ย้อนกลับมาที่หนานอิงในตอนนี้ เป็นเพราะสมองคิดล่องลอยไปไกลถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จนร่างของนางโงนเงนไม่มั่นคง ฉับพลันแส้เส้นหนึ่งก็ฟาดลงมาที่หน้าขาของนางโดยทันใด
หนานอิงร้องออกมาด้วยความตกใจ นางถึงกับล้มคลุกฝุ่นแส้เส้นนั้นสะบัดแรงขึ้นฟาดเข้าที่ก้นของนางอย่างแรง
หนึ่งครั้ง สองครั้ง และ สามครั้ง
แรงของแส้นั้นนับว่าไม่น้อย นางกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่เอ่ยคำใดแล้วยันกายขึ้นจากพื้นมาทำท่าม้านั่งเช่นเดิม
"หากเป็นกระบี่เจ้าได้ตายไปแล้ว ขาของเจ้ายังไม่แข็งแรง จิตใจล่องลอย อย่าให้ข้าเห็นเจ้าเช่นนี้อีก"
หนานอิงกลืนก้อนสะอื้นลงคอ นางน้ำตาไหลแต่ไม่ร้องออกมาสักแอะ แม้จะเจ็บขาเจ็บก้นที่ถูกฟาด มิใช่ว่าตอนนี้ปริแตกแล้วหรือ
"กำลังขาที่แข็งแรงคือด่านแรกของการฝึกวรยุทธ์ ในขณะเดียวกันจิตใจของเจ้าต้องมั่นคงและมีสติตลอดเวลา อยู่ในสนามรบไม่เจ้าก็ศัตรูต้องตาย กระบี่ไร้ตาจงจำให้มั่น สติของเจ้าสำคัญที่สุด"
หนานอิงเข้าใจแล้ว นางฝึกมาเนิ่นนานทั้งยังตากแดด เหงื่อไคลไหลย้อยไหลลงมากองที่เสื้อจนเปียกชื้นไปหมด
อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นมากและนางที่ใช้แรงทั้งวันบัดนี้จึงมีเหงื่อโทรมกายแต่กลับเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่นางยิ่งเหงื่อออกก็ยิ่งขับกลิ่นกายของนางให้หอมกรุ่นออกมามากว่าในยามปกติ
ครานี้นางตั้งใจเต็มที่ไม่ว่อกแว่กอีกต่อไป ท่านั่งม้านี้ในคราแรกที่นางฝึกร่างกายปวดร้าวคล้ายจะหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ แต่ในยามนี้อาการนั้นได้หายไปแล้วเพียงแต่ต้องฝึกกำลังให้มาก
หนานอิงไม่ยอมแพ้ อย่างไรนางต้องฝึกให้สำเร็จ
ใบหน้าของหนานอิงแดงระเรื่อ แสงพระอาทิตย์เมื่อใกล้อัสดงช่วยขับเน้นผิวของนางให้ขาวผ่องราวหยกมันแพะ ลู่หนิงหวังขยับตัวไปนั่งบนขอนไม้ ห่างจากนางไม่มาก เขานั่งตัวตรงทั้งยังยกมือขึ้นมากอดอก มองนางอย่างตั้งใจ
ดวงตาคู่ดำสนิทมีประกายกระเพื่อมไหว จู่ ๆ ลู่หนิงหวังยกฝ่ามือของตนเองขึ้น เขาขยับมาช้า ๆ ตรงหน้าเขาสุดท้ายฝ่ามือนั่นกลับบังใบหน้าของหนานอิงจนมิด
ลู่หนิงหวังคล้ายจะยกมุมปากยิ้ม นางผู้นี้ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือเสียจริง ดวงตากลมโตนั่นก็น่าชังเป็นอย่างยิ่ง เห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจและยังเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ทำให้บังเกิดความรู้สึกบางเบาคล้ายมีใยแมงมุมกำลังถักทอรอบหัวใจของเขาทีละเส้น
ช่างเป็นความรู้สึกที่คล้ายจะบอบบางคล้ายจะหลุดลอย แต่อย่าได้เผลอไปจับมันเข้ามิเช่นนั้นมันได้พันมือพันร่างของจนน่ารำคาญยากจะสลัดออก
หนานอิงในยามนี้ ความรู้สึกที่เขามีช่างคล้ายใยแมงมุมนัก บอบบางและยากจะสลัดออกจากใจได้ยากนัก เพียงแค่คิดก็รู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง
ลมพัดโชยเอื่อย ลู่หนิงหวังที่นั่งอยู่ใต้ลมพลันได้กลิ่นหอมจาง เขาเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าลึกสูดจนเต็มรักด้วยความเผลอไผลและไร้สติ แน่นอนว่ากลิ่นนี้เขาคุ้นเคยดี กลิ่นหอมของร่างกายนาง ลู่หนิงหวังเงยหน้าขึ้นยังหลับตาพริ้ม
อ๊า หนานอิงเหตุใดร่างกายของเจ้าถึงได้หอมหวนยิ่งกว่ามวลดอกไม้เช่นนี้.....
แต่แล้วลู่หนิงหวังกลับทำหน้าบึ้งตึง เขาเบิกตาโพลง นี่เขาป่วยไข้อาการหนักหรืออย่างไร เขากำลังฝึกนางอย่างหนักอยู่มิใช่หรือ หาใช่เวลามาชื่นชมความงามของผู้ใด เขากำลังบ้าไปแล้ว
ยิ่งลมพัดโชย กลิ่นนั้นทำให้ลู่หนิงหวังรู้สึกอึดอัดยิ่ง เขาขยับห่างออกไป แต่กลิ่นหอมนั้นกลับติดจมูกเสียแล้ว แม้จะนั่งห่างเพียงนี้เขาก็ยังได้กลิ่น
ลู่หนิงหวังพลันรู้สึกหงุดหงุดใจ บังเกิดโทสะขึ้นมาโดยที่ไม่อาจควบคุม เขาไม่ได้โกรธนางแต่เขาโกรธตนเองที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เหตุใดสตรีนางนี้จึงได้มีกลิ่นหอมของร่างกายที่ประหลาดยิ่ง
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว ลู่หนิงหวังจู่ ๆ ลุกขึ้น เขาเดินไปคว้าถังน้ำที่ยังมีน้ำอยู่ครึ่งถังข้างบ่อเดินมาแล้วสาดเข้าที่ร่างของหนานอิงจนนางเปียกโชก
ใช่ ทั้งหมดเพื่อดับกลิ่นหอมที่ทำให้เขาเป็นไข้
หลังจากนั้นเขาก็ทำหน้าคล้ายคนที่ตายไปแล้ว เอ่ยวาจาที่แสนเย็นชาออกมา
"เหงื่อมากเช่นนี้ข้ารังเกียจยิ่ง วันนี้พอแค่นี้ไปชำระร่างกายเสียเถิด"
หนานอิงตกใจที่จู่ ๆ คนผู้นั้นก็สาดน้ำเข้าที่ร่างของนาง นางเม้มปากก่อนจะยืนตัวตรง ขาที่หยัดยืนในท่าเดิมมานางคล้ายจะเป็นตะคริวเล็กน้อย
หนานอิงในยามนี้เกินจะอดทนแล้ว นางจ้องเขาด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ ในใจคงก่นด่าไปถึงบรรพบุรุษแล้ว แต่นางก็ไม่อาจต่อกรกับลู่หนิงหวังได้ ทั้งยังเห็นท่าทางน่ากลัวของเขาแล้วก็ไม่กล้าขึ้นเสียงอีก
กระนั้นนางก็ยังด่าออกมาเบา ๆ คิดว่ามีเพียงตนเองเท่านั้นที่ได้ยิน
"คนบ้าผู้นี้ผีเข้าหรืออย่างไร จู่ ๆ เอาน้ำมาสาดข้า คนสารเลวนี่เขาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P
ไม่นะ หานเซียวจะตายแยบรี้ไม่ได้ ฮื่อออออๆๆ...