ครึ่งเดือนต่อมา
หนานอิงรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว เมื่อในตอนนี้นางกำลังถูกลู่หนิงหวังจ้องราวกับว่านางไปฆ่าพ่อด่าแม่เขาแล้วถูกจับได้ ใจจริงอยากจะวิ่งหนีสายตานี้ไปให้ไกล แต่ในเมื่อถึงคราวจำเป็นแล้วนางก็ต้องอดทน
หนานอิงกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา ลู่หนิงหวังมองนางอย่างวิเคราะห์ ไล่สายตาไปแต่ละส่วนกระทั่งหนานอิงรู้สึกว่าเขากำลังแยกแยะเส้นผมของนางแต่ละเส้นให้ออกจากกัน บุรุษผู้มีสายตาประดุจดาบคมคล้ายกับเขาสามารถที่จะสังหารนางให้ตายได้ในการมองครั้งเดียว
น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้หนานอิงวิ่ง วิ่ง และ วิ่ง หนานอิงวิ่งจนรองเท้าของนางขาดไปแล้ว ทั้งเสื้อผ้าหนาหนักของนางไม่เหมาะสมที่จะใช้ฝึกร่างกายเป็นอย่างยิ่ง เพราะเช่นนี้ยิ่งถ่วงให้นางต้องแบกรับน้ำหนักของเสื้อผ้าอีกชั้น การวิ่งของนางจึงทรมานแทบขาดใจ
แม้รองเท้าจะขาดลู่หนิงหวังก็ยังสั่งให้นางวิ่งจนเท้าเป็นแผล หนานอิงเจ็บเป็นอย่างยิ่งเลือดไหลออกมาจากฝ่าเท้าไม่หยุดกระทั่งตกเย็นอ้ายเจิงก็นำอ่างน้ำใส่ยาสมุนไพรมาให้นาง หนานอิงแทบจะคลานกลับกระท่อมเพราะเดินไม่ได้ ลู่หนิงหวังยังไร้เมตตามองดูนางคลานแล้วเดินตามอย่างช้า ๆ จนถึงกระท่อมของตนเอง
น้ำในอ่างเป็นน้ำเย็นจัดหนานอิงแช่เท้าลงไปเล็กน้อยนางก็สะดุ้งสุดตัวด้วยความทรมาน คนสองคนไม่ปล่อยให้อ้ายเจิงอยู่กับนางนาน ก็เข้ามายืนคุมเชิงจนหนานอิงไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา
"คิดจะเป็นมือสังหารน้ำเย็นกลับไม่กล้าแตะ เรื่องเล็กน้อยยังไม่กล้าอนาคตทำนายได้เลยว่าตายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มลงมือ"
คำดูถูกของหานเซียวดังขึ้น หนานอิงน้ำตาแทบเล็ดอ้ายเจิงกล่าวกับนางเสียงเบา
"ยานี่เป็นยาพิเศษ รับรองพรุ่งนี้เท้าของเจ้าจะดีขึ้นเชื่อข้านะ ข้าเป็นหมอเทวดาไม่โกหกเจ้าแน่"
อ้ายเจิงไม่ได้เกลี้ยงกล่อมนางเกินสองประโยค หนานอิงก็ยอมแช่เท้าแล้ว เขาทิ้งยาทาเอาไว้ให้ลู่หนิงหวังช่วยนาง ตบไหล่ลู่หนิงหวังเบา ๆ
"อาหารเย็นมื้อนี้ ข้ากับหานเซียวจะลงมือเองให้นางพักเถิด"
หานเซียวมองนางผ่าน ๆ แล้วเดินออกไป ปล่อยให้หนานอิงอยู่กับลู่หนิงหวังเพียงลำพัง ลู่หนิงหวังปิดประตูไม่ให้ลมเข้าแล้วเดินเข้ามาหานางอย่างไม่รีบร้อน
หนานอิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวที่มีในโรงเก็บฟืนแห่งนี้ ตั้งแต่นางมาใช้ท่านตาก็ย้ายฟืนไปไว้ที่อื่นที่เพิ่งทำขึ้นชั่วคราว พื้นที่จึงมีมากขึ้นแม้จะมีบุรษสามคนที่ชอบเดินเข้าออกในนี้ก็ยังมีพื้นที่กว้าง
หนานอิงแช่เท้าลงในอ่าง เย็นจับใจจนหนาวสั่นแช่ไปได้เพียงชั่วลมหายใจฟันของนางก็กระทบกันเสียแล้ว ทั้งยังมีลู่หนิงหวังที่อยู่กับนางสองต่อสองอีก ยิ่งทำให้หนานอิงหวาดระแวงและหนาวจับขั้วหัวใจเพิ่มเป็นเท่าทวี
หนานอิงมองเขาอย่างหวาดวิตกคิดจะขยับหนีลู่หนิงหวังจึงเอ่ยเสียงเย็น
"ถ้าเจ้ากล้ายกขาขึ้นจากน้ำก่อนหนึ่งก้านธูปข้าจะตัดขาของเจ้าทั้งสองข้างทิ้งซะ"
หนานอิงรู้ว่าคนผู้นี้ทำจริง นางก็ไม่กล้าขยับแล้ว วันนี้เขาปล่อยให้นางวิ่งจนเกือบตายแม้เลือดที่ฝ่าเท้าของนางจะไหลจนนางแทบลมจับ เขาก็ไม่อนุญาตให้หยุดวิ่ง
หนานอิงเองตอนนี้ไม่มีเวลาอ่อนแอแล้วนางจึงกัดฟันวิ่งราวกับมีแม่หมีตัวร้ายไล่หลังอยู่
ความจริงเป็นลู่หนิงหวังต่างหาก นางกลัวเขายิ่งกว่าหมีเสียอีก วิ่งไล่กันมาเกือบทั้งวันหนานอิงรู้สึกแปลกประหลาดใจที่ตนเองไม่เป็นลมล้มพับไปเหมือนก่อน
นั่นคงเป็นเพราะได้ของบำรุงร่างกายที่ดีกระมัง ก่อนหน้านั้นจู่ ๆ และกลางคืนนางก็นอนไม่ค่อยหลับนัก ตั้งแต่มีพวกเขาอยู่ข้างกาย
นางยังจำคืนแรกได้เป็นอย่างดี ในขณะที่หนานอิงล้างหน้าถูฟันก่อนนอนเรียบร้อย ด้วยความที่ท่านตาดีต่อนางเป็นอย่างยิ่งยังมีอ้ายเจิงอีกนางไม่มีสิ่งใดตอบแทนจึงคิดเย็บถุงหอมให้พวกเขา
ในช่วงเวลานั้นนางจึงนอนค่อนข้างดึกด้วยกลัวว่าหากเริ่มฝึกร่างกายแล้วจะไม่มีเวลาทำเรื่องพวกนี้อีก ทั้งนี้เพราะอ้ายเจิงเองก็ได้บอกนางคร่าว ๆ ล่วงหน้าว่านางต้องอดทนต่อสิ่งใดบ้าง
หนานอิงเริ่มเก็บดอกไม้หลายชนิด แล้วนำมาอบตามวิธีการของนางขอให้ท่านตาช่วยเก็บสมุนไพรมาหลายตัว นางนำไปตากแห้งจนได้ที่ บดผสมกับกลีบดอกไม้แล้วอบอีกครั้ง
นางทำเช่นนี้มานานตั้งแต่พบพวกเขาครั้งแรก ๆ ประการหนึ่งก็เพื่อตอบแทนคุณบ้างเล็กน้อยก็ยังดี ประการที่สองก็เพื่อฝึกฝนฝีมือไม่ให้นางลืมเรื่องพวกนี้ไม่แน่ในอนาคตอาจจะมีประโยชน์ต่อนาง
หลังจากนั้นโรงเก็บฟืนของนางก็กลายเป็นโรงบ่มเครื่องหอม ร่างกายของหนานอิงเดิมซึมซับกลิ่นหอมเหล่านี้จนติดเป็นกลิ่นประจำกาย หอมกรุ่นเยือกเย็นทั้งยังช่วยผ่อนคลายจิตใจให้สงบ
กลิ่นเครื่องหอมผสมกับกลิ่นตัวของนางหากยืนห่าง ๆ ก็ไม่รู้สึกถึงมันแต่หากได้แนบชิดกลับรู้สึกถึงความหอมเย็นที่สบายยิ่ง กลิ่นกายของนางอันที่จริงก็เป็นข้อดีต่อร่างกายแต่กลิ่นนี้กลับกำลังทำร้ายนางอย่างรุนแรง
บุรุษน่ากลัวสองคนนั้นดันเกิดเป็นโรคประหลาด พวกเขามักจะหงุดหงิดงุ่นง่านและมีใจอยากสังหารคนอยู่เป็นประจำ ว่ากันว่าเป็นผลมาจากการสังหารคนในสงครามมาอย่างยาวนานจึงทำให้คนเป็นเช่นนี้ เดือดร้อนอ้ายเจิงต้องคอยประลองฝีมือเพื่อคลายความบ้านั้นอยู่เสมอ
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่ทำให้พวกเขาสามารถจิตใจสงบลงดูเหมือนจะเป็นกลิ่นกายของหนานอิง แม้นางจะไม่เต็มใจนักแต่บ่อยครั้งที่นางกลายเป็นเครื่องบำบัดอารมณ์วิปลาศให้สองพี่น้องสงบลง
พวกเขาอย่างมากก็กอดลูบคลำนาง ทั้งยังกอดนางแน่น ๆ คล้ายกับนางเป็นเครื่องบรรเทาจิตใจหาใช่คนผู้หนึ่ง
หนานอิงได้แต่ท่องอมิตาพุทธในใจ
การทำทานคือการสร้างกุศลอันประเสริฐเพื่อกลายเป็นเซียน
หานเซียวอาการดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติเขาก็ไม่ต่างจากลู่หนิงหวัง นับวันดูจะรุนแรงน่ากลัวมาก และยังทรมานนางด้วยการบีบบังคับให้ทำเรื่องทรมานเพื่อฝึกร่างกาย ถึงนางจะเดินเข้าหามันเองแต่นางไม่คิดว่าจะฝึกหนักและโหดปานนี้
ตั้งแต่ให้หาบน้ำจากทะเลสาบมาเทที่บ่อน้ำห้ามหยุดจนกว่าพวกเขาจะสั่งให้หยุดมาจนถึงการใช้มีดทำครัวหั่นผักด้วยวิธีการต่าง ๆ จนนางปวดข้อมือไปหมดแล้ว
บางวันพวกเขาออกไปผ่อนคลายล่ากวางมาหลายตัว ยังมีของบำรุงที่พวกเขาลงเขาแล้วเอามาโยนให้นางทั้งเป็น ฝึกให้หนานอิงฆ่ากวางเล่น ๆ ก่อนจะไปสังหารคนจริง แรก ๆ นางเองก็ไม่กล้าแต่แล้วเมื่อหานเซียวข่มขู่นางก็พลั้งมือฆ่ากวางไปจนเลือดสาด คนป่าเถื่อนนั่นนั่งอยู่มุมเดิมยังหัวเราะนางด้วยความขบขัน
"หากมันเป็นศัตรูคนที่ตายต้องเป็นเจ้า หาใช่มันอย่างแน่นอน เลิกหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่จะฆ่าคนเถิด ฮูหยินใหญ่สกุลหนานและบิดาของเจ้าบัดนี้กำลังจะกลายเป็นพระญาติแล้ว หากนางกลายเป็นพระญาติของฝ่าบาทไปจริง ๆ เจ้าจะยิ่งเข้าถึงตัวนางยากยิ่งขึ้น"
หนานอิงหัวเราะไม่ออก นางถามหานเซียวว่าเกิดอะไรขึ้นเหตุใดคนสกุลหนานจึงไปเกี่ยวดองกับราชวงศ์
หานเซียวไม่ยอมตอบเขาเพียงแต่บอกว่าหากนางบรรลุขึ้นหนึ่งขั้นเขาจะส่งข่าวให้นางรู้หนึ่งอย่าง นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่นางลงมือสังหารสิ่งมีชีวิตที่นับเป็นสัตว์ใหญ่ด้วยมือของตนเอง
วันต่อมาหนานอิงคิดว่าลู่หนิงหวังคงวิปริตไปจริง ๆ แล้ว เมื่ออาหารที่นำมาทั้งหมดเกือบสิบส่วนเป็นอาหารบำรุงธาตุของสตรี ทำให้เลือดลมเดินดีร่างกายสตรีแข็งแรงส่วนใหญ่ของพวกนี้เอาไว้บำรุงสตรีเพื่อให้ตั้งครรภ์
แต่ลู่หนิงหวังกลับบอกว่าเป็นอาหารเอาไว้บำรุงหานเซียวให้แข็งแรงขึ้น นางต่างหากที่เป็นคนโง่ไม่รู้อะไรจริงไม่จริง หนานอิงเองจึงตั้งใจทำอาหารด้วยของบำรุงพวกนี้สุดฝีมือ และลู่หนิงหวังยังสั่งให้นางทำเยอะ ๆ หานเซียวจะได้แข็งแรงไว ๆ
คุณชายเหล่านั้นล้วนเจริญอาหารอย่างอื่นที่นางทำ ยกเว้นแต่ของบำรุงที่นางตั้งใจทำให้กลับไม่ค่อยกิน พวกเขาไม่ยอมให้ทิ้งเพราะเสียดาย สุดท้ายก็บังคับนางให้กินจนบัดนี้หนานอิงมีเรี่ยวแรงขึ้นจากเดิมเพราะได้อานิสงจากอาหารที่ลู่หนิงหวังตั้งใจนำมาให้หานเซียว
นางจึงได้แต่คิดว่า แบบนี้ก็ดี อย่างน้อยผู้ได้ผลประโยชน์ที่สุดก็คือนาง
คงเป็นเพราะแบบนี้กระมังนางจึงมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก ไม่อ่อนแอเหมือนสมัยก่อนที่เลือกกินเพราะอยู่ในฐานะคุณหนูผู้ที่บิดารักใคร่
ความคิดของหนานอิงย้อนกลับเข้ามา เมื่อนางรู้สึกหนาวจนสั่นไปทั้งตัว ฉับพลันลู่หนิงหวังยกร่างของหนานอิงให้สูงขึ้น เขานั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวนั้นแทนนางก่อนจะปล่อยให้หนานอิงนั่งตักของตนเอง เท้าของนางยังแช่อยู่ในน้ำเพราะลู่หนิงหวังยังยกนางอย่างระมัดระวัง
เขากอดเอวเล็กของนางเอาไว้ แล้วเอ่ยว่า
"กินให้เยอะขึ้นเจ้าผอมลงไปอีกแล้ว จับแล้วเจอแต่กระดูกทิ่มตำทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบาย"
กล่าวจบเขาก็กอดนางเอาไว้ พร้อมกับซบใบหน้าลงมาที่ไหล่บางของนาง
หนานอิงจู่ ๆ รู้สึกใจเต้นแรง ทั้ง ๆ ที่เคยชินกับการกระทำแบบนี้ของเขาแล้ว
"ท่านไม่สบายอีกแล้วหรือ ไยไม่ให้นายท่านอ้ายเจิงตรวจเสียหน่อย"
ลู่หนิงหวังกลับตอบเสียงเย็น
"ข้าต้องการความสงบหากเจ้ากล้าพูดอีกข้าจะตัดลิ้นเจ้าเสีย"
หนานอิงจึงหุบปากเงียบ ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาที่เป่ารดใบหูของนางทำให้นางรู้สึกคันยุบยิบที่ไหนสักแห่ง ใกล้ ๆ หัวใจของนาง
ตั้งแต่วันนั้นที่นางกลับมานานที่เรือนของตน จู่ ๆ กลางดึกหานเซียวก็โผล่เข้ามา หนานอิงตกใจแทบสิ้นสติเพราะนางยังคงฝันร้ายเรื่องโจรที่ลักพาตัว การไม่ได้นอนกับพวกเขาทำให้รู้สึกวังเวงอยู่บ้าง
หานเซียวมาแบบไม่ตั้งตัวทั้งยังขอให้นางเปิดประตู หนานอิงไม่ยอมเปิด หานเซียวจึงถีบประตูจนกลอนประตูของนางหลุดออก
เสียงกรีดร้องของหนานอิงดังขึ้น
"เจ้าจะร้องด้วยเหตุใด หนวกหู"
เขาบ่นเบา ๆ แล้วยกตัวหนานอิงอย่างง่ายดายให้ขยับเข้าไปด้านใน
"เหตุใดท่านมาดึกดื่นเช่นนี้ มีธุระใดกับข้า"
หนานอิงลนลานนางเพิ่งเย็บถุงหอมเสร็จและเพิ่งดับตะเกียงได้ไม่นาน นางคิดจะจุดตะเกียงให้แสงสว่าง กลับถูกหานเซียวดึงร่างของนางให้นอนลง ทาบทับตัวของเขาเอาไว้
แผลด้านหลังของเขาหายเกือบสนิทแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาลองนอนหงายดูเมื่อเห็นว่าไม่ได้รับความเจ็บปวดก็ดีใจยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P
ไม่นะ หานเซียวจะตายแยบรี้ไม่ได้ ฮื่อออออๆๆ...