ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 96

ทางเดินตอนเที่ยงคืน เมื่อเดินเยอะก็ต้องเจอผีแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นซู่จื่อเหมิงยังเดินคนเดียวถือสองขม.

ซู่เป่าถามขึ้น “งั้นคุณลุงไม่ได้มาหาน้าเหรอคะ”

ซินจื่อเหมิงส่ายหัว “เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันกลับไปจริง ฉันเดินไป น้ำตาไหลไป รู้สึกสิ้นหวังมากเลย ฉันหาเงินมากมายขนาดนั้นไปเพื่ออะไรกัน”

ใบหน้าซู่เป่าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “งั้นทำไมน้าไม่บอกเขาล่ะ”

ซินจื่อเหมิงถอนหายใจ “ฉันไม่อยากพูด ไม่มีประโยชน์”

ซู่เป่า “……”

จี้ฉาง “……”

ซูอีเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่เคยยุ่งเรื่องของคนอื่นมาก่อน แต่รอบนี้เขาทนฟังไม่ได้จริงๆ

เขาพูดเสียงเย็น “คุณทำเพื่ออะไร”

หาเงินแล้วยังต้องแบกรับอารมณ์ งั้นการหาเงินจะไปมีความหมายอะไรอีก

เราหาเงินอย่างสุดกำลังก็เพื่อไม่ให้ตนเองต้องอัดอั้น อยากใช้ชีวิตอย่างไรก็ใช้ชีวิตแบบนั้น

เมื่อคนอื่นอยากมาขี่หัวคุณ เราสามารถเอาคืนได้อย่างหนัก

จี้ฉางกอดอกยืนอยู่อีกฝั่ง ส่ายหัวรัวๆ “แบบนี้หากไม่หย่าถือว่าคุณทำตัวเองทั้งนั้น”

ซู่เป่าพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเธอเข้าใจ “ใช่ หย่าสิ!”

พูดถึงการหย่า ซินจื่อเหมิงพูดอย่างลังเล “จริงๆ สามีฉันก็เป็นคนดี อย่างน้อยก็ไม่เคยนอกใจ…”

ประโยคนี้ฟังแล้วมันชวนหมดคำพูดจริงๆ แม้แต่จี้ฉางเองยังไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ

ซู่เป่าพูดอย่างประหลาดใจ “น้าซิน นี่เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”

ผู้ใหญ่ทั้งสองคนแต่งงานกัน การรักษาสัญญาเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง

ซู่เป่าเคยเห็นในละครมาก่อน คุณป้ากับคุณลุงแต่งงานกัน พวกเขาจะสาบานด้วยความหนักแน่น

พวกเขาบอกจะซื่อสัตย์ต่อคู่ร่วมชีวิตทั้งในยามสุข และ ยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติจนกว่าชีวิตจะหาไม่

เรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว ทำไมถึงกลายเป็นข้อดีได้กัน

ซู่เป่ารู้สึกว่าตนเองยังเด็กเกินไป เธอคิดจนหัวโต ก็ไม่เข้าใจเหตุผลของเหล่าผู้ใหญ่อยู่ดี

ซู่เป่าส่ายหัว พูดอย่างตั้งใจ “น้าซิน วันนี้ซู่เป่าจะขับไล่ความโชคร้ายออกไปให้ หวังว่าต่อจากนี้น้าซิงจะกล้าหาญมากขึ้นนะ”

“เรื่องที่ไม่ชอบ ต้องพูดว่าไม่อย่างกล้าหาญ!”

ซินจื่อเหมิงอึ้งไป มองเจ้าแก้มก้อนที่เพิ่งอายุไม่กี่ขวบตรงหน้า

จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าเธอยังสู้เด็กคนหนึ่งไม่ได้เลย

จริงๆ บางครั้งเธอก็อยากจะพูดว่าไม่ออกมาอย่างกล้าหาญ โวยวายแบบไม่สนใจทุกอย่าง

แต่โลกคนของผู้ใหญ่ ทำตามใจได้เยอะแยะขนาดนั้นที่ไหนกัน

กลัวทะเลาะกันแล้วจะกระทบต่อลูก กลัวว่าทะเลาะกันแล้วจะกระทบต่ออารมณ์ กลัวว่าคนอื่นจะเอาไปหัวเราะ

มีครั้งหนึ่งเธอทะเลาะกับสามีครั้งใหญ่ ปรากฏว่ารอบนั้น เธอเขียนไม่ออกแม้แต่ตัวเดียวถึงสามวันเต็มๆ

สุดท้ายจึงปล่อยผ่านไปเช่นนั้น

เพราะงั้นการทะเลาะกันไม่มีประโยชน์ ไม่พูดยังดีเสียกว่า

ซินจื่อเหมิงบ่นๆ พักๆ กล่าวโทษไม่หยุด เพียงแต่แววตาของเธอเริ่มไร้สติ และเริ่มเหม่อลอย

ราวกับหุ่นกระบอกที่ไร้ซึ่งวิญญาณ กล่าวบ่นเช่นนั้นซ้ำๆ ราวกับหุ่นยนต์

จี้ฉางเก็บมือ พร้อมกล่าว “พอแล้ว รีบจับเถอะ!”

เขาฟังแล้วรู้สึกรำคาญใจ

“นี่เป๋าน้อย อ่านตามข้า…”

ดวงตาของเขากระพริบ เผยเป็นแววดื้อดึงนัยน์ตา “โอมเพี้ยง เจ้าชั่ว จงปรากฏตัว!”

ซู่เป่าพูดตามเสียงดัง “โอมเพี้ยง เจ้าชั่ว จงปรากฏตัว!”

ซูอีเฉิน “?”

จู่ๆ เขาก็เห็นบนไหล่ซินจื่อเหมิงมีเงาดำออกมา

ในใจของซูอีเฉินตกใจ ตั้งใจมองดูอีกทีกลับไม่มีอะไรทั้งนั้น เหมือนเมื่อกี้เป็นเพียงการคิดไปเองของเขา!

สายตาของซู่เป่าย้ายจากตัวซินจื่อเหมิง ไปที่ผีขี้ขลาดบนไหล่ของเธอ

เธอเลียนแบบท่าทีของจี้ฉาง “เจ้าชื่ออะไร เกิดเมื่อใด และที่ใดกัน?”

ผีขี้ขลาดขมวดคิ้ว พูดอย่างลังเล “ฉันชื่อพันเจิ้นเอ๋า คนเมืองอวี่…”

เจ้าก้อนแป้งยกน้ำเต้าขึ้นมา ร้องตะโกนเสียงดัง “พันเจิ้นเอ๋า หากข้าเรียกชื่อเจ้า เจ้ากล้าขานรับหรือไม่?”

จี้ฉาง “……”

ซูอีเฉิน “……”

ผีขี้ขลาด “……”

จี้ฉางปิดหน้า ถามเอือมๆ “เป๋าน้อย เจ้าไปเรียนจากผู้ใดมา”

ซู่เป่ากระพริบตา “จากซุนหงอคงไง”

ในการ์ตูนเขาแสดงกันแบบนี้น่ะ

เธอถามอย่างสงสัย “มีปัญหางั้นเหรอ”

มุมปากจี้ฉางกระตุก “ไม่มีปัญหา”

แต่ผีที่ไหนจะยอมเข้าไปในน้ำเต้าเธออย่างเชื่อฟังกัน

อย่างที่คิด ผีขี้ขลาดยังคงเกาะอยู่บนไหล่ของซินจื่อเหมิง มองไปทางซู่เป่าด้วยสีหน้าราวกับขี้ไม่ออก

“อย่ามองผมเป็นเด็กสามขวบได้ไหม”

ซู่เป่าวางน้ำเต้าลงอย่างใสซื่อ “ก็ได้ ขอโทษนะ!”

คำพูดของผีขี้ขลาดติดอยู่ในลำคอทันที

ซู่เป่าถามต่อ “พี่ชาย พี่ตายได้ยังไงเหรอ”

เธอกระพริบตาวิ้งๆ

เจ้าก้อนแป้งสีหน้าจริงจัง ไม่ได้มองเขาเป็นผีแม้แต่นิด และไม่มีความดูถูกแอบแฝง…

จู่ๆ ผีขี้ขลาดก็เงียบลงในทันที

“ฉันถูกคนกระทืบตาย”

ในตอนที่จี้ฉางคิดว่าผีขี้ขลาดจะไม่พูดนั้น เขากลับเอ่ยพูดออกมาง่ายๆ

“เมื่อตอนฉันอายุสิบสี่ ฉันย้ายบ้านตามพ่อแม่ และเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง…”

โรงเรียนมัธยมต้นแห่งนั้นไม่ใช่โรงเรียนชื่อดัง และวุ่นวายเป็นอย่างมาก

เขาเป็นคนนิสัยเงียบๆ ไม่ชอบพูด และไม่ชอบเล่นกับเพื่อนๆ

เมื่อนานๆ ไป พวกเพื่อนผู้ชายมักคิดว่าเขาไม่เข้าพวก จึงเริ่มต่อต้านเขา

“เริ่มจากที่เวลาฉันเดินผ่านทางเดินระเบียง พวกเขาจะส่งเสียงโห่ร้อน หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มลงมือผลักฉัน…”

“หนังสือของฉันถูกโยนทิ้งนอกหน้าต่าง ใต้โต๊ะของฉันมักมีกบ หนอนและงูตายซ่อนอยู่ เพราะพวกเขาอยากดูว่าฉันจะกรี๊ดเหมือนเด็กผู้หญิงหรือเปล่า”

ซู่เป่าพูดขึ้น “งั้นก็ฟ้องคุณครูสิ!”

ผีขี้ขลาดพูดดูถูกตนเอง “อาจารย์บอก ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดัง หากเขาไม่รังแกคนอื่นก่อนทำไมคนอื่นถึงมารังแกเขาล่ะ”

ซู่เป่า “……”

เจ้าก้อนแป้งชะงัก ที่แท้ก็มีคุณครูที่ไม่ดีด้วย เหมือนครูหวังคนนั้น

ไม่ใช่ว่าคุณครูทุกคนจะเป็นคนดี……

“งั้นพี่ก็บอกพ่อแม่สิ!” ซู่เป่าเริ่มร้อนรน

โดนรังแกมาเยอะขนาดนี้ ไม่บอกพ่อแม่เลยเหรอ

ผีขี้ขลาดไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ส่ายหน้า

จี้ฉางเปิดหนังสือ พร้อมถาม “สรุปเจ้าตายได้อย่างไร”

ผีขี้ขลาดกล่าว “ครั้งหนึ่ง พวกมันผลักฉันในห้องน้ำ ไม่รู้ทำไมฉันถึงผลักคนหนึ่งในนั้นกระเด็นออกไปอีกด้าน เขาไม่คิดว่าฉันจะต่อต้าน จึงล้มลงบนพื้น”

รอบๆ ดังขึ้นเป็นเสียงโห่ร้อง เด็กชายที่ล้มลงบนพื้นรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก

จึงมาดักรอเขาตอนเลิกเรียน ลากคนมาเจ็ดแปดคนเพื่อกระทืบเขา

“เมื่อกระทืบฉันเสร็จ พวกเขาก็หัวเราะพร้อมจากไป”

“ร่างทั้งร่างฉันปวดร้าวไปหมด แต่ฉันก็ทนเดินกลับบ้าน…ระหว่างทาง ฉันรู้สึกยิ่งอยู่ยิ่งเจ็บ”

กลับถึงบ้านแม่ของเขากำลังทำกับข้าวอยู่ เขาเดินกลับห้องโดยไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น

“ตกดึกแม่เรียกให้ฉันไปกินข้าว เธอสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน ถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น”

ซู่เป่า “แล้วพี่ตอบว่าอะไร”

ผีขี้ขลาด “ฉันไม่อยากบอกเธอเรื่องที่ฉันถูกกระทืบมา จึงตอบว่าไม่มีอะไร”

จนถึงเที่ยงคืน

ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว

ร่างเขาท่วมไปด้วยเหงื่อ สติของเขาเริ่มหลุดลอย

“ฉันรู้สึกได้ถึงความตายที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างชัดเจน ฉันรู้สึกลนลาน จึงตะโกนเรียกแม่”

“แต่ พ่อแม่ฉันกำลังทะเลาะกันอยู่”

“ฉันอยู่หลังประตูบานนั้น ตะโกนอย่างสุดแรงผ่านซอกประตูเล็กๆ…แต่กลับไม่มีใครได้ยิน”

สุดท้ายเขาจึงปวดตายเช่นนั้น สาเหตุการตายคือตับและม้ามเลือดออกอย่างหนัก ตายจากการบาดเจ็บภายใน

ผีขี้ขลาดพูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววเสียใจ เคียดแค้น “ฉันรู้สึกเสียใจ จริงๆ ฉันเสียใจที่ทำไมฉันไม่บอกแม่ให้เร็วกว่านี้ ตอนที่เธอถามทำไมฉันถึงไม่พูด!”

“จริงๆ ฉันไม่ตายได้ ฉันไม่อยากตายสักนิด……”

ผีขี้ขลาดพูดถึงตรงนี้ ก็ร้องไห้โฮรออกมา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน