ทุกคนมอลงไป แล้วรู้สึกขยะแขยงและหันหลังกลับ “อาหารที่หญิงสาวชาวบ้านก็สามารถทำออกมาได้ ข้าขอไม่ลองชิมดีกว่า”
ผู้ดูแลร้านช่ายเหลือบมองไปที่ลู่ม่านด้วยสายตาเป็นประกาย ดวงตาของเธอยังคงแน่วแน่ ทำให้อารมณ์ของเขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“ลองชิมดูเถอะ อย่างไรนี่ก็เป็นผลงานของผู้เข้าแข่งขัน!” พูดจบผู้ดูแลร้านช่ายก็หยิบตะเกียบคีบเข้าปากไปหนึ่งคำ
ภาพตรงหน้าเหมือนผัดกะหล่ำปลีธรรมดา แต่พอได้ลิ้มลอง ก็จะรู้ว่าบนกะหล่ำปลียังเปื้อนน้ำมันสีเหลืองสดใสอยู่
น้ำมันสีแปลกที่คล้ายสีน้ำผึ้ง และเริ่มไหลไปตามแรงเคลื่อนไหว
ผู้ดูแลร้านช่ายปากคีบใส่ปากด้วยความแปลกใจ รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เติมเต็มต่อมรับรสของเขาในทันที
กะหล่ำปลีที่เขาเคยกิน ถ้าไม่ใช่ผัดในหม้อธรรมดา ก็คือต้มในน้ำซุปชั้นดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กินกะหล่ำปลีที่มีรสซอสเคลือบไว้แบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยากที่จะเอาชนะสองเมนูของพ่อครัวอู๋ได้
เพื่อที่จะลองดู เขาจึงมองไปทางต้าซือหนงที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ท่านลองชิมดู?”
ต้าซือหนงให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก เขาก้มลงไปจับตะเกียบคีบเข้าปากทันที
เขาต้องตกตะลึงทุนทีที่ตะเกียบเข้าปาก “นี่คือ……”
“นี่คือซีอิ๊วใต้เท้า!” ลู่ม่านกล่าว “เพราะว่าซีอิ๊วสามารถเพิ่มรสชาติให้กับกะหล่ำปลีได้ แน่นอนว่าซีอิ๊วนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการผัดกะหล่ำปลี แต่ควรใช้ในการผัดเนื้อหรือทำอย่างอื่นดีกว่า แต่ว่า ด้วยเหตุสุดวิสัยบางอย่าง วันนี้ข้าเลยต้องเปลี่ยนมาทำเมนูนี้แทน
หลี่หรงก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นแล้วเหมือนกัน ตอนที่เขาเห็นสีหน้าของผู้ดูแลร้านช่ายและต้าซือหนงซื่อที่ดูไม่เหมือนกำลังแสดงละครอยู่ จึงยิ่งรู้สึกแปลกใจ
เขายื่นตะเกียบออกมาแล้วหยิบชิ้นหนึ่งเข้าปากขจ จากนั้นก็ตะลึงไปทันที เห็นท่าทางอย่างนี้ ซวนเหวินลี่ก็หยิบตะเกียบคีบอาหารใส่ปากเช่นกัน
“รสชาติพิเศษมาก แต่ผู้ชนะในการแข่งขันของวันนี้ก็คือพ่อครัวอู๋!”
ซวนเหวินลี่ให้คำตอบออกมา และทุกคนก็รู้สึกว่าเขาสมควรได้รับ แต่พ่อครัวอู๋เห็นอย่างนี้ เขาก็ก้าวไปข้างหน้า และเหลือบมองไปทางลู่ม่านและถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าขอลองชิมอาหารของเจ้าได้ไหม”
ลู่ม่านพยักหน้า “แน่นอน!” พ่อครัวอู๋เป็นคนยุติธรรมและเป็นเพื่อนที่ควรต่อการนับถือ
พ่อครัวอู๋หยิบตะเกียบคีบผักะหล่ำปลีชิ้นหนึ่งเข้าปาก วินาทีต่อมา เขาก็มองไปที่ลู่ม่าน “ซีอิ๊วที่เจ้าพูดคือสิ่งใดกันแน่?”
เมื่อเห็นอย่างนี้ หลี่หรงก็มองไปที่พ่อครัวอู๋ด้วยความไม่พอใจ “ท่านชนะแล้วจะไปยุ่งเรื่องของคนอื่นทำไม”
แต่พ่อครัวอู๋ไม่สนใจเขา และมองดูลู่ม่านอยู่อย่างนั้น
หลี่หรงมองด้วยความโกรธ เขารู้ว่าการเชิญตาแก่คนนี้มาเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่พวกเขาทั้งหมดบอกว่าตาแก่คนนี้ทำอาหารเก่งและสามารถเอาชนะภัตตาคารเฟิ่งหลายได้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้บด พวกเขากำลังสร้างชื่อเสียงให้กับผู้อื่นอยู่อย่างนั้นหรือ?
เหอเย่วมีไหวพริบรีบหยิบขวดซีอิ๊วที่ถูกซ่อนไว้ออกมาทันที “ดูสิท่านพ่อครัว!”
พ่อครัวอู๋เปิดจุกขวดออก ก่อนจะมีกลิ่นแปลก ๆ โชยออกมา “ความแตกต่างของสิ่งนี้...กับซอสเนื้อคืออะไร?”
“แน่นอนว่ามีความแตกต่างกัน!” ลู่ม่านกล่าว “ซีอิ๊วนี้มีราคาถูกและมีรสชาติที่สดใหม่กว่า แม้แต่ชาวบ้านทั่วไปก็สามารถหาซื้อได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความอยากอาหารของประชาชนได้”
พอพ่อครัวอู๋ได้ยินอย่างนั้น เขาก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม “ความรู้ของแม่นางข้าไม่มีความสามารถจะเทียบเท่าได้ ขอซีอิ๊วนี้ให้บ้างบ้างจะได้ไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...