี้ก็มีทรงสี่ห้องเช่นกัน

เด็กๆ สองคนจองห้องกันคนละห้อง แม่สามีของเธอห้องหนึ่ง เธอและสามีห้องหนึ่ง จะเอาห้องหนังสือไปทำไม แค่มีโต๊ะตัวหนึ่งก็ทำงานได้เหมือนกัน

แล้วก็เขตการศึกษา ไม่ต้องเอาบ้านในเขตการศึกษาหรอก ราคาบ้านที่นั่นถูกคนขายบ้านโก่งราคามาทั้งนั้น! เธอบอกหลานสาวเธอกำลังเรียนในตัวอำเภอเมือง ไม่ได้อยู่ในเขตการศึกษา การเรียนดีเรียนที่ไหนมันก็ดีเหมือนกัน!

จากนั้นเธอก็ออกความเห็น ให้ไปซื้อบ้านอีกเขตหนึ่ง เขตนั้นส่วนมากเป็นบ้านชดใช้จากรัฐบาล ถูกมากๆ เลยล่ะ

ซินจื่อเหมิงพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันจะเอาห้องหนังสือแน่ๆ ฉันทำงานเกี่ยวกับการเขียนโดยเฉพาะ ฉันต้องการสภาพแวดล้อมที่สงบเป็นอย่างมาก แต่ป้ารองกลับบอกว่าฉันสำออย!”

“แล้วก็บ้านชดใช้รัฐบาล รอบๆ มีแต่พื้นที่ก่อสร้าง แม่สามีฉันก็ฟังอารองว่าจะลองไปดูบ้านแถวนั้นจริงๆ ฉันโกรธมากเลยกลับมาก่อนน่ะ”

ซู่เป่าย่นจมูก พร้อมถาม “แล้วพวกเขาไม่กลับมาเหรอคะ”

ซินจื่อเหมิงนอนฟุบบนโต๊ะอย่างถอดใจ สีหน้าสิ้นหวัง “พวกเขาไปดูต่อกันเองแล้ว”

“พวกเขาคุยกันเองหมดเลย ไม่คิดถึงฉันสักนิด ฉันกำลังคิดนี่ฉันเป็นคนซื้อบ้านจริงหรือเปล่า หมดคำพูดจริงๆ”

“จริงๆ วันแรกฉันไปดูกับสามีฉันแค่สองคน วันที่สองสามีของฉันก็จะลากแม่เขาไปให้ได้ หลังแม่เขาดูเสร็จ ก็เริ่มพาญาติมาดู”

“ช่วงนี้กระทั่งพี่สาวเขายังมา ออกความเห็นเยอะมาก นี่ก็ไม่ดีนั่นก็ไม่ได้ แถมเธอรู้ไหมว่าพี่สาวพูดว่าอะไร เธอบอกในเมื่อเราซื้อบ้านแล้ว ปกติก็ต้องประหยัดหน่อย เลิกซื้อพวกครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอางได้แล้ว ของแบบนั้นมันไม่มีประโยชน์ หน้าตาขนาดนี้แล้วยังหวังให้ครีมบำรุงผิวจะช่วยให้สวยขึ้นได้งั้นเหรอ”

จี้ฉางต่างหากที่หมดคำพูดของจริง

“ไม่พอใจก็พูดไปตรงๆ สิ!” เขากล่าว “ไม่ชอบก็พูดไปตรงๆ สิ!”

ซู่เป่านำมาพูดต่ออย่างตรงตัว “ไม่พอใจก็พูดไปตรงๆ สิ! ไม่ชอบก็พูดไปตรงๆ สิ!”

ซินจื่อเหมิง “ช่างเถอะ ฉันไม่อยากพูด”

ซู่เป่า “……”

จี้ฉาง “……”

แบบนี้จะไม่เรียกสมน้ำหน้าได้ไง

เธอไม่พอใจ แต่ก็ไม่ยอมพูด งั้นเธอจะเอายังไง

ซินจื่อเหมิงพูดต่อ “สรุปเงินที่ฉันหาได้ไม่ใช่เงินฉันสินะ ไม่อนุญาตให้ฉันซื้อบ้านไม่พอ ไม่อนุญาตให้ฉันใช้เงินตัวเองด้วย!”

ซู่เป่า “……”

จี้ฉาง “……”

กระทั่งซูอีเฉินที่อยู่อีกด้านยังทนไม่ได้

“อีกอย่าง…” ซินจื่อเหมิงจะพูดต่อ

ซู่เป่ารีบปิดปากของเธอในทันที

“เอาล่ะ น้าซินเลิกพูดดีกว่า”

แปลกจังเลย ยิ่งฟังเธอยิ่งโมโห แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าเรื่องของผู้ใหญ่คือเรื่องอะไร แต่ฟังแล้วทำให้รู้สึกโกรธจริงๆ

จี้ฉางเองก็ไม่เข้าใจ

จากทฤษฎี สามีซินจื่อเหมิงไม่ทำงานไม่หาเงิน เธอเป็นคนเลี้ยงเด็กและคนแก่

ทำไมยังปล่อยให้ตัวเองอัดอั้นขนาดนี้อีก

ซู่เป่าคิดสักพัก จากนั้นถาม “ทำไมน้าไม่พูดดีๆ กับลุงล่ะคะ”

ซินจื่อเหมิงกล่าวโทษ “สามีของฉันค่านิยมชายแท้สุดๆ กลับบ้านเกิดทีไรทุกคนต่างคิดว่าเขาเป็นคนทำงานหาเงิน คิดว่าเขาหาเงินปีละเป็นล้าน เขาเองก็ไม่อธิบาย”

“เขาจะออกความเห็นทุกอย่าง หากไม่ทำตามความเห็นเขา เขาก็จะไม่พอใจ”

“ปีใหม่เรากลับบ้านเกิดเขา เราทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่ง ฉันบอกฉันจะกลับตัวเมืองด้วยความงอน แต่เขากลับปล่อยให้ฉันกลับไปจริงๆ…”

“ฉันเดินจากเขตชนบทไปเขตเมืองด้วยตัวคนเดียว เดินไปสองชั่วโมงเต็มๆ ตอนนั้นดึกแล้วด้วย ห้าทุ่มกว่าๆ คืนวันปีใหม่รถที่ผ่านทางก็ไม่มีสักคัน ฉันเดินกลับถึงเขตเมืองก็ตีหนึ่งตีสองแล้ว…”

ซู่เป่าเข้าใจแล้ว

น่าจะตอนนั้นเอง ที่ผีมาเกาะตัวเธอได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน